สุวรรณภูมิ แจงหนุ่มคลั่งบุกสนามบิน เสพยาบ้าเกิดประสาทหลอน

ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีหนุ่มคลั่งบุกสนามบิน เจ้าตัวเผยเสพยาบ้าเกิดประสาทหลอน

จากกรณี เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 65 เวลาประมาณ 11.50 น. เกิดเหตุมีบุคคลภายนอกขับขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า GPX รุ่น DEMON สีดำ ทะเบียน 5กษ-3226 กรุงเทพมหานคร บุกรุกเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามภายในเขตการบิน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยภาพจากคลิปดังกล่าวจะเห็นว่ามีชายคนหนึ่งถือขวานเหล็กพร้อมด้ามไล่ทำร้ายเจ้าหน้าที่และวิ่งอยู่ใกล้กับเครื่องบินที่จอดในหลุมจอดที่ 101 โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของการท่าพยามเข้าจับกุมตัว แต่ชายคนดังกล่าวใช้ขวานไล่ฟันและวิ่งหนีขึ้นบันได้ท่าเทียบเครื่องบินจุดที่สามารถเชื่อมต่ออาคารผู้โดยสารได้ เจ้าหน้าที่การท่าจึงตัดสินใจเข้าชาร์จตัวเอาไว้ได้ทราบชื่อคือ นายวัชระ คำบุตร อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดเลย ทำงานเป็นช่างซ่อมสายพานลำเลียงคลังสินค้า ช้อปปี้ ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ พร้อมกับยึดของกลางเป็นปืนปลอมสั้น 1 กระบอก ขวานด้ามเหล็กยาวกว่า 50 เซนติเมตร กรรไกรปลายแหลมด้ามพลาสติก 1 อัน ยาบ้าสีส้ม 1 เม็ดบรรจุในกล่องพาสติกทองรูปพรรณ โดยในเบื้องต้นชายคนดังกล่าวยังอยู่ในอาการเมาเสาเสพติดและยังไม่สามารถเอาตัวมาสอบปากคำได้ จึงต้องนำตัวเข้าห้องขังเพื่อสงบสติอารมณ์ ที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ล่าสุด นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผกก.สภ.ท่าอากาศสุวรรณภูมิ ได้ร่วมกันชี้แจงจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ปฏิบัติหน้าที่เข้าระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที และเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอาวุธจึงทำให้ ผู้ก่อเหตุและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ขณะที่ผู้ก่อเหตุได้ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุนอกจากจะถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกเข้าไปในเขตพื้นที่หวงห้ามภายในท่าอากาศยานแล้ว จะต้องถูกดำเนินคดีจากข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ตามมาตรา 19 ด้วยข้อหาใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใดกระทำการอันอาจเป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยานบุกรุก ซึ่งมีระวางโทษหนักอาจถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หกแสนบาทถึงแปดแสนบาท นอกจากนี้ยังมีความผิดในการทำลายทรัพย์สินของท่าอากาศยานจนได้รับความเสียหาย รวมทั้งมีความผิดเนื่องจากเสพและมียาเสพติดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายอีกด้วย

ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ส่งผลให้มีทรัพย์สินส่วนหนึ่งของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับความเสียหายโดยตรวจพบประตูกระจกตรงช่องทางเข้าอาคารเทียบเครื่องบิน แตกเสียหายจำนวน 2 บาน เนื่องจากผู้บุกรุกได้ใช้อาวุธทุบประตูกระจกเพื่อพยายามหลบหนีเข้าไปในอาคารแต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสกัดจับได้เสียก่อน โดยท่าอากาศสุวรรณภูมิปฏิบัติตามขั้นตอนด้านการรักษาความปลอดภัยโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และ ผู้โดยสารเป็นสำคัญ

ด้าน พ.ต.อ. จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุว่า โดยในวันนี้เจ้าตัวเริ่มมีสติกลับมามากแล้วจนสามารถเล่าเหตุการณ์และจำเห็นการณ์ที่เกิดขึ้นได้จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่าลงมือทำไปจริง เพราะว่าก่อนหน้านี้ช่วงกลางคืนตนเองไปซื้อยาบ้ามาสิบเม็ดและเสพติดต่อกันไปถึงแปดเม็ดจนกระทั่งเลิกงานกลับถึงห้องพอนอนก็ได้ยินเสียงมีคนบอกให้ไปปล้นเครื่องบินจึงเอาปืนปลอมที่สั่งซื้อในลาซาด้าพกติดตัวออกมาส่วนขวานเหน็บติดรถไว้อยู่แล้ว จากนั้นก็ขี่ออกมาที่สนามบินตั้งใจขึ้นไปที่อาคารผู้โดยสารแต่ขับหลงไปทางดังกล่าว ตอนนั้นในหูได้ยินแต่เสียงคนบอกให้ไปอย่างเดียว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 มามาตรา 19 ข้อหาที่ 1,ผู้ใดใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใด กระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ถ้าการกระทํานั้น เป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน ผู้กระทําต้องระวางโทษประหารชีวิต จําคุกตลอดชีวิต หรือจําคุกตั้งแต่ 15-20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000-800,000 บาท ข้อหาที่ 2 , ข้อหาบุกรุก เป็นผู้ใดไม่มีเหตุอันสมควรหรือในครอบครองของผู้อื่นโดยใช้กำลังปะทุร้าย หรือบังคับขู่เข็ญ ข้อหาที่ 3, เป็นทำให้เสียทรัพย์ ข้อหาที่ 4 ,พกพาอาวุธขวานไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณโดยไม่มีเหตุอันสมควร ข้อหา 5. มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้า ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย ข้อหาที่ 6 , เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้า และข้อหาที่ 7,ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังปะทุร้าย ก่อนควบคุมตัวไว้เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป