ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

"Thai Craft Destination" ปักหมุด 4 เส้นทางแห่งภูมิปัญญาไทย สร้างการท่องเที่ยวเชิงลึกที่เชื่อมโยงผู้คน วัฒนธรรม และธรรมชาติ บันทึกความสำเร็จที่ไม่เพียงมอบประสบการณ์การเดินทาง แต่ยังสร้างคุณค่าแก่ชุมชน และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

KEY

POINTS

  • โครงการ "Thai Craft Destination" โดย ททท. ประสบความสำเร็จในการสร้างจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวใหม่ โดยชูเส้นทางเครื่องดื่มคุณภาพจากภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์เชิงลึก
  • มีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างการท่องเที่ยวยั่งยืน โดยกระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตร และส่งเสริมให้แหล่งท่องเที่ยวชุมชนเป็นที่รู้จักและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ด้วยตนเอง
  • ได้พัฒนาและทดสอบ 4 เส้นทางท่องเที่ยวต้นแบบในภูมิภาคต่างๆ ทั่วไทย เช่น สกลนคร-อุดรธานี, น่าน-แพร่, ชุมพร-ระนอง และจันทบุรี เพื่อนำเสนอเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์คราฟต์ในแต่ละพื้นที่

 

ในโลกที่การท่องเที่ยวไม่หยุดนิ่ง นักเดินทางต่างแสวงหาประสบการณ์ที่มีความหมายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z ที่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่เสพความงามของวิวทิวทัศน์อันสวยงาม แต่พวกเขาแสวงหาความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น การเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง (Learning Experience) การหลีกหนีความวุ่นวายจากแหล่งท่องเที่ยวหลัก และการสร้างความสัมพันธ์อันมีคุณค่า (Meaningful Traveling) กับผู้คนและวัฒนธรรมท้องถิ่น เพราะสำหรับพวกเขา “การเดินทาง” ไม่ใช่แค่ไปถึงจุดหมาย แต่คือการค้นพบคุณค่าที่หล่อเลี้ยงหัวใจ และเป็นบันทึกการเดินทางที่ไม่มีวันลืม

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยกองสร้างสรรค์สินค้าการท่องเที่ยว เล็งเห็นถึงโอกาสนี้ ได้ริเริ่มโครงการ "Thai Craft Destination" ขึ้น และได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วภายในเดือนกันยายน 2568 กลายเป็นบันทึกหน้าใหม่ของการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน สู่การสร้าง "Destination" ที่แข็งแกร่งด้วยตัวเอง

หัวใจหลักของโครงการ "Thai Craft Destination" คือการ ผลักดันให้เส้นทางเหล่านี้เป็น "จุดหมายปลายทาง (Destination)" ที่น่าสนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงแหล่งท่องเที่ยวหลักหรือเมืองใหญ่ แนวคิดนี้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยวปัจจุบันที่มองหาความแปลกใหม่ และประสบการณ์ที่แตกต่าง โครงการนี้จึงมุ่งมั่นที่จะ สร้างสรรค์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นทั่วประเทศไทย มีหลักการสำคัญ คือ การส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านเส้นทางเครื่องดื่มคุณภาพ ที่มีรากฐานจากภูมิปัญญาและมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ชา โกโก้ ผลไม้ไทยและสุราชุมชน

ตลอดระยะเวลาที่ดำเนินโครงการ ได้มีการ เชื่อมโยงแหล่งปลูก วัฒนธรรมการแปรรูป และคาเฟ่ที่มีเอกลักษณ์ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าจดจำแก่นักท่องเที่ยว อันนำไปสู่การพัฒนายกระดับสินค้าเกษตรไทย การกระจายรายได้สู่ชุมชน และการสร้างความภาคภูมิใจในสินค้าเกษตรและภูมิปัญญาไทยอย่างยั่งยืน

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

6 วัตถุประสงค์หลัก ขับเคลื่อน 'Thai Craft Destination' สู่ความสำเร็จในทุกมิติ :

1. สร้างจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวใหม่ โครงการได้พิสูจน์แล้วว่า สามารถ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น (Craft Products) โดยยกระดับแหล่งผลิตเหล่านั้นให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดนักเดินทางได้โดยตรง

2. เพิ่มคุณค่าผ่านประสบการณ์เชิงเรียนรู้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรม Product Testing ได้สัมผัสถึง คุณค่าและมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของการท่องเที่ยวผ่านประสบการณ์การมีส่วนร่วมและลงมือปฏิบัติจริง (Hands-on Experience) ผ่านกิจกรรมต่างๆ ในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มคุณภาพ

3. ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงลึกซึ้ง สร้างให้เกิดความสัมพันธ์อันมีความหมาย ระหว่างนักท่องเที่ยวและชุมชน อย่างแท้จริง (Meaningful Traveling) ผ่านเรื่องราวของเครื่องดื่ม (Craft Drink) ที่มีรากฐานจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจในวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม

4. กระจายพื้นที่เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวและส่งเสริมการพักค้าง ด้วยการเปิดเส้นทางและกิจกรรมใหม่ๆ ในหลากหลายภูมิภาค ทำให้ แหล่งท่องเที่ยวกระจายตัวได้ครอบคลุมทั่วประเทศไทย สร้างทางเลือกการเดินทางและกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาในพื้นที่ยาวนานขึ้น (Longer Stays)

5. สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวร่วมสมัย พัฒนาสินค้าและกิจกรรมทางการท่องเที่ยวให้มีความทันสมัย ตอบสนองต่อพฤติกรรมและความต้องการของนักเดินทางกลุ่ม Gen Z 

6. บูรณาการแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสร้างคุณค่าให้เส้นทาง โดยเชื่อมโยงเข้ากับแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่มีอยู่เดิม เพื่อให้โปรแกรมการเดินทางมีความสมบูรณ์และหลากหลายมิติ ช่วยส่งเสริมความเข้าใจในบริบทและอัตลักษณ์ของท้องถิ่น

เจาะลึกประสบการณ์ Product Testing : 4 เส้นทางแห่งความประทับใจที่ถูกค้นพบ

ระหว่างเดือนสิงหาคม 2568 คณะ DMC จาก บริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด, ทัวร์เอื้องหลวง บริษัท การบินไทย จำกัด มหาชน, บริษัท ชัยทัวร์ จำกัด, Asian Trails Ltd., ฟ้าสวย ทราเวล - ฟันนี่ ทริป ทราเวล, DTH Travel, Silver Hawk, SERENATA Hotels & Resorts Group และ บริษัท มาลัยสยามทัวร์ จำกัด รวมถึง Influencer จากเพจท่องเที่ยว ตะล๊อปก๊อปแก๊ป, Hang Togerther, The Layoffgang ตกงานก็ยังเที่ยว, เที่ยวแล้วยัง, ปักหมุดท่องเที่ยว, เที่ยวไหน ยังไงเล่า, Journey All Around และ พาใจไป เข้าร่วมทดสอบสินค้าและกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ พร้อมกับประชาสัมพันธ์โครงการ “Thai Craft Destination” ผ่านการติด hastag #ThaiCraftDestination #SipJourney #AmazingThailand #การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

เส้นทางที่ 1 : สกลนคร – อุดรธานี "SENSATION ROUTE" ในดินแดนอีสานแห่งนี้ ผู้ร่วมกิจกรรมได้สัมผัสกับ "Sensation" หรือความรู้สึกที่ดื่มด่ำไปกับเครื่องดื่มและประสบการณ์สร้างสรรค์หัตถกรรมท้องถิ่นจาก “Craft Hero” ศูนย์การเรียนรู้ศิลปหัตถกรรมที่เชื่อมโยงธรรมชาติและการต่อยอดเชิงสร้างสรรค์ การเดินทางเริ่มต้นด้วยการลิ้มรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของ ไวน์อินทผลัมจากสวนอินทผลัม สวนตาลคู่ และสัมผัสความละเมียดละไมของ ไวน์องุ่นจากสวนองุ่นปลอดสาร สวนกุลณดา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเกษตรกรในภูมิภาค ผู้ร่วมกิจกรรมยังได้เรียนรู้กระบวนการผลิต Chocolate Bar จากแหล่งผลิตโกโก้คุณภาพ Tree 2 Bar ที่เผยให้เห็นถึงวงจรตั้งแต่ต้นสู่ช็อกโกแลตบาร์อันหอมหวาน

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

ค้นพบเสน่ห์ของ White Spirit จากโรงกลั่นสุราชุมชน ONSON ที่สะท้อนภูมิปัญญาการกลั่นแบบท้องถิ่น นอกเหนือจากเครื่องดื่มแล้ว เส้นทางนี้ยังนำเสนอความประณีตของงานหัตถกรรม ผ้าย้อมครามจากสวนแมน และ ผ้าย้อมบัวแดงจากศูนย์เรียนรู้กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอก ที่เป็นอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ชื่นชมงานคราฟต์ซึ่งแต่ละชิ้นมีเพียงหนึ่งเดียวบนโลก เป็นเอกลักษณ์ที่พบได้ในเครื่องปั้นดินเผาจาก ดอนหมูดิน ทั้งหมดนี้หลอมรวมกันเป็นประสบการณ์ที่สัมผัสได้แบบครบทุกโสตสัมผัส

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

เส้นทางที่ 2 : น่าน – แพร่ "CAFEIEN ROUTE" ภาคเหนือตอนบนของไทยได้เผยมนต์เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมกาแฟและโกโก้แบบครบวงจรให้ได้ดื่มด่ำ การเดินทางเริ่มต้นที่  แหล่งปลูกกาแฟคุณภาพสูงบนดอยในชุมชนดอยมณีพฤกษ์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเมล็ดกาแฟชั้นเลิศ ผู้ร่วมกิจกรรมได้สัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิมและกระบวนการปลูกอย่างใกล้ชิด จากนั้นได้เข้าสู่ "หมู่บ้านโกโก้" อย่าง COCOA VALLEY ที่ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งปลูกเท่านั้น ยังมีที่พักให้นักท่องเที่ยวพักค้าง พร้อมเรียนรู้วิถีชุมชน

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

การเดินทางยังพาไปสู่ โรงคั่วกาแฟ น.น่าน ซึ่งมีห้องทดลองกาแฟที่ทันสมัย ทำให้ได้เจาะลึกความรู้เรื่องการคั่วและชิมกาแฟจากผู้เชี่ยวชาญ ปิดท้ายด้วยการลิ้มรสชาติอันโดดเด่นของ สุราชุมชน "เล่าน่าน" ซึ่งได้รับรางวัลระดับโลก ที่ “Gingerbread House” แหล่งรวมคราฟต์สุราชุมชน อันสะท้อนภูมิปัญญาไทยในการสร้างสรรค์เครื่องดื่มคุณภาพระดับสากล เสิร์ฟเป็นคอร์สคู่กับขันโตกพื้นเมืองสไตล์ Fine Dining

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

เส้นทางที่ 3 : ชุมพร – ระนอง "COCOA-COFFEE ROUTE" ในภาคใต้ของไทย เส้นทางนี้ นำผู้ร่วมกิจกรรมเจาะลึกสู่โลกของกาแฟโรบัสต้าและโกโก้ เริ่มต้นกันที่ ก้องวัลเล่ย์ (GONG COFFEE) ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่ครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ได้เรียนรู้ทุกขั้นตอนของการทำกาแฟ ตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว ไปจนถึงการแปรรูปและชงกาแฟ ต่อไปที่การพาเยี่ยมชม แหล่งผลิตและแปรรูปโกโก้ “คาเฟ่โกโก้ ระนองช็อกโกแลต หรือ วิสาหกิจชุมชนโกโก้ระนอง” ซึ่งเป็นเจ้าของรางวัล Safety Product และเป็นต้นแบบของการทำเกษตรยั่งยืนที่นี่ และที่ คาเฟ่โกโก้ พีโกโก้ชุมพร (P.COA Cafe)  ผู้ร่วมกิจกรรมได้เห็นถึงความตั้งใจและพิถีพิถันในการผลิตวัตถุดิบคุณภาพ

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

นอกจากนี้ยังได้ร่วมทำกิจกรรมแปรรูปโกโก้และกาแฟจากชุมชนท้องถิ่นที่ ศูนย์การเรียนรู้และคาเฟ่ริมทะเล "บ้านต้นไม้อวดชุม" ที่มอบทั้งความรู้ ความเพลิดเพลิน ท่ามกลางบรรยากาศความสวยงามของชายทะเลชุมพร

เส้นทางที่ 4 : จันทบุรี "FRESH FRUIT ROUTE" จันทบุรี เมืองที่ได้รับสมญานามว่าเป็น "ราชินีผลไม้" แห่งภาคตะวันออก ได้มอบประสบการณ์ที่สดชื่นและมีชีวิตชีวา สัมผัสวัฒนธรรมย่านเมืองเก่า “ชุมชนริมน้ำจันทบูร” ออกแบบทำเครื่องประดับที่มีชิ้นเดียวในโลกที่ “มีใจ สตูดิโอ” ตกแต่งกระเป๋าเสื่อกกจันทบูรให้ร่วมสมัย ที่ศูนย์เรียนรู้ประจำชุมชนริมน้ำจันทบูรกับ “iDear Chan Decoupage” และเยี่ยมชม สวนมะปี๊ดอินทรีย์ของสวนมะปี๊ด by ธนัท ที่ซึ่งเป็นแหล่งผลิตมะปี๊ดผลไม้พื้นถิ่นเชิงเดี่ยวด้วยวิธีธรรมชาติ

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน

ย้อนรอยความสำเร็จ  "Thai Craft Destination"  ปักหมุดท่องเที่ยวยั่งยืน จากนั้นไปเรียนรู้การปลูกและกระบวนการทำ พิซซ่าหน้าผลไม้ที่สวนอรุณบูรพา เป็นการแปรรูปยกระดับอาหารถิ่น และปิดท้ายด้วยการดูแลสุขภาพที่ คาเฟ่ผลไม้สำหรับสายสุขภาพ "GEN FRUIT CAFE" ที่นำเสนอเมนูสดชื่นจากผลไม้ตามฤดูกาล สะท้อนให้เห็นความอุดมสมบูรณ์และนวัตกรรมในการนำผลไม้มาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย

Thai Craft Destination กับ ภารกิจด้านความยั่งยืน 

การดำเนินงานที่มุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการ ดำเนินการชดเชยคาร์บอน (Carbon Neutral) เพื่อให้มั่นใจว่าทุกการเดินทางที่เกิดขึ้นนั้นเป็นมิตรต่อโลกของเรา

โครงการ "Thai Craft Destination" ไม่ได้เป็นเพียง “การจัดกิจกรรมท่องเที่ยว” แต่เป็นก้าวสำคัญที่ได้พิสูจน์แล้วว่าประเทศไทยมีศักยภาพอันแข็งแกร่งในการเป็น "จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์" ที่สามารถดึงดูดนักเดินทางให้มาสัมผัสแก่นแท้ของวัฒนธรรม ภูมิปัญญา และผลิตภัณฑ์คุณภาพในท้องถิ่น

อีกทั้งเกษตรกร และ Craft Hero ทั่วทุกภูมิภาคของไทย ยังคงเป็นแรงบันดาลใจและเป็นแม่แบบของการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เติมพลังให้กับชุมชน เสริมคุณค่าแก่เศรษฐกิจ และจุดประกายความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ในกระแสการท่องเที่ยวคุณภาพที่เน้นคุณค่าเชิงประสบการณ์ และปักหมุดให้คุณภาพมาก่อนปริมาณ (Value over Volume)