"ราคาน้ำมันดีเซล" พุ่งสูง! กระทบเรือประมงหยุดหาปลา - จ่อขึ้นราคาเรือโดยสาร

"ราคาน้ำมันดีเซล" พุ่งสูง! เรือประมงจอดนิ่ง ชี้ออกเรือทำประมงไม่คุ้มทุน วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาราคาน้ำมันเพื่อช่วยเหลือประชาชน ขณะที่ จ.ตรัง ผลพวง "น้ำมันแพง" กระทบ "เรือโดยสาร" เกือบ 100 ลำ

จากกรณีที่ "ราคาน้ำมันดีเซล" ปรับขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบในหลายอาชีพ เช่นเดียวกับชาวประมงพื้นบ้านที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จาก "ราคาน้ำมัน" ที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง

 

 

ที่บริเวณท่าเทียบเรือประมงพื้นบ้าน ต.แหลมสน และ ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล เป็นไปอย่างเงียบเหงา ชาวประมงนำเรือหลายลำมาจอดที่ฝั่ง เครื่องมือจับสัตว์น้ำถูกนำมาวางทิ้งไว้เต็มสองฝั่งบนถนน สอบถามชาวบ้านทราบว่า เนื่องจาก "ราคาน้ำมันดีเซล" ที่พุ่งสูงขึ้น บวกกับผลกระทบของโควิด-19 เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาสินค้าจำพวกสัตว์น้ำทางทะเลลดเกือบเท่าตัว การส่งออกสินค้าทางทะเลไปยังประเทศเพื่อนบ้านไม่สามารถส่งออกได้ หรือที่ส่งได้ก็ราคาต่ำ แต่ "ราคาน้ำมัน" ทุกวันนี้แพงขึ้น ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ต้องหยุดออกเรือทำการประมง เพราะออกไปแล้วก็ไม่คุ้มทุน

 

นายสมศักดิ์ อรุนพันธ์มณี ชาวประมงในพื้นที่ กล่าวว่า ตนเองมีอาชีพออกเรือวางลอบ วางไซ แต่ต้องหยุดออกเรือเพราะ "ราคาน้ำมัน" ที่สูงต่อเนื่อง จับปลามาได้นำไปขายก็ไม่คุ้มกับต้นทุน ทุกวันนี้ชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ ต.แหลมสน และ ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะราคาน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้นทุกวัน จะออกเรือทำประมงต้องใช้ต้นทุนหลายอย่าง ทั้งค่าน้ำมัน น้ำแข็ง ค่าของกิน อุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้จับสัตว์น้ำก็ต้องใช้ต้นทุนทั้งนั้น แต่ทุกวันนี้ต้นทุนมาสูงขึ้นเกือบเท่าตัวเนื่องจากราคาน้ำมันที่แพง แต่รายได้กลับลดลงเพราะราคาสัตว์น้ำถูกลงเกือบเท่าตัวเนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ทำให้ตลาดต้องการน้อย การส่งออกสินค้าลดลง

 

 

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ครอบครัวของตนทำอาชีพประมงพื้นบ้านมายาวนาน เช่นเดียวกับชาวบ้านในพื้นที่หลายร้อยครัวเรือน หรือกว่า90เปอร์เซ็นของประชากรใน ต.แหลมสน และ ต.ปากน้ำ ที่ประกอบอาชีพประมง ทุกวันนี้ออกเรือแต่ละวันได้ของมาขายหักค่าใช้จ่ายแทบจะไม่เหลืออะไรเลย ชาวประมงประสบปัญหาเช่นเดียวกันหมด จะไปทำงานอย่างอื่นก็ลำบาก ไม่มีไร่ มีสวน มีเพียงเรือ 1 ลำที่ใช้ประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวมาหลายชั่วอายุคน ที่ผ่านมาไม่เคยเจอแบบนี้ ทำให้ตอนนี้ครอบครัวของตนและชาวประมงพื้นบ้านทุกคนต้องประสบปัญหาขาดแคลนรายได้ จึงอยากฝากไปยังภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาดูแลและช่วยแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยแก้ปัญหาปากท้องให้กับชาวประมงพื้นบ้านที่ได้รับผลกระทบ

 

จ.ตรัง ผลพวง "น้ำมันแพง" กระทบ "เรือโดยสาร" จ่อปรับราคา


ที่ จ.ตรัง ราคา "น้ำมันแพง" ส่งผลกระทบต่อ "เรือโดยสาร" จำนวนเกือบ 100 ลำ ที่รับนักท่องเที่ยวไปตามเกาะต่าง ๆ แต่ยังคงไม่ปรับราคาค่าโดยสาร หวั่นสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนและกระทบการท่องเที่ยว

 

จากภาวะ "ราคาน้ำมันดีเซล" ที่พุ่งสูงขึ้น ยังส่งผลกระทบต่อประชาชนและธุรกิจทุกประเภทอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับประชาชนหาเช้ากินค่ำ ซึ่งอาชีพการขับเรือโดยสารวิ่งระหว่างเกาะต่างๆใน จ.ตรัง ทั้งเกาะสุกร , เกาะมุกด์ และ เกาะลิบง ซึ่งมีเรือโดยสารรวมประมาณ 100 ลำ ก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นเดียวกัน

 

โดยที่ท่าเรือหาดยาว ต.เกาะลิบง อ.กันตัง ซึ่งเป็นท่าเรือวิ่งรับส่งผู้โดยสารไป-กลับระหว่างบ้านหาดยาวกับเกาะลิบง ซึ่งมีเรือรวมกันประมาณ 60 ลำ ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่และเจ้าของเรือ รวมทั้งนายวิโรจน์ เบ็ญหมูด ประธานเรือโดยสารบ้านหาดยาว ว่า ต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถอยู่ได้ โดยการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารขึ้นอีก 2 คนต่อลำ (จากเดิมจำนวน 13 คน) เพิ่มเป็น 15 คน แต่ยังอยู่ในกรอบของการขออนุญาตทะเบียนเรือที่ระบุไว้ผู้โดยสาร 15 คนบวก 2 เพื่อหลีกเลี่ยงการปรับราคาค่าโดยสาร

 

ซึ่งจะยังคงเก็บค่าโดยสารในอัตราเดิมคือ คนละ 40 บาท เพราะหากปรับราคาค่าโดยสารขึ้นอีกจะทำให้กระทบกับประชาชนซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่และการท่องเที่ยว เพราะประชาชนจำนวนมากยังตกงานและค่าครองชีพสูง จึงไม่อยากเพิ่มภาระให้แก่ประชาชน

 

ทั้งนี้เมื่อเพิ่มจำนวนผู้โดยสาร 2 คน จะทำให้เรือแต่ละลำเก็บค่าโดยสารได้จำนวน 600 บาทต่อลำ ซึ่งเมื่อหักค่าน้ำมันแล้วแต่ละลำต้องใช้ประมาณวันละ 200 บาท จะทำให้มีรายได้วันละ 300-600 บาท ซึ่งไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว

 

นอกจากนี้เรือบางลำหากมีนักท่องเที่ยวติดต่อเข้ามา เพื่อให้นำเที่ยวชมทะเลตรังก็จะหันไปรับท่องเที่ยวด้วย เพราะมีรายได้คุ้มกว่าการวิ่งโดยสาร แต่การนำเที่ยวจะมีเข้ามาไม่มาก นาน ๆ มาครั้ง แต่เรือโดยสารสามารถวิ่งทุกวัน ทำให้ต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถอยู่ได้