ไปกันคราฟต์! 'เที่ยวเชียงราย' ดินแดนศิลปะ ตามรอยศิลปินล้านนา

พาเที่ยวเชียงรายในมุมมองอันลึกซึ้ง ถึงแก่นแห่งศิลปวัฒนธรรมของล้านนา ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมมากมายตามรอย "สล่า" ผูัสร้างสรรค์งานศิลป์ของเชียงราย
KEY
POINTS
- เที่ยวเชียงรายในฐานะ "มหานครแห่งศิลปะ" ที่โดดเด่นด้วยผลงานของศิลปินล้านนาชื่อดัง ตั้งแต่งานพุทธศิลป์ร่วมสมัย สถาปัตยกรรมระดับโลก ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ที่สะท้อนปรัชญาชีวิต
- เส้นทางการเดินทางไม่ได้มีเพียงศิลปะสมัยใหม่ แต่ยังพาไปสัมผัส รากเหง้าและจิตวิญญาณล้านนา ผ่านวิถีชุมชนช่างฝีมือ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความเชื่อด้านโหราศาสตร์อันเป็นเอกลักษณ์
- การเดินทางปิดท้ายด้วยการสัมผัส ความคิดสร้างสรรค์ร่วมสมัย ที่นำมรดกทางวัฒนธรรมมาตีความใหม่ ตั้งแต่สถาปัตยกรรมของไร่ชา ไปจนถึงศิลปะบนจานอาหารที่เปลี่ยนเมนูพื้นถิ่นให้กลายเป็นประสบการณ์สุดพิเศษ
เชียงราย ไม่ใช่แค่เมืองผ่านไปยังชายแดนเหนือสุดของประเทศ แต่ที่นี่คือผืนผ้าใบขนาดมหึมาที่ศิลปะและชีวิตหลอมรวมกันอย่างกลมกลืน ลมหายใจของเมืองนี้อบอวลไปด้วยจิตวิญญาณของ ‘สล่าล้านนา’ จากรุ่นสู่รุ่น กลั่นตัวเป็นความงามร่วมสมัยที่ปรากฏอยู่ทุกหัวระแหง กรุงเทพธุรกิจ และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนทุกคนเก็บกระเป๋า แล้วออกเดินทางไปเที่ยวเชียงรายบนเส้นทางสายอาร์ต ที่จะพาคุณไปสัมผัสสุนทรียะแห่งดีไซน์และรอยจาริกของเหล่าศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา
การเดินทางในเชียงรายครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การปักหมุดตามสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง แต่คือการเดินทางเพื่อซึมซับแรงบันดาลใจจากเมืองที่ศิลปะคือวิถีชีวิต ตั้งแต่งานพุทธศิลป์อันวิจิตรตระการตา ไปจนถึงงานคราฟต์ร่วมสมัยที่แฝงปรัชญาลึกซึ้ง และนี่คือเส้นทางที่เราคัดสรรมาเพื่อนักเดินทางผู้หลงใหลในความงาม
เริ่มต้นวันด้วยสีน้ำเงินแห่งศรัทธา ณ วัดร่องเสือเต้น
เสียงกระดิ่งลมที่ดังแว่วมากับสายลมยามเช้า คือสัญญาณบอกการมาเยือน วัดร่องเสือเต้น พระอารามหลวงที่สะกดทุกสายตาด้วยโทนสีน้ำเงิน-ฟ้า ตัดกับลวดลายปูนปั้นพญานาคสีทองอร่าม ที่นี่คือผลงานพุทธศิลป์ร่วมสมัยอันเป็นเอกลักษณ์ สร้างสรรค์โดย สล่านก หรือ อาจารย์พุทธา กาบแก้ว ศิลปินพื้นบ้านชาวเชียงราย ผู้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในพระอุโบสถ ราวกับหลุดเข้าไปในอีกมิติหนึ่ง ผนังสีน้ำเงินเข้มประดับด้วยลวดลายจิตรกรรมที่เล่าขานพุทธประวัติอย่างมีชีวิตชีวา พระประธานสีขาวมุก ‘พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ’ โดดเด่นเป็นสง่าอยู่เบื้องหน้า ทุกรายละเอียดที่นี่คือการตีความศิลปะล้านนาในรูปแบบใหม่ ที่ยังคงไว้ซึ่งแก่นแท้แห่งศรัทธา ทว่าเปี่ยมด้วยพลังแห่งจินตนาการอันไร้ขีดจำกัด วัดร่องเสือเต้นจึงเป็นดั่งปฐมบทของการเดินทางที่ปลุกเร้าประสาทสัมผัสและเปิดหัวใจให้พร้อมรับสุนทรียะในที่ต่อไป
'Khammoon Crafts' สตูดิโอสุดชิคที่ธรรมชาติคือศิลปิน
จากความวิจิตรของวัดร่องเสือเต้น เราเดินทางต่อไปยังที่ที่เปรียบเสมือนโอเอซิสแห่งความสร้างสรรค์อันเงียบสงบ คำมูล คราฟต์ (Khammoon Crafts) สตูดิโอและพื้นที่ทำงานศิลปะในบรรยากาศสบายๆ ที่ชวนให้รู้สึกเหมือนมาเยือนบ้านเพื่อนสนิทที่รักในงานดีไซน์ เพราะที่นี่จะทำให้คุณลืมภาพความขรึมขลังของงานฝีมือโบราณไปได้เลย ด้วยพื้นที่เก๋ๆ ที่ศิลปะและธรรมชาติโคจรมาพบกันอย่างลงตัว สเปซที่โปร่งสบายตกแต่งอย่างมีรสนิยม ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายทันทีที่ก้าวเข้าไป
ไฮไลท์ของการมาเยือนที่นี่ ไม่ใช่การชื่นชมผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่คือการได้สวมบทบาทเป็นศิลปินร่วมกับธรรมชาติในเวิร์กช็อป "ผ้าพิมพ์ลายจากดอกไม้และใบไม้" (Eco-Printing) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ละเมียดละไมและชวนให้เราได้เชื่อมโยงตัวเองกับธรรมชาติตรงหน้าคือถุงผ้าที่รอรับการแต่งแต้ม พร้อมด้วยเหล่าศิลปินตัวจริงอย่างดอกไม้ใบหญ้าหลากสีสันและรูปทรงที่ทางสตูดิโอคัดสรรมาจากสวนรอบๆ เราเริ่มต้นด้วยการเดินสำรวจ เลือกหยิบใบไม้ที่มีฟอร์มสวยงาม หรือดอกไม้ที่มีสีสันจัดจ้านอย่างที่ใจต้องการ
ต่อจากนั้นคือศิลปะแห่งการจัดวาง ที่เราได้บรรจงเรียงองค์ประกอบจากธรรมชาติลงบนผืนผ้า คล้ายกับการจรดปลายพู่กันของธรรมชาติเพื่อวาดภาพในแบบของเราเอง
แล้วก็มาถึงขั้นตอนที่น่าตื่นเต้นที่สุด คือการทุบๆๆ ให้สีสันและลวดลายจากพืชพรรณซึมซาบและประทับลงบนเส้นใยผ้า ภาพที่ปรากฏคือลายพิมพ์อันงดงามที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เป็นภาพวาดจากธรรมชาติผืนเดียวในโลกที่ไม่มีทางทำซ้ำได้
การมาเยือน ‘คำมูล คราฟต์’ จึงเป็นมากกว่าการทำเวิร์กช็อป แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะมองเห็นความงามจากสิ่งรอบตัว คือการสร้างสรรค์ศิลปะที่ไม่ได้เกิดจากฝีมือมนุษย์เพียงลำพัง แต่คือการร่วมมือกับธรรมชาติอย่างอ่อนโยน และสุดท้าย เราก็ได้ของที่ระลึกที่มีชีวิตชีวาที่สุดชิ้นหนึ่งกลับไป
สัมผัสวิถีเซนผ่านเครื่องปั้นดินเผาที่ ‘ดอยดินแดง’
สถานที่ต่อมาคือ ดอยดินแดง อาณาจักรเครื่องปั้นดินเผาของศิลปินเซรามิกเลื่องชื่อ อาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ ผู้ที่นำปรัชญาและธรรมชาติมาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับงานปั้น ที่นี่ไม่ใช่แค่โรงงานหรือแกลเลอรี แต่เป็นบ้านที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติอันร่มรื่น สถาปัตยกรรมดินและไม้ไผ่ดูกลมกลืนไปกับแมกไม้โดยรอบ
ผลงานของอาจารย์สมลักษณ์โดดเด่นด้วยรูปทรงที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความลุ่มลึก สีสันที่ใช้ล้วนมาจากธรรมชาติในท้องถิ่น เช่น ดิน เถ้าถ่าน และแร่ธาตุต่างๆ ทำให้ได้ผลงานที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร การได้เดินชมถ้วย ชาม แจกัน และงานศิลปะจัดวางที่กระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณ ทำให้เราได้สัมผัสถึงความสงบและสมาธิอันเป็นหัวใจของวิถีเซนที่ศิลปินสอดแทรกไว้ในทุกชิ้นงาน ที่ดอยดินแดง คุณจะได้เรียนรู้ว่าความงามที่แท้จริงอาจไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ แต่คือความไม่สมบูรณ์แบบที่กลมกลืนกับธรรมชาติต่างหาก
จิบชา ชมศิลป์ ที่ ‘ไร่ชาฉุยฟง’
หลังดื่มด่ำกับงานศิลป์อย่างเต็มอิ่ม ก็ถึงเวลาพักจิบชาท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงาม ไร่ชาฉุยฟง ไม่ได้เป็นเพียงไร่ชาขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง แต่ยังเป็นหมุดหมายของคนรักงานดีไซน์ เพราะที่นี่คือที่ตั้งของผลงานออกแบบจากสถาปนิกไทยที่คว้ารางวัลระดับโลกอย่าง The Architizer A+ Awards
อาคารคาเฟ่และจุดชมวิวไม่ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างฉาบฉวย แต่เกิดจากแนวคิดการออกแบบที่ต้องการฝังตัวอาคารลงบนยอดเนินเขา เพื่อไม่ให้บดบังทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของไร่ชาที่ลดหลั่นเป็นขั้นบันได โดยให้ตัวอาคารบางส่วนยื่นลอย (Cantilever) ออกมาจากเนินเขาอย่างท้าทาย กลายเป็นกรอบภาพที่มีชีวิตให้ผู้มาเยือนได้ชมความงามของธรรมชาติอย่างไร้สิ่งกีดขวาง นอกจากตัวอาคารจะไม่บดบังวิวที่สวยงามแล้ว ยังใช้พื้นที่หลังคาดาดฟ้าอย่างชาญฉลาดด้วยการทำให้เป็นลานชมวิวได้อีกด้วย นี่คือตัวอย่างชั้นเลิศของการผสานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่เข้ากับภูมิประเทศได้อย่างเคารพและงดงาม เป็นอีกหนึ่งงานศิลป์ชิ้นสำคัญบนเส้นทางสายนี้
จาริกสู่เชียงแสน เมื่อโหราศาสตร์บรรจบกับศรัทธา
จากศิลปะที่มองเห็นได้ด้วยตา สู่ศิลปะแห่งความเชื่อที่สัมผัสได้ด้วยใจ การเดินทางของเรามุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่ เมืองโบราณเชียงแสน ที่ซึ่งประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณยังคงหายใจอยู่ ที่นี่มีกิจกรรมอันเป็นเอกลักษณ์สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงวัฒนธรรมล้านนาในมิติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น นั่นคือกิจกรรม 'ทักษาโหราบูชาพระธาตุ' เริ่มต้นด้วยการตรวจดวงชะตาจากชื่อนามสกุลและวันเดือนปีเกิด นำมาพ้องกับดวงเมืองเชียงแสน เพื่อดูว่าควรเสริมชะตาที่วัดในทิศใด ถือเป็นการเชื่อมโยงโชคชะตาส่วนตัวเข้ากับพลังของเมืองโบราณ
จากนั้นชวนทำ 'เครื่องเบญจสักการะ' แบบล้านนาด้วยตนเอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งงานศิลป์ที่ต้องใช้ความประณีตและสมาธิ แล้วนั่งรถรางพาไปถวาย ณ วัดพระธาตุเจดีย์หลวง ในทิศมงคลของเมืองเพื่อเสริมชะตาให้ดียิ่งขึ้น เป็นประสบการณ์ที่ผสานทั้งโหราศาสตร์ ศิลปะ และศรัทธาเข้าไว้ด้วยกันอย่างแนบเนียน
เยือนถิ่นไทลื้อ สัมผัสวิถีชุมชนที่ ‘บ้านสันทางหลวง’
เพื่อสัมผัสถึงวิถีชีวิตดั้งเดิมของกลุ่มชาติพันธุ์สำคัญของเชียงรายอย่างชาวไทลื้อ เราเดินทางไปที่ บ้านสันทางหลวง อำเภอแม่จัน ชุมชนแห่งนี้ยังคงรักษาวัฒนธรรมและประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปะการทอผ้าซิ่นไทลื้อที่มีลวดลายวิจิตรบรรจงและสีสันสดใส
การมาเยือนที่นี่เปรียบเสมือนการเปิดหน้าต่างบานใหม่สู่โลกแห่งภูมิปัญญาชาวบ้าน คุณจะได้เห็นการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ผูกพันกับธรรมชาติ และได้พูดคุยกับชาวบ้านที่พร้อมจะแบ่งปันเรื่องราวและรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร และที่สำคัญเราได้ทำเวิร์กชอปปักผ้าลวดลายสะท้อนวิถีชีวิต เช่น รวงข้าว ทุ่งนา ก้นหอย ซึ่งทุกลายเกิดจากการออกแบบร่วม ระหว่างวัฒนธรรมพื้นถิ่นกับจินตนาการของผู้ปัก
‘ขัวศิลปะ’ สะพานเชื่อมศิลปินล้านนาสู่สากล
เมื่อเดินทางกลับเข้าสู่ตัวเมือง จุดหมายต่อไปคือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย หรือ พิพิธภัณฑ์ขัวศิลปะ คำว่า ‘ขัว’ ในภาษาเหนือหมายถึง ‘สะพาน’ ที่นี่จึงเป็นดั่งสะพานที่เชื่อมโยงศิลปินในเชียงรายและภาคเหนือเข้าไว้ด้วยกัน และเป็นสะพานที่นำพาศิลปะล้านนาไปสู่สายตาของสาธารณชนในวงกว้าง
ขัวศิลปะก่อตั้งขึ้นจากการรวมตัวของกลุ่มศิลปินเชียงราย เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยหลากหลายแขนง ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และสื่อผสม ที่นี่มีการจัดนิทรรศการหมุนเวียนตลอดทั้งปี ทำให้ทุกครั้งที่มาเยือน คุณจะได้พบกับผลงานใหม่ๆ ที่น่าสนใจเสมอ นอกจากพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะแล้ว ยังมีร้านกาแฟและร้านขายของที่ระลึกให้ได้นั่งพักผ่อนและเลือกซื้องานศิลป์ชิ้นเล็กๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้าน
ชมความงามยามค่ำคืนที่ ‘หอนาฬิกาเมืองเชียงราย’
เมื่อแสงสุดท้ายของวันลับขอบฟ้า ใจกลางเมืองเชียงรายจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งด้วยแสงสีอันตระการตาของ หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติฯ หรือที่รู้จักกันในชื่อ หอนาฬิกาอาจารย์เฉลิมชัย ผลงานการออกแบบของศิลปินผู้สร้างวัดร่องขุ่น
หอนาฬิกาสีทองแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องบอกเวลา แต่คืองานประติมากรรมพุทธศิลป์อันวิจิตร ที่ผสมผสานลวดลายไทยล้านนาเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน และในทุกค่ำคืน เวลา 19.00 น., 20.00 น. และ 21.00 น. จะมีการแสดงแสงสีเสียงประกอบเพลงที่น่าตื่นตาตื่นใจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวและชาวเชียงรายให้มารวมตัวกัน ณ วงเวียนแห่งนี้ นับเป็นการปิดท้ายวันแห่งศิลปะได้อย่างน่าประทับใจ
'โฮงฮอมผญ๋า' และ 'พิพิธภัณฑ์บ้านดำ' สองขั้วแห่งปรัชญา
เริ่มวันใหม่ เราไปดำดิ่งไปสู่รากเหง้าแห่งภูมิปัญญาและโลกทัศน์ของสองศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ เริ่มต้นที่ โฮงฮอมผญ๋า (บ้านรวบรวมปัญญา) ศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เก็บรวบรวมองค์ความรู้ด้านสมุนไพร การแพทย์พื้นบ้าน และวัฒนธรรมล้านนาเอาไว้ ที่นี่คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติและภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของศิลปะและวัฒนธรรมล้านนา และได้สัมผัสกับความยอดเยี่ยมของการแพทย์พื้นบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการนวดตอกเส้น ย่ำขาง และการอบสุ่มไก่ ด้วยสมุนไพรพื้นถิ่น ที่รับรองความฟินและผ่อนคลายจนอยากกลับไปซ้ำ
จากนั้น เดินทางต่อไปยัง พิพิธภัณฑ์บ้านดำ อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติผู้ล่วงลับ ที่นี่คือขั้วตรงข้ามของวัดร่องขุ่นอย่างสิ้นเชิง หากวัดร่องขุ่นคือตัวแทนของสวรรค์ บ้านดำก็เปรียบได้กับการตีความปรัชญาแห่งความตายและสังสารวัฏผ่านมุมมองอันเป็นเอกลักษณ์ของศิลปิน
ภายในพื้นที่กว่า 100 ไร่ ประกอบด้วยหมู่บ้านสถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์กว่า 40 หลัง ทุกหลังทาด้วยสีดำสนิท ภายในจัดแสดงผลงานศิลปะและของสะสมล้ำค่าจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งหนังจระเข้ เขาสัตว์ เครื่องเงิน และงานไม้แกะสลักขนาดมหึมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่สะท้อนถึงพลัง ความน่าเกรงขาม และปรัชญาอันลึกซึ้งเกี่ยวกับชีวิตและความตาย การมาเยือนบ้านดำจึงเสมือนการเดินทางเข้าไปสำรวจจักรวาลในความคิดของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของเมืองไทย
'มาลองเต๊อะ' รสชาติแห่งความสร้างสรรค์
เส้นทางแห่งศิลปะในเชียงรายไม่ได้จบลงที่แกลเลอรีหรือพิพิธภัณฑ์ แต่มาบรรจบอย่างสมบูรณ์บนจานอาหารที่ มาลองเต๊อะ ที่นี่ไม่ใช่แค่ร้านอาหารเหนือ แต่คือสตูดิโอของเชฟผู้ใช้จานอาหารเป็นดั่งจานสี และใช้เครื่องเทศพื้นถิ่นเป็นพู่กัน เพื่อรังสรรค์ศิลปะแห่งรสชาติ
ที่นี่ทำให้เราลืมภาพจำของอาหารเหนือแบบดั้งเดิมไปชั่วขณะ เพราะทุกเมนูที่นี่คือบทสนทนาระหว่างรากเหง้าดั้งเดิมกับมุมมองสมัยใหม่ คือการหยิบยกวัตถุดิบท้องถิ่นและรสชาติที่คุ้นเคยมาตีความใหม่ ผ่านเทคนิคการปรุงที่ร่วมสมัยและการจัดวางที่เปรียบเสมือนงานศิลปะขนาดย่อม คุณอาจได้พบกับ ‘ลาบคั่ว’ ที่ถูกนำเสนอในรูปแบบใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ หรือ ‘แกงฮังเล’ ที่ซ่อนมิติของรสชาติที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน นี่คือการทำงานของ ‘สล่า’ ในครัว ที่เคารพในภูมิปัญญาดั้งเดิม แต่ไม่หยุดนิ่งที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่
การได้ลิ้มรสอาหารที่ ‘มาลองเต๊อะ’ จึงไม่ใช่แค่การเติมเต็มกระเพาะ แต่คือการเสพสุนทรียะบทสุดท้าย เป็นการปิดม่านการเดินทางตามรอยเส้นทางแห่งดีไซน์และศิลปินล้านนา ด้วยรสชาติที่ทั้งเคารพในอดีตและเฉลิมฉลองให้กับปัจจุบัน
เชียงรายในวันนี้ ได้ก้าวข้ามภาพจำของเมืองท่องเที่ยวทางธรรมชาติไปสู่การเป็น ‘มหานครแห่งศิลปะ’ ที่ซึ่งศิลปินและช่างฝีมือได้ร่วมกันจารึกเรื่องราวและความงามลงบนทุกตารางนิ้วของเมือง การเดินทางบนเส้นทางสายนี้ จะทำให้คุณมองเชียงรายในมุมที่ต่างออกไป และค้นพบว่าศิลปะนั้นอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิด…เพียงแค่เปิดใจสัมผัส







