"พระพยอม" เตือนสติสาวกลัทธิ "พระบิดา" จะนับถืออะไรต้องสัปยุทธ์ด้วยปัญญา

"พระพยอม" เตือนสติสาวกลัทธิ "พระบิดา" จะนับถืออะไรต้องสัปยุทธ์ด้วยปัญญา

"พระพยอม" เตือนสติสาวกลัทธิ "พระบิดา" กินเสลด-ขี้ไคล รักษาโรค จะนับถืออะไรต้องสัปยุทธ์ด้วยปัญญา รับเห็นภาพข่าวแทบอาเจียน

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 65 พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี กล่าวถึงประเด็นลัทธิพระบิดาหรือลัทธิกินฉี่กินขี้ไคล ว่า อาตมาเห็นภาพข่าวแล้วแทบจะอาเจียนออกมาเลย ไม่นึกว่าจะเกิดแบบนี้ในเมืองไทย เสียดายพระที่อยู่ใกล้ๆ กับสำนักนี้ทำอะไรกันอยู่ อาตมาไม่นึกเลยว่าคนที่ไปเชื่อลัทธินี้อายุก็เยอะแล้ว โชคดีที่มีคนไปฟ้องหมอปลาก่อน ไม่ยังงั้นไม่รู้ว่าลัทธินี้จะแพร่ขยายไปไหนอีกเหมือนกับลัทธิที่ญี่ปุ่น แล้วความเชื่อนี้มันประหลาด พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงตรัสไว้ว่า ศรัทธาต้องสัมปยุทธ์ด้วยปัญญา เพราะถ้าไม่สัมปยุทธ์ด้วยปัญญาแล้วจะพาเข้ารกเข้าพงเลย แล้วถ้าเจ้าสำนักนี้ไปชวนฆ่าตัวตายขึ้นมาคนพวกนี้ก็พร้อมทำตามเหมือนลัทธิฆ่าตัวตายที่ญึ่ปุ่น อันตรายมาก จึงอยากฝากผู้ที่บริหารประเทศว่า รีบสั่งการไปถึงผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ผู้ว่า ถ้าพบลัทธิอุบาวท์แบบนี้เกิดขึ้นต้องรีบสกัดให้ไว อย่าปล่อยให้มีสาวกเพิ่มขึ้น ๆ เพราะเขาจะใช้ลูกศิษย์มาต้านตำรวจมาต้านเจ้าหน้าที่ หากลูกศิษย์เขามาเยอะกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะทำอะไรเขาไม่ได้ อย่าปล่อยให้บานปลายต้องรีบจัดการ

\"พระพยอม\" เตือนสติสาวกลัทธิ \"พระบิดา\" จะนับถืออะไรต้องสัปยุทธ์ด้วยปัญญา

พระพยอม กล่าวอีกว่า พวกเกลื่อนกราดดาษดา ชอบทำตัวเป็นศาสนาใหม่ ไม่รีบจัดการมันก็เกิดลัทธิแบบนี้ขึ้นมาเรื่อย ๆ แบบสาวกบ้าคลั่งลัทธินี้ กินไปได้ยังไง แถมยังมาบอกว่าพระบิดากำลังจะมาสร้างโลกอีก ทำให้คนบ้านนอก คนชายแดน คนที่การศึกษาไม่พอ หลงไปเชื่อลัทธิแบบนี้ สมัยก่อนก็เคยมีคล้ายแบบนี้เอาศพเด็กไปย่างไปเผาทำเครื่องรางของขลัง เหมือนกับการสร้างอาณาจักรความศักดิสิทธิ์ด้วยการทำให้เห็นว่า เขาอยู่กับศพได้โดยไม่กลัว สร้างปมเด่นให้คนหลงเชื่อ ส่วนประเด็นที่สงสัยว่าสังคมไทยกำลังป่วยหรือไม่นั้น ก็เผอิญเป็นช่วงจังหวะที่พระไม่ทำไม่ดีไม่งามไว้หลายเรื่องเข้า ก็อาจจะทำให้ผู้คนเลยหันไปนับถือพวกแอบอ้างคุณวิเศษแทน

\"พระพยอม\" เตือนสติสาวกลัทธิ \"พระบิดา\" จะนับถืออะไรต้องสัปยุทธ์ด้วยปัญญา

ส่วนเรื่องที่ชอบมีการกล่าวอ้างว่าการกินฉี่กินเสลดน้ำลายเป็นยาแบบสมัยพทธกาลนั้น มันก็มีอยู่แต่ต้องกินกับสมุนไพรบ้างตัวควบคู่กัน ไม่ใช่ไปกินเพรียวแบบนี้ อย่างเรื่องการกินอุจจาระนั้น ในสมัยพระพุทธเจ้าก็มีแต่เป็นการกินเพื่อทรมาน ไม่ให้ลิ้นติดรสชาตความอร่อย ลดจิตใจไม่ให้เป็นทาสลิ้น ไม่ใช่การกินเพื่อเป็นยา ภาพข่าวสาวกลัทธิที่อาตมาเห็นตอนกิน ต้องเบลอหน้าหนี ในคอก็อึกๆจะออกมา ไม่มีใครรับได้ ศาสดาคนนี้จะต้องได้การต่อต้านและการกำจัดเพราะไม่เป็นไปด้วยความดับทุกข์อย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นอีกหน่อยก็ไม่ต้องมีแพทย์ มีโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงทั้งหลายแล้ว อีกทั้งโรคส่วนใหญ่ก็ล้วนมาจากน้ำลายจากปากเป็นส่วนมาก สิ่งที่ลัทธินี้ทำอยู่จึงสวนกระแสสังคมในยุคปัจจุบันอย่างรุนแรง

นอกจากนี้อาตมาขอฝากเตือนไปถึงญาติโยมแถวจังหวัดชัยภูมิด้วยว่า ถ้าโยมจะนับถือเชื่อศรัทธาอะไรก็แล้วแต่ ขอให้สัปยุทธ์ด้วยปัญญา เอาสมองติดเครื่องกรองหน่อย ว่าของเหล่านี้ถ้ามันดีจริง ป่านนี้วงการแพทย์คงจะล้มสลายไปหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีเพราะฉะนั้นจะเชื่ออะไรศรัทธาอะไรก็ขอให้คร่ำครวญถึงความเป็นไปได้ คิดตามหลักของพระพุทธเจ้าสักนิดนึงคือ ไม่ต้องรีบรับและไม่รีบปฎิเสธ เพราะบางอย่างถ้ารีบรับไปแล้วเป็นสิ่งไม่ดีก็ซวยไป ถ้ารีบปฎิเสธแล้วสิ่งนั้นเป็นสิ่งดีเราก็เสียโอกาส ให้ดูว่าสิ่งนั้นเป็นไปได้ สิ่งไหนเป็นโทษ สิ่งไหนเป็นคุณ อย่างเสลดกับน้ำลายเป็นแหล่งของเชื้อโรคแล้วทำแบบนั้นเพื่ออ้างการรักษา มันก็ขัดแย้งย้อนแย้งกันในตัว สวนทางความเป็นจริง ขอให้เชื่ออย่างมีหลักการเทียบเคียง ตรึกตรอง จะได้ไม่อายชาวบ้านจังหวัดอื่นเขา จะพึ่งตนเองหรือจะพึ่งสิ่งศักดิสิทธิ์ พิจารณาดูว่าอย่างไหนจะพึ่งพาได้มากกว่ากัน