ลายแทง...ดูดอกไม้นามพระราชทาน 'สมเด็จพระพันปีหลวง'

ชวนเที่ยวชมดอกไม้ป่านามพระราชทานจาก สมเด็จพระพันปีหลวง (ดุสิตา, สร้อยสุวรรณา, ทิพเกสร) เบ่งบานให้ชมความงามช่วงปลายฝนต้นหนาว โดยเฉพาะใน จ.อุบลราชธานี และ จ.มุกดาหาร
KEY
POINTS
- สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้พระราชทานนามแก่ดอกไม้ป่า 5 ชนิด คือ ดุสิตา, สร้อยสุวรรณา, ทิพเกสร, สรัสจันทร และมณีเทวา
- ดอกไม้ป่าพระราชทานเหล่านี้จะเบ่งบานให้ชมความงามในช่วงปลายฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว (ประมาณเดือนตุลาคม - มกราคม)
- สามารถชมทุ่งดอกไม้นามพระราชทานได้ในหลายพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดอุบลราชธานีและมุกดาหาร เช่น อุทยานแห่งชาติผาแต้ม และอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ
ในช่วงปลายฤดูฝน เมื่อความชื้นใกล้หมดไปจากพื้นดินทรายที่ปกคลุมลานหินทรายกว้างใหญ่ไว้อย่างบางๆ จะมีพืชพันธุ์อยู่ประเภทหนึ่ง แต่มีหลายชนิดออกดอกบานสะพรั่งปะปนกัน มีขนาดไล่เลี่ยกัน มีวิถีชีวิตที่คล้ายคลึงกัน งอกงาม เจริญเติบโต ออกดอกผลิบานเพื่อเตรียมแพร่พันธุ์และแห้งตายจากไปคล้ายๆ กัน ราวกับว่าเป็นพืชพันธุ์ชนิดเดียวกัน ชาวบ้านที่มีถิ่นฐานอยู่ในบริเวณที่มีธรณีสัณฐานเป็นหินทราย มีป่าเต็งรังเป็นลักษณะป่าหลัก ชาวบ้านเรียกรวมๆ ว่า “ดอกหญ้า” เพราะมันเหมือนหญ้าทั่วๆ ไป เพียงแต่มันมีดอกที่สีสันสะดุดตาเท่านั้นเอง
แต่แท้จริงแล้วแม้พืชพวกนี้บางส่วนจะเป็นพืชสกุลเดียวกัน แต่ก็ไม่ใช่ชนิดเดียวกันทั้งหมด อย่างน้อยลักษณะรูปร่างของดอก สีสันของดอก ก็แตกต่างกัน แต่กลุ่มดอกไม้ดินเหล่านี้ล้วนมีวงจรชีวิตคล้ายๆ กัน กล่าวคือ เริ่มแทงต้นงอกเงยเจริญเติบโตในช่วงฤดูฝน อยู่บนพื้นดินทราย และพอฝนเริ่มห่าง ซึ่งนั่นหมายถึงความชื้นในดินจะลดน้อยลงแล้ว พืชเหล่านี้จะรีบออกดอกผลิบาน เพื่อดำรงพงศ์เผ่าและแห้งตายไปในที่สุด วัฏจักรของดอกไม้ดินเหล่านี้จึงวนเวียนปีต่อปี
แต่ในช่วงที่เขาเหล่านี้บานสะพรั่งนั้น จะสวยงามด้วยสีสันที่คละเคล้าปนเปกัน ในยามที่ลมพัด ก็จะโยกไหว พลิ้วไปตามแรงลม ทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อวลไปทั้งบริเวณอีกด้วย บางพื้นที่จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปโดยปริยาย เพราะนี่คือปรากฏการณ์ทุ่งดอกไม้ธรรมชาติที่ไม่มีในภูมิภาคอื่น มีเพียงทางภาคอีสานเท่านั้น และ ไม่ใช่ว่าภาคอีสานจะมีทั้งภูมิภาค ต้องมีภูมิประเทศและองค์ประกอบที่พอเหมาะพอควรด้วย จึงจะมีทุ่งดอกไม้เหล่านี้ปรากฏให้เห็น
“พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จทรงงานในทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยสมเด็จพระพันปีหลวงนั้นทรงสนพระราชหฤทัยธรรมชาติรอบพระวรกายอยู่เสมอ ดั่งเมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินทรงงานและประทับ ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนครนั้น ทรงทราบว่า มีทุ่งดอกไม้ป่าที่สวยงามตามธรรมชาติกำลังออกดอกผลิบาน และจะแห้งตายเมื่อเข้ากลางฤดูหนาว จึงได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตร และทรงศึกษาพันธุ์ดอกไม้ป่าเป็นการส่วนพระองค์ ณ บริเวณทุ่งดอกไม้ป่า หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติผาแต้ม หน่วยที่ 1 (สร้อยสวรรค์) ทรงเสด็จมาทอดพระเนตรทุ่งดอกไม้แห่งนี้ครั้งแรกเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2542
ซึ่งในบรรดาดอกไม้ในทุ่งเหล่านี้ มีสีสันที่สะดุดตาเป็นที่โดดเด่น เช่น สีเหลือง สีขาว สีม่วงเข้ม ขึ้นปะปนกันเป็นบริเวณกว้าง จึงทรงพระราชทานชื่อแก่ดอกไม้ป่า 5 ชนิด ในทุ่งแห่งนี้ อันได้แก่ มณีเทวา, ทิพเกสร, สรัสจันทร, ดุสิตา, และสร้อยสุวรรณา ทั้งได้มีพระราชเสาวนีย์ให้ช่วยดูแลรักษาเพื่อฟื้นคืนความสมบูรณ์ให้พื้นที่นี้ และต่อมาทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ เสด็จพระราชดำเนินชมความงามของทุ่งดอกไม้ป่าแห่งนี้เป็นการส่วนพระองค์อีกหลายครั้ง (ข้อมูลจาก: หนังสือคู่มือดอกไม้ป่า อุทยานแห่งชาติผาแต้ม)
อันที่จริงในทุ่งดอกไม้ป่าเหล่านี้ไม่ได้มีเพียง 5 ชนิดที่ได้รับพระราชทานนามเท่านั้น หากแต่มีดอกไม้ดินอีกหลายชนิดที่ขึ้นปะปนกัน อย่างเช่น หญ้าหมู่ดาว หญ้ารากหอม กระดุมทอง จอกบ่วาย หญ้าปัดน้ำ หยาดน้ำค้าง แก้มอ้น (ขี้อ้นแดง) หญ้าเข็ม หญ้าข้าวก่ำ หญ้าบัว ฯลฯ บรรดาดอกไม้เหล่านี้จะขึ้นปะปนกัน ในสภาพแวดล้อมที่เหมือนกัน และมีวัฏจักรชีวิตคล้ายๆ กัน
นอกจากนั้น บางพื้นที่ยังมีกล้วยไม้ที่ขึ้นตามพื้นอย่าง เอื้องนวลจันทร์ เอื้องม้าวิ่ง แดงอุบล ออกดอกมาให้ชื่นชมอีกด้วย เวลาเราไปดูทุ่งดอกไม้เหล่านี้ จึงไม่ได้เห็นเพียงดอกไม้พระราชทาน 5 ชนิดนั้น แต่มันเหมือนรวมสีสันของพืชพันธุ์ต่างๆ ไว้ในพื้นที่เดียวกัน
เราจะพบเห็นดอกไม้ดินเหล่านี้ได้ในช่วงปลายฝน ราวๆ กลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ถ้าโดยธรรมชาติ ก็จะอยู่ได้ราว 1 เดือน แต่บางพื้นที่ที่มีหน่วยงานดูแล และมีปัจจัยอื่นเอื้ออำนวย อย่างเช่นที่หน่วยพิทักษ์ป่าสร้อยสวรรค์ ของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ซึ่งมีลำธารน้ำใกล้ๆ ก็จะเกิดการ “เลี้ยงน้ำ” โดยการสูบน้ำจากลำธารใกล้ๆ ขึ้นไปปล่อยน้ำด้านบน ให้น้ำค่อยๆ ซึมไหลลงมา ถ้ายังมีความชื้น พืชเหล่านี้ก็จะยังผลิดอกอวดสีสัน ยืดอายุดอกไม้เหล่านี้ให้บานนานขึ้นอีกจนถึงเดือนมกราคม แต่หลายพื้นที่ไม่มีปัจจัยทำได้ เช่นไม่มีลำธารน้ำใกล้ๆ ก็จะมีอายุราว 1 เดือน
นี่เป็นช่วงที่ดอกไม้เหล่านี้กำลังบานพอดี เราสามารถตามดูทุ่งดอกไม้เหล่านี้ได้ในหลายๆ แห่ง ได้แก่
1. หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ผต.1 (สร้อยสวรรค์) อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
ที่นี่เป็นที่ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จเป็นการส่วนพระองค์หลายครั้ง ด้วยทำเลที่ตั้งที่สวยงาม ใกล้หน้าผา ริมลำน้ำโขง มีน้ำตกสร้อยสวรรค์อยู่ในพื้นที่ มาที่เดียวดูได้หลายอย่าง และทุ่งดอกไม้ก็จะมีองค์ประกอบที่สวยงาม มีชายป่า มีหุบเนิน ลานหิน และดอกไม้หลากหลาย รวมทั้งดอกหงอนนาคก็มี พื้นที่กว้างนับสิบๆ ไร่ และมีช่วงที่ได้ชื่นชมนานไปจนถึงเดือนมกราคม (ถ้าอุทยานฯยังคงเลี้ยงน้ำไว้)
2. วนอุทยานน้ำตกผาหลวง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี กำลังมาแรงในช่วงนี้
ที่นี่จะเดินไกลหน่อย มีขึ้นเขาช่วงหนึ่ง แล้วเดินทางราบราว 3 กิโลเมตร เป็นทุ่งดอกไม้ที่กว้างมาก เป็นทุ่งจริงๆ พื้นที่มีระดับแทบจะเสมอกัน ไม่มีลำธารน้ำหรือจุดเที่ยวอื่นใกล้ๆ ต้องเดินไปดูทุ่งดอกไม้อย่างเดียว แต่ไปถึงก็คุ้มค่ามากเพราะกว้างเหลือเกิน ควรเตรียมอุปกรณ์กันแดดไปให้ดี
3. ฐานปฏิบัติการดงนาทาม อุทยานแห่งชาติผาแต้ม
สถานที่แห่งนี้มักเป็นที่รู้จักกันอีกชื่อในนาม ผาชะนะได นั่นเอง ที่นี่มีทุ่งดอกไม้อยู่หลายจุด หลายบริเวณมาก แม้แต่ละจุดจะไม่กว้างมากนัก แต่ก็มีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ให้ได้เที่ยวชมในบริเวณเดียวกัน ทั้งที่ผาชะนะได ผากำปั่น น้ำตกห้วยพอก โหง่นแต้ม เสาเฉลียงคู่ ผาสน ทิวทัศน์ในบริเวณนี้สวยงามมาก เหมาะกับการกางเต็นท์พักแรม
รถทุกชนิดเข้ามาถึงที่ได้ เดินเที่ยวชมได้สะดวก ไม่ไกล นอกจากทุ่งดอกไม้ในอุทยานฯ ผาแต้มแล้ว ในเขตจังหวัดอุบลฯ ยังมีที่ภูสะมุย ภูปัง แม้กระทั่งใกล้ๆ หน่วยน้ำตกทุ่งนาเมืองก็มีให้ชม แต่อาจจะมีไม่มากเท่าที่อื่นๆ
4. หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ภบ.4 (ผาด่าง) อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร
ที่นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีทุ่งดอกไม้กว้างมาก และมองเห็นทิวทัศน์ได้สวยงาม โดยหลักๆ จะพบเห็นดอกไม้พวกมณีเทวาจะมากกว่าเพื่อน แต่พื้นที่กว้างขวาง มีหน้าผา หุบเขา ลานหิน เดินเที่ยวชมได้เป็นวันๆ
5. อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ อ.ตอนตาล จ.มุกดาหาร
เป็นอีกที่หนึ่งที่มาชมดอกไม้ป่าแล้วคุ้มค่า แต่ทุ่งดอกไม้จะไม่กว้าง จะอยู่ตามชายป่า ที่ทรายต่อกับลานหิน มีอยู่หลายจุดตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ แต่คุ้มตรงที่มีอะไรให้ดูมากมาย ทั้งชมวิวบริเวณหน้าผา และมีสวนหินที่มีรูปทรงสวยงาม
6. ภูอานม้า บ้านใหม่ดงสำโรง ต.นาคำ อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี
ที่นี่อยู่ห่างจากตัวอำเภอศรีเมืองใหม่ ไปทางบ้านนาโพธิ์กลาง ต้องนั่งรถเข้าไปบนลานหินกว้าง ซึ่งระยะทางไกลพอประมาณ แต่มีอะไรให้ดูมากมาย เช่น รอยเกวียนโบราณ สวนหินที่สวยงาม ภาพวาดก่อนประวัติศาสตร์ ทุ่งดอกไม้ แม้จะอยู่ตามบริเวณที่ทรายต่อกับลานหิน แต่เป็นบริเวณที่กว้างมาก ยาวตามลานหิน ข้อดีคือ เงียบสงบ ไม่มีนักท่องเที่ยวอื่นเลย อาจจะเพราะยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนักก็เป็นได้
7. พลาญป่าชาติ ใกล้ที่ทำการอุทยานแห่งชาตภูจองนายอย ต.นาจะหลวย อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี
เป็นทุ่งดอกไม้ไม่กว้างนัก พบเห็นอยู่ริมทางที่ทางอุทยานฯ พยายามจะกันพื้นที่ให้ดอกไม้ขึ้น มีการกั้นรั้วไม่ให้คนเข้าไปย่ำ แต่ก็ยังไม่ค่อยมีดอกไม้มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นดอกสร้อยสุวรรณาและกระดุมเงิน ส่วนดอกไม้ชนิดอื่นๆ ไม่หนาแน่นนัก ซึ่งพืชเหล่านี้มันปลูกไม้ได้ อุทยานฯ ก็เลยได้แต่พยายามดูแลป้องกันไม่ให้มีไฟป่า ไม่ให้คนเข้าไปย่ำเท่านั้น
นอกจากนั้นก็จะมีประปราย ไม่กว้างนัก เช่น บริเวณผาผึ้งอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ บริเวณหลังภูวัว เหนือน้ำตกถ้ำฝุ่นที่บึงกาฬ หรือบนหลังภูลังกา อุทยานแห่งชาติภูลังกา นครพนม เป็นต้น
ทุ่งดอกไม้เหล่านี้เหมือนดั่งธรรมชาติสร้างสรรค์ไว้ให้ ปลูกไม่ได้ทำได้แค่การดูแลรักษา เพื่อให้ปีต่อๆ ไปเขาได้งอกงามอวดดอกอวดช่ออีกครั้งหนึ่ง
ได้ลายแทงเที่ยวชมแล้ว ก็ลองหาเวลาออกเดินทางในช่วงเวลานี้ได้เลย กำลังงามทุกที่ ถ้าปีนี้ไม่ทัน ปีหน้าวางแผนใหม่ รับรองไม่มีผิดหวัง...











