ไวยาวัจกร ยัน "อดีตพระกาโตะ" นัดคืนเงินกลับวัดวันนี้

ช่างเข้ารื้ออุปกรณ์ไฟฟ้า ทรัพย์สินที่ถูกระบุว่าเป็นของส่วนตัวของ "อดีตพระกาโตะ" ออกจากวัด ไวยาวัจกรเร่งตามหาเงิน 6 แสนเบิกจากบัญชีวัดกลับคืน – เจ้าคณะจังหวัดส่งเข้าตรวจสอบทรัพย์สินวัดแล้ว

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 65 บรรยากาศที่วัดเพ็ญญาติ ตำบลกะเปียด อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ยังคงถูกติดตามอย่างใกล้ชิดหลังจากช่วงเที่ยงที่ผ่านมาได้มีช่างไฟฟ้าจำนวนหนึ่ง เข้ารื้อถอนอุปกรณ์ไฟฟ้าเช่นเครื่องปรับอากาศออกจากกุฏิที่อดีตพระกาโตะเคยอาศัย และเก็บทรัพย์สินที่ถูกระบุว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของอดีตพระกาโตะ ขึ้นรถกระบะเคลื่อนย้ายออกไปจากวัดไปเก็บยังสถานที่แห่งหนึ่งโดยไม่เป็นที่เปิดเผย

นายโชคดี นุมาศ ไวยาวัจกรวัดเพ็ญญาติ ระบุว่าตนเองไม่ได้เป็นคนลงนามในการเบิกเงิน แต่อดีตพระกาโตะ ได้โทรมาก่อนที่จะขอเบิกเงินโดยระบุว่าเป็นการขอยืม ซึ่งขณะนั้นไม่ได้มีปัญหาเพราะว่าเงินที่ได้มาของวัดกาโตะเป็นคนหาเข้ามาไม่ได้มีใครกังวลอะไรกับเรื่องนี้ ในวันนี้เขานัดที่จะคืนเงิน 6 แสนบาท ไว้แล้วแต่ขอไม่บอกว่าที่ไหนเพราะว่าเดี๋ยวจะวุ่นวายไปมากกว่านี้ ไม่ควรติดตามไปแล้วเมื่อเขาคืนมาก็จบไม่มีปัญหาอะไร ไวยาวัจกร วัดเพ็ญญาติ ยังแสดงความไม่สบายใจด้วยว่าเรื่องนี้เป็นข่าวไปในด้านที่ไม่ดีอย่างมากแต่ด้านที่ดีกลับไม่ค่อยมีใครสนใจมากนักความดีที่ปรากฎอยู่ในวัดนั้นมีมาก

ส่วนการตรวจสอบทรัพย์สินภายในวัดล่าสุดนั้น พระครูสิริธรรมาภิรัตน์ เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ธรรมยุติ ได้ออกคำสั่งให้พระครูอรรคธรรมโกวิท เจ้าคณะอำเภอฉวาง ธรรมยุติ ได้เข้าตรวจสอบทรัพย์สินภายในวัดอย่างละเอียด โดยติดตามการเบิกจ่ายบัญชีวัดรวมทั้งทรัพย์สินภายในวัด เพื่อความถูกต้องและชัดเจนรวมทั้งพิจารณาว่ามีทรัพย์สินใดที่ถูกนำออกไปและเข้าข่ายเป็นทรัพย์สินวัดหรือไม่ สำหรับพระกาโตะอยู่ในสถานะรักษาการเจ้าอาวาส หรือไม่ต้องตรวจสอบคำสั่งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

นอกจากนั้นยังมีกระแสข่าวว่ามีความพยายามในการติดตามเงิน 3 แสนบาทจากพระคนกลางที่ถูกระบุว่ายังไม่ได้ใช้จ่ายออกไปในการเคลียร์กับนักข่าว ส่วนพระคนกลางรายนี้มีการเปิดเผยข้อมูลอีกด้านถึงการต้องหมายจับในคดีเช็คเด้ง ซึ่งยังไม่ได้มีการดำเนินคดีโดยหมายฉบับนี้ออกตั้งแต่ปี 2560 และจะสิ้นอายุความ กันยายน 2565 ทำให้สร้างแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้งและหลายส่วนกำลังติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่แหล่งข้อมูลจากสำนักงานพระพุทธศาสนา ระบุว่าเรื่องนี้ได้สร้างความหนักใจให้กับข้าราชการระดับจังหวัดอย่างมากเนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้นนั้นอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายจะอยู่ที่พระสังฆฏาธิการตามลำดับหมายถึงเป็นหน้าที่โดยตรงของเจ้าคณะปกครองแต่ละช่วงชั้น เช่นกรณีของพระคนกลางจะเป็นการพิจารณาของเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช และด้วยเหตุผลบางประการทำให้พระผู้ใหญ่รวมทั้งข้าราชการที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวมากนัก