อิสตันบูล One Day Trip ปักหมุด 4 แลนด์มาร์กสุดปัง รอต่อเครื่องก็เที่ยวได้

เที่ยวอิสตันบูล One Day Trip ปักหมุดชมแลนด์มาร์กสำคัญของตุรกี ผ่านการรับสิทธิ์ "Stopover in Istanbul" พักฟรีหรือ "Tour Istanbul" ทัวร์ฟรี ที่มอบให้ผู้โดยสารของเตอร์กิช แอร์ไลน์ส โดยเฉพาะ
KEY
POINTS
- เปิดประสบการณ์เที่ยวเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี แบบ One Day Trip ระหว่างช่วงเวลารอต่อเครื่องบิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเส้นทางบินระยะไกล โดยนักเดินทางจะต้องมาต่อเครื่องที่สนามบินอิสตันบูลนานหลายชั่วโมง
- สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส มอบโปรแกรมพิเศษแก่ผู้โดยสารของสายการบินที่รอต่อเครื่องโดยเฉพาะ ได้แก่ เลือก "Stopover in Istanbul" รับสิทธิ์ที่พักฟรี หรือเลือก "Tour Istanbul" รับสิทธิ์ทัวร์ฟรี
- จุดประกาย แนะนำแหล่งท่องเที่ยวอิสตันบูล ปักหมุด 3 แลนด์มาร์ก และ 1 กิจกรรมไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ มัสยิดฮาเกีย โซเฟีย, อ่างเก็บน้ำโบราณ, ตลาดแกรนด์บาร์ซาร์ และปิดท้ายกับการล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส
สำหรับนักเดินทางสายเที่ยวต่างประเทศ การแวะรอต่อเครื่องระหว่างเส้นทางระยะไกลคือเรื่องปกติ แต่จะดีกว่าไหม? หากการพักรอต่อเครื่องนานๆ หลายชั่วโมง กลายเป็นช่วงเวลาท่องเที่ยวอันแสนประทับใจได้ โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางไปอังกฤษส่วนใหญ่ต้องแวะต่อเครื่องกันที่ "สนามบินอิสตันบูล" ประเทศตุรกี ซึ่งถือเป็นฮับในการต่อเครื่องเชื่อมโยงเอเชียสู่ยุโรป นอกจากเป็นจุดแวะพักเพื่อเดินทางต่อแล้ว "มหานครสองทวีป" แห่งนี้ ยังเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์และประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ที่รอคอยให้นักเดินทางไปเที่ยวชมสัมผัสเสน่ห์ความอลังการของอารยธรรมไบแซนไทน์และออตโตมันได้แบบ One Day Trip!
จุดประกาย กรุงเทพธุรกิจ ชวนเปิดประสบการณ์ปักหมุดเที่ยวอิสตันบูล ระหว่างพักรอต่อเครื่องไปกับ 4 พิกัดท่องเที่ยวสุดปัง ประกอบด้วย 3 แลนด์มาร์กอลังการระดับโลก ทั้งมัสยิดฮาเกีย โซเฟีย, อ่างเก็บน้ำโบราณ, ตลาดแกรนด์บาร์ซาร์ และปิดจบด้วยอีก 1 กิจกรรมล่องเรือพร้อมดินเนอร์ยามค่ำคืน ทั้งหมดนี้เสิร์ฟเสน่ห์ตุรกีให้คุณสัมผัสได้ครบจบฟินในทริปสั้น แค่วันเดียวก็เที่ยวจัดเต็มแบบสุดคุ้ม
จุดประกาย ได้มีโอกาสร่วมทริปสุดพิเศษชมดิสเพลย์ธีมดิสนีย์ ฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่ เซลฟริดเจส (Selfridges) ห้างหรูระดับตำนานของโลก โดยกลุ่มเซ็นทรัล และสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส สายการบินแห่งชาติตุรกี ซึ่งในระหว่างรอพักต่อเครื่อง ก็ได้เปิดประสบการณ์การทัวร์ฟรีที่อิสตันบูล ผ่าน โปรแกรมพิเศษที่ทางสายการบินมอบสิทธิ์ให้แก้ผู้โดยสารที่เดินทางระยะไกลด้วย ซึ่งถือเป็นหนึ่งทริปท่องเที่ยวต่างประเทศที่น่าจดจำ
(โปรแกรมพิเศษ: ผู้โดยสารเตอร์กิช แอร์ไลน์ส เลือกได้ระหว่าง “Stopover in Istanbul” เพื่อรับที่พักฟรี! หรือ “Tour Istanbul” เพื่อรับทัวร์ฟรี!)
สำหรับ อิสตันบูล เป็นเมืองที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างตะวันออกและตะวันตก เป็นศูนย์กลางที่เชื่อมต่ออารยธรรมอันรุ่งโรจน์ของยุโรปและเอเชียเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยความสะดวกในการเดินทาง และการคมนาคมภายในเมืองที่เข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญได้ง่าย ทริปสั้นๆ แบบ One Day Trip จึงสามารถทำให้เราเก็บเกี่ยวประสบการณ์สุดพิเศษในมหานครแห่งนี้ได้ไม่ยากและคุ้มค่า โดยเราเริ่มต้นการเดินทางโดย "รถราง" ระบบคมนาคมขนส่งท้องถิ่นของชาวอินตันบูล ซึ่งเดินทางได้สะดวกสบายเหมือนกับรถไฟฟ้าบ้านเรา
เปลี่ยนเวลารอเป็นเวลาว้าว! เที่ยวชม "มัสยิดฮาเกีย โซเฟีย" เสน่ห์มรดกโลก
พิกัดแรกที่เราไปเที่ยวชมกันในทริปนี้ก็คือ มัสยิดฮาเกีย โซเฟีย ซึ่งเราไปขึ้นรถรางสาย T1 (Kabataş - Bağcılar) จากสถานี "Sirkeci" แล้วมาลงที่สถานี "Sultanahmet" จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5-7 นาที ก็จะถึงมัสยิดฮาเกียโซเฟียเลย
สำหรับมัสยิดใหญ่ฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia Grand Mosque) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6 เป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านทางประวัติศาสตร์หลายยุคสมัย แต่เดิมเคยเป็นโบสถ์ของชาวคริสต์ หรือ "มหาวิหารคริสต์ออร์ทอดอกซ์" ก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็นมัสยิดในสมัยจักรวรรดิออตโตมัน และกลับคืนสู่สถานะมัสยิดอีกครั้งในปี ค.ศ. 2020
ด้วยความอลังการของโดมขนาดมหึมาที่เป็นนวัตกรรมแห่งยุค และงานโมเสกอันล้ำค่าที่ถูกรักษาไว้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ที่นี่ได้รับการยกย่องเป็น มรดกโลก จาก UNESCO ซึ่งก็มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่นักเดินทางควรมาเยือนสักครั้งในชีวิต เมื่อก้าวเท้าเข้าไปชมภายในมัสยิดแห่งนี้ ก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับความยิ่งใหญ่โอ่โถง และการออกแบบสถาปัตยกรรมที่แปลกตา โดยมีการผสมผสานของศิลปะอิสลามและคริสต์ที่อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว
ส่วนไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดชมภายในมัสยิดแห่งนี้ ก็คือ "ภาพโมเสก" อันทรงคุณค่าจากคริสต์ศตวรรษที่ 11-13 โดยโมเสกชิ้นเล็กจิ๋วเหล่านี้มาจากยุคไบแซนไทน์ เอามาประกอบต่อกันจนกลายเป็นภาพถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์และศาสนาในยุคนั้น ภาพดังกล่าวประดับอยู่บนผนังและโดม ยิ่งได้ชมในรายละเอียดของชิ้นงานก็ยิ่งทึ่งในฝีมือของช่างในยุคนั้น ที่มีความประณีตและสะท้อนถึงศิลปะคริสต์ในอดีตได้อย่างชัดเจน โดยมีให้ชม 3 ภาพ ได้แก่
- ภาพโมเสกจากคริสต์ศตวรรษที่ 11 แสดงองค์พระเยซูประทับบนบัลลังก์อยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วย จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 9 โมโนมาคอส (Constantine IX Monomachos) ทางซ้าย และจักรพรรดินี Zoe ทางขวา
- ภาพโมเสกจากคริสต์ศตวรรษที่ 12 แสดงพระแม่มารีอุ้มพระกุมารประทับตรงกลาง โดยมีจักรพรรดิ จักรพรรดิจอห์นที่ 2 โคมเนนอส (John II Komnenos) และจักรพรรดินี Eirene อยู่ด้านข้าง
- ภาพโมเสก Deesis อายุราวคริสต์ศตวรรษที่ 13 หนึ่งในผลงานศิลปะไบแซนไทน์อันทรงคุณค่าแห่งฮาเกีย โซเฟีย โดยปรากฏพระเยซูประทับตรงกลาง รายล้อมด้วย "พระแม่มารี" ทางซ้าย และ "นักบุญยอห์น บัปติสต์" ทางขวา ทั้งสองกำลังวิงวอนเพื่อมนุษยชาติ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของศิลปะคริสต์ยุคไบแซนไทน์
"Basilica Cistern" อ่างเก็บน้ำโบราณใต้พิภพแห่งตำนานเมดูซา
ก้าวสู่โลกใต้ดินที่น่าทึ่งของ Basilica Cistern (อ่างเก็บน้ำบาซิลิกา) อาคารลักษณะโถงถ้ำสุดยิ่งใหญ่อวดโฉมสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ที่แสนน่าทึ่ง สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 6 โดยจักรพรรดิจัสติเนียนที่ 1 เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำให้พระราชวังหลวง
โถงใต้ดินขนาดใหญ่แห่งนี้โดดเด่นด้วยเสาหินอ่อนโบราณจำนวน 336 ต้น ที่ตั้งตระหง่านเรียงรายเป็นระเบียบ สร้างบรรยากาศที่น่าอัศจรรย์และลึกลับราวกับถ้ำในเทพนิยาย เสาแต่ละต้นสูง 9 เมตร และเรียงเป็น 12 แถว ทำให้การเดินสำรวจภายในให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในป่าเสาปูนยักษ์ใต้ดิน ที่มีแหล่งน้ำอยู่ด้านล่าง ทำให้เห็นภาพสะท้อนเงาเสาในผิวน้ำอย่างงดงาม
จุดดึงดูดสำคัญ คือ หัวเมดูซา (Medusa) สองหัว ซึ่งถูกใช้เป็นฐานรองใต้เสาสองต้นทางขอบตะวันตกเฉียงเหนือ สำหรับ "เศียรเมดูซา" ว่ากันว่าเป็นสัตว์ประหลาดในเทพนิยายกรีก ถูกนำมาจัดวางในลักษณะกลับหัวหรือตะแคงอย่างจงใจ ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของการแกะสลักหินในยุคโรมัน ที่เต็มไปด้วยตำนานอันลึกลับน่าค้นหา
ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำนี้ได้รับการปรับปรุงและเปิดให้เข้าชมในฐานะพิพิธภัณฑ์ระดับโลก มีการจัดแสดงอีเวนต์ต่างๆ และในรอบที่เราได้เข้าชมนี้ มีการจัดแสดงศิลปะจัดวางประกอบแสงสี ตามจุดต่างๆ ระหว่างทางเดินชมด้วย
"Grand Bazaar" ตลาดในร่มเก่าแก่ ศูนย์กลางเศรษฐกิจอิสตันบูล
ถัดมาในช่วงบ่าย เราเดินทางต่อเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตและศูนย์กลางเศรษฐกิจของอิสตันบูลอย่างลึกซึ้งที่ แกรนด์บาร์ซาร์ (GRAND BAZAAR) ตลาดในร่มที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งชาวตุรกีรู้จักกันในชื่อ “Kapalıçarşı” หรือ "Covered Market" ตลาดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1461 โดย สุลด่านเมห์เหม็ดที่ 2 หลังจากการพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล เพื่อกระตุ้นความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ และเป็นแหล่งซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าสำคัญบนเส้นทางสายไหมยุคใหม่ ที่เชื่อมต่อระหว่างยุโรปตะวันออกและเอเชีย
ตลาดแห่งนี้ยังคงมีความงามและน่าหลงใหลของสถาปัตยกรรมในอดีตให้เห็น เช่น "Cevahir Bedesten" โดมสูงที่โถงกลางของตลาดที่มีคุณค่าและเก่าแก่มากที่สุด ภายในตลาดมีร้านขายสินค้าหลากหลายประเภทให้เลือกซื้อเลือกหา ไม่ว่าจะเป็น เครื่องประดับ, เครื่องปั้นเผาอันวิจิตร, พรมและงานเย็บปักถักร้อย, เครื่องเทศหลากสี, ขนมหวานขึ้นชื่ออย่าง บัคลาวา (Baklava) และ เตอร์กิช ดีไลท์ (Turkish Delight)
เราได้ลองชิม บัคลาวา ทำจากแป้งฟิลโลบางกรอบหลายชั้น สอดไส้ด้วยถั่วบด (พิสตาชิโอ, วอลนัท) ผสมเครื่องเทศ แล้วราดด้วยน้ำเชื่อม ชิมแล้วหอมถั่วรสชาติหวานฉ่ำติดลิ้น กินเดี่ยวๆ อาจจะหวานเดินไป แต่พอกินคู่กับน้ำชาร้อนๆ ก็อร่อยลงตัวทีเดียว
ส่วนสินค้าขึ้นชื่อสุดฮิตที่หลายคนนิยมซื้อไปเป็นของฝากกัน คงหนีไม่พ้น Evil Eye หรือ "นัยน์ตาปีศาจ" (Nazar Boncuk) เป็นเครื่องรางตาแก้วสีน้ำเงินฟ้า ที่เชื่อว่าช่วยปกป้องคุ้มครองจากสิ่งชั่วร้าย โดยรวมตลาดแห่งนี้เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในฉากภาพยนตร์ผจญภัยสุดคลาสสิก ที่คุณสามารถสัมผัสวิถีวัฒนธรรมของตุรกีได้อย่างแท้จริง
"Bosphorus Cruise" ล่องเรือชมเมืองสองทวีปพร้อมดินเนอร์มื้อค่ำสุดฟิน
ปิดท้าย One Day Trip ที่น่าประทับใจนี้ด้วยกิจกรรมสุดคลาสสิกและโรแมนติกอย่าง Bosphorus Cruise (ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส) โดยช่องแคบบอสฟอรัส เป็นพรมแดนธรรมชาติที่แบ่งอิสตันบูลออกเป็นสองฝั่ง คือ ฝั่งเอเชียและยุโรป การล่องเรือชมวิวเหนือผิวน้ำแบบนี้ทำให้ได้ชมวิวเมืองทั้งสองฝั่งในมุมมองที่แตกต่าง โดยเฉพาะยามเย็นหรือยามค่ำคืนที่เมืองทั้งสองฝั่งต่างสะท้อนแสงไฟระยิบระยับ
แน่นอนว่าไฮไลต์สำคัญของการล่องเรือก็คือการได้ชมตึกรามบ้านช่อง และสถานที่สำคัญต่างๆ บนฝั่ง ไม่ว่าจะเป็น พระราชวังโบราณ (เช่น พระราชวัง Dolmabahçe), มัสยิด, ป้อมปราการ และสะพานที่เชื่อมสองทวีปเข้าด้วยกัน แถมยังได้อิ่มอร่อยไปกับ ดินเนอร์มื้อค่ำบนเรือ ลิ้มรสชาติปลาอบสไตล์ท้องถิ่นพร้อมสลัดผักสดกรอบ
รวมถึงเมนูอาหารท้องถิ่นคาวหวานอีกมากมาย จบด้วยผลไม้สด ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับชาตุรกีร้อนๆ หอมกรุ่น เป็นการปิดฉากวันแห่งการค้นพบที่สมบูรณ์แบบที่ผสมผสานความหรูหรา ความโรแมนติก และรสชาติของตุรกีไว้อย่างลงตัว
พูดได้เลยว่า.. อิสตันบูล One Day Trip ได้มอบทั้งความประทับใจและประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบเกินกว่าที่คาดคิด การได้ดื่มด่ำไปกับความยิ่งใหญ่ทางสถาปัตยกรรมระดับโลก และได้ชมวิถีวัฒนธรรมและจิตวิญญาณแห่งการค้าขายที่งดงามของตุรกี และการล่องเรือชมวิวยามค่ำคืน ล้วนทำให้ทุกช่วงเวลาในมหานครแห่งนี้เต็มไปด้วยการค้นพบใหม่ที่เราได้เก็บความทรงจำดีๆ และหอบความประทับใจกลับบ้านไปเต็มๆ
ล้อมกรอบ
บินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส แวะเที่ยวอิสตันบูลฟรี!
เปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ
สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส (Turkish Airlines) ร่วมกับพันธมิตรสำคัญ กลุ่มเซ็นทรัล จัดทริปสุดพิเศษเป็นปีที่ 2 พาคณะสื่อมวลชนไทยร่วมสัมผัสเส้นทางแห่งความร่วมมือระหว่างสองแบรนด์ระดับโลก การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงเปิดมุมมองใหม่ด้านธุรกิจและการท่องเที่ยว แต่ยังเน้นย้ำถึงการบริการอันอบอุ่นและพิถีพิถันของเตอร์กิช แอร์ไลน์ส ที่ทำให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความหมายและคุณค่า
ทริปนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ได้เดินทางเยือนประเทศอังกฤษ เพื่อสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่ เซลฟริดเจส (Selfridges) ห้างหรูระดับตำนานของโลก ภายใต้การบริหารของกลุ่มเซ็นทรัล ก่อนจะแวะพักที่อิสตันบูล ประเทศตุรกี เพื่อสัมผัสมนต์เสน่ห์ของเมืองแห่งอารยธรรมผ่านโปรแกรม “Stopover in Istanbul” ที่ทำให้การแวะต่อเครื่อง ยิ่งสนุกและน่าประทับใจกว่าที่เคย
สำหรับโปรแกรมดังกล่าวจะมอบให้ผู้โดยสารของเตอร์กิช แอร์ไลน์ส ที่มีช่วงเวลาต่อเครื่องที่อิสตันบูลตั้งแต่ 20 ชั่วโมงขึ้นไป สามารถเปลี่ยนช่วงเวลานี้ให้กลายเป็นการค้นพบใหม่ที่น่าประทับใจ ด้วยสิทธิ์เข้าพักฟรีในโรงแรมหรู (โรงแรมระดับ 4 ดาว 1 คืน สำหรับตั๋วบินชั้นประหยัด และโรงแรมระดับ 5 ดาวสูงสุด 2 คืน สำหรับตั๋วบินชั้นธุรกิจ)
ผู้โดยสารสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของสายการบิน turkishairlines เพื่อรับสิทธิ์นี้ โดยค่าใช้จ่ายส่วนของโรงแรมทางสายการบินจะรับผิดชอบให้ทั้งหมด (ไม่รวมค่าเดินทางและค่าท่องเที่ยวอื่นๆ) สิทธิพิเศษนี้สะท้อนแนวคิดของสายการบินที่เชื่อว่าทุกการเดินทางควรเป็นมากกว่าการเดินทางจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง โดยสิทธิ์พิเศษนี้ยังไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด และเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง แต่บริการนี้จะต้องจองโดยตรงกับสายการบินเท่านั้น
นอกจากโปรแกรม Stopover ที่ให้สิทธิ์พักฟรีแล้ว ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกคือ ทัวฟรี! ไปกับ “Tour Istanbul” แบบเดย์ทัวร์ สำหรับผู้โดยสารที่มีระยะเวลาต่อเครื่อง 6 - 24 ชม. โดยมีตั้งแต่ทัวร์ครึ่งวันไปจนถึงทัวร์เต็มวัน หรือทัวร์ดินเนอร์ล่องเรือที่อาจรวมการเข้าชมสถานที่อื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ ทั้งสองโปรแกรมดังกล่าว ผู้โดยสารจะต้องเลือกระหว่างการรับทัวร์ฟรีหรือที่พักฟรีอย่างใดอย่างหนึ่ง
ไม่เพียงเท่านั้น เตอร์กิช แอร์ไลน์ส ยังมีบริการที่โดดเด่น คือ โปรแกรม “Boarding Pass Privileges” ที่มอบสิทธิพิเศษให้ผู้โดยสารสามารถรับส่วนลดจากร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง และกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ ในประเทศตุรกี รวมทั้งศูนย์การค้า ห้างร้านในเครือกลุ่มเซ็นทรัลทั้งในยุโรปและประเทศไทย เพียงแสดงบัตรโดยสารของเตอร์กิชแอร์ไลน์ส โดยสิทธิประโยชน์นี้สามารถใช้ได้ยาวนานถึง 15 วัน หลังจากเดินทางถึงปลายทาง
สำหรับเส้นทางบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์ส ก็มีให้บริการครอบคลุมระหว่างประเทศไทยและสหราชอาณาจักรมากที่สุด ด้วยตารางบินที่หลากหลาย เช่น เที่ยวบินจาก กรุงเทพฯ สู่ อิสตันบูล จำนวน 24 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ขณะที่เที่ยวบินต่อเครื่องจากอิสตันบูล สู่ ลอนดอน, แมนเชสเตอร์, เบอร์มิงแฮม ในสหราชอาณาจักร ก็มีรวมๆ แล้วมากถึง 50-60 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เลยทีเดียว
นอกจากนี้ สายการบินยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในฝูงบินรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงในการประหยัดเชื้อเพลิง (Airbus A350, Boeing 787 Dreamliner) พร้อมดำเนินมาตรการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (บัตรโดยสารดิจิทัล, ลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว) ขณะที่โปรแกรม Stopover in Istanbul ยังเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ที่ให้นักเดินทางได้สัมผัสและมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมและชุมชนท้องถิ่นของประเทศตุรกี ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าจดจำ และเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ในด้านการท่องเที่ยว







