‘คาสติญโญ’ อาณาจักรไวน์และความฝัน ของ ‘มาร์ค เวอร์สแตรท’

มาร์ค เวอร์สแตรท (Marc Verstraete) เจ้าของอาณาจักรไวน์ คาสติญโญ  (Castigno)  จาก ฝรั่งเศส นัดนักดื่มไวน์ที่คุ้นเคยกันไม่กี่คน มารับประทานอาหาร พร้อมพูดคุยอย่างเป็นกันเอง

ณ ห้องอาหารบริโอ (Brio) โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท  เมื่อปลายเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา ในนาม บริษัท วินสตาร์ ไวเนอร์รี่ เพื่อเชื่อมโยงความเข้าใจ และมิตรภาพ ในแวดวงวัฒนธรรมอาหาร และเครื่องดื่ม  

โดยบรรยากาศแห่งการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนั้นมีความเป็นกันเอง เต็มไปด้วยความอบอุ่น 

มาร์ค เวอร์สแตรท (Marc Verstraete) เจ้าของไร่ไวน์แนะนำตัวพร้อมบอกเล่าเรื่องราวของ ไวน์ออร์แกนิก รวมถึงความตั้งใจ และความฝันของเขา.....ผ่านค่ำคืนและมิตรภาพที่งดงาม

มาร์ค เวอร์สแตรท (Marc Verstraete) เจ้าของไร่ไวน์

ก่อนอื่นต้องแนะนำว่า ไวน์ของคาสติญโญ ไม่ธรรมดา ด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้าจนได้ตรารับรองมาตรฐานออร์แกนิกระดับสูงสุดถึง 4 สถาบัน

ไม่ว่าจะเป็น AB (Agriculture Biologique), EU Organic Logo และ Ecocert รวมทั้งตราแห่งความภาคภูมิใจสูงสุดก็คือ Demeter ซึ่งเป็นองค์กรรับรองไบโอไดนามิกที่เก่าแก่ เข้มงวด และได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก

การได้รับตราประทับแห่งความเชื่อมั่นนี้ เป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าไวน์ทุกหยดของ คาสติญโญ ไม่ได้เป็นเพียง ไวน์ออร์แกนิก แต่คือผลผลิตจากระบบนิเวศที่สมบูรณ์ เป็นไวน์ที่เต็มไปด้วยชีวิตและจิตวิญญาณอย่างแท้จริง

'คุณมาร์ค' เจ้าของไร่ไวน์พูดคุยอย่างออกรส

Rosé Brut Nature 2021สปาร์คกลิงโรเซ่ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีดั้งเดิม เช่นเดียวกับแชมเปญชั้นสูง

“ผมขอต้อนรับทุกท่านในค่ำคืนนี้ และดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติจากทุกท่านเพื่อร่วมในงานเลี้ยงอาหารมื้อค่ำ ที่จัดโดย บริษัท วินสตาร์ ไวเนอรี่

อีกทั้งยังได้รับเกียรติจากสื่อมวลชนชั้นนำของเมืองไทยมาร่วมรับประทานอาหาร เป็นเหตุผลที่สำคัญที่ทำให้ผมบินมาจาก ฝรั่งเศส และอีกเหตุผลหนึ่งคือผมรักเมืองไทย  รักอาหารไทยแล้วรักความเป็นคนไทย”

มาร์ค เวอร์สแตรท (Marc Verstraete)เล่าต่อไปว่า   “ขอย้อนกลับไปในปี 2007 ผมได้ขายธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ แล้วเริ่มธุรกิจไวน์ในพื้นที่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส

ผมเริ่มต้นจากการเป็นคนที่หลงไหลการดื่มไวน์มาก่อน โดยเริ่มต้นจากการมีความคิดที่ต้องการซื้อพื้นที่ดินเล็กๆ เพื่อจะผลิตไวน์เป็นของตัวเองสำหรับใช้ดื่มภายในครอบครัว หรือเพื่อนฝูงเท่านั้น 

จากนั้นผมได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อหาพื้นที่ปลูกองุ่น ในการทำไวน์ที่เหมาะสมที่สุด แล้ววันหนึ่ง ผมก็ได้เจอพื้นที่ทางใต้ตอนใต้ของ ประเทศฝรั่งเศส ที่ เมืองแอสซินยอง เป็นที่ตั้งของ ชาโตว์ คาสติญโย่ ในปัจจุบัน ผมตกหลงหลุมรักพื้นที่นี้ในทันที

แล้วเริ่มต้นจากการซื้อพื้นที่จำนวน 17 แฮกต้า จากนั้นก็ขยับซื้อเพิ่มมากขึ้นเป็น 65  แฮกต้า  เริ่มทำธุรกิจไวน์อย่างจริงจังหลังจากนั้น ผมเคยคิดว่าการผลิตไวน์เป็นเรื่องยากแล้ว 

แต่การจำหน่ายไวน์กลับเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า  และผมเริ่มต่อยอดธุรกิจด้วยการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ใกล้เคียงจนปัจจุบันนี้ มีพื้นที่ถึง 150 แฮกต้า

ซึ่งรวมถึงหมู่บ้านเก่าในเมืองและผมก็ได้ปรับปรุงรีโนเวทใหม่เกือบครึ่งหนึ่งของหมู่บ้าน เพื่อทำเป็นโรงแรมจำนวน 28 อาคาร”

ในหมู่บ้านแห่งนี้ มีประชากรอยู่เพียง 120 คน ซึ่งครึ่งหนึ่งของหมู่บ้านนี้ ประกาศขาย ด้วยความเป็นตึกร้าง เก่าแก่ ภายในสองสัปดาห์ที่ผมตัดสินใจซื้อ

แล้วผมได้ทำการเปลี่ยนแปลงอาคารเก่าแก่เหล่านั้นให้เป็นโรงแรมที่พัก มีทั้ง ร้านอาหาร ห้องพักระดับวิลล่า

“ซึ่งเจตนา และความมุ่งมั่นของผมด้วย concept ที่ต้องการให้ทุกอย่างเป็นธรรมชาติทุกคนที่ได้มาพักผ่อนท่องเที่ยว ได้หลีกหนีจากความวุ่นวาย  นอกจากนี้โรงแรมยังได้ให้บริการ ห้องอาหารไทย ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

บางคนขับรถมาไกลถึง 200 กิโลเมตร เพื่อทาน อาหารไทย ในหมู่บ้านแห่งนี้ เมืองเล็กๆ ที่มีประชากรอยู่เพียง 100 กว่าคน แต่ขณะเดียวกันมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาวันละประมาณ 100 คน

อีกเรื่องหนึ่งอาคารโรงบ่มไวน์ที่ผมสร้างขึ้นมาโดยสถาปนิกผู้ออกแบบที่มีชื่อเสียงของ ฝรั่งเศส เป็นรูปทรงขวดไวน์จนได้รับฉายาว่าเป็นปราสาทแห่งไวน์ที่มีความทันสมัยและได้รับการยอมรับว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส”

คุณมาร์ค เล่าถึง concept ในการผลิตไวน์ ของ Chateau Castigno ว่า เขาไม่ได้ต้องการขายแค่ไวน์ แต่ต้องการ ขายความฝัน  ความเป็นธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่งดงาม  เป็นสถานที่แห่งการพักผ่อนหย่อนใจ และมีไวน์รสชาติเยี่ยม

“ผมอยากให้ทุกชีวิตได้เคลื่อนไหวเป็นไปอย่างช้าๆ ไม่ต้องเร่งรีบจากสังคมเมืองอีกต่อไป เพื่อแสวงหาการพักผ่อนอย่างแท้จริง และนี่คือความตั้งใจสุดพิเศษของผมในการสร้างธุรกิจที่นี่”