‘ท่องเที่ยวฤดูฝน’ สัมผัสวิถีริมน้ำ ใต้ราง..ทางรถไฟลอยฟ้า

เที่ยวลัดเลาะ ‘ใต้ราง...ทางรถไฟลอยฟ้า’ ท่องเที่ยวฤดูฝน สัมผัสวิถีริมน้ำ ‘อ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์’ ท่องเที่ยวแบบง่ายๆ สบายๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ
ตอนที่ขึ้นไปเที่ยวชมทิวทัศน์บน เขาพระยาเดินธง ที่ จังหวัดลพบุรี นั้น ได้มองเห็นทิวทัศน์ของ อ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อยู่ไกลๆ ใจก็นึกว่า ทำอย่างไรจึงจะลงไปให้ถึงริมน้ำได้
ตอนอยู่บนนั้น เราก็มองเห็นถนนสายหนึ่ง เหมือนมันจะแล่นเลาะขอบ อ่างเก็บน้ำ นานๆจึงจะเห็นมีรถสักคันแล่นไป มันก็น่าสนใจดี แต่เราจะไปเริ่มต้นตรงไหนจึงจะไปถึงถนนเส้นนี้ได้
พอลงมาจาก เขาพระยาเดินธง ก็เลยลองหาข้อมูลในกูเกิล มันก็ไปได้จากคำว่า ทางรถไฟลอยฟ้า แล้วก็มีแผนที่มา ผมก็เลยเข้าไปตามทางที่อากู๋เขาแนะนำ ถนนเส้นนั้นเป็นถนนสายเล็กๆ แล่นเข้าไปก็น่าจะใช่เพราะด้านหนึ่งเราดูเหมือนจะเป็นพื้นที่ที่น้ำเคยท่วมถึง คือเป็นลานที่โล่งกว้างๆ มีหญ้าขึ้น
แล้วด้านนี้จะไม่มีบ้านคน ซึ่งบ้านคนที่นานๆเจอที จะมาอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนน ตอนที่ผมไปเป็นช่วงมิถุนายน ถือเป็นช่วงต้นฤดูฝน ที่น้ำยังไม่ไหลลงอ่างเก็บน้ำ จึงมีลานหญ้าฝั่งเขื่อนกว้างใหญ่ อยู่หลายที่
เส้นทางลัดเลาะโค้งไปมาจนผมมาเจอร้านค้าเล็กๆ ริมทาง ด้วยความที่เราขับรถมานาน ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะมี ทางรถไฟลอยฟ้า ก็เลยถามที่ร้านค้า แต่มีพี่ผู้ชายคนหนึ่ง ขี่มอเตอร์ไซค์มาซื้อของพอดี เขาเลยบอกให้ขับรถตามเขาไป
ผมก็ขับตามไปเรื่อยๆ เป็นทางเล็กๆ เข้าไปในจะบอกว่าหมู่บ้านก็ไม่เชิง มันเป็นบ้านคนหลังเล็กๆ อยู่ห่างๆกัน สักครู่หนึ่งพี่เขาก็ชี้มือให้ผมขับรถเข้าไปในทางลูกรัง ส่วนเขาจะแยกไปบ้านเขา
ผมก็ขับไปตามทางที่เขาชี้บอก ราว 100 เมตร ก็มาโผล่กับถนนเส้นหนึ่ง เป็นทางราดยางอย่างดีเลย ถนนเส้นนี้อยู่ติดกับชายน้ำ อ่างเก็บน้ำ พอดี แต่ดูท่าคงไม่ค่อยมีรถมาใช้งานเท่าไหร่ เห็นแต่ขี้วัว เต็มถนน แล้วก็เห็น ทางรถไฟลอยฟ้า เด่นอยู่เหนือทุ่งหญ้าที่เคยเป็นพื้นที่รับน้ำ สะดุดตามาก เห็นมีทางรถยนต์ แล่นลอดไปใต้สะพานทางรถไฟนี้ได้ด้วย
ค่อยๆ ขับรถไปตามทางลาดยางที่มีแต่ขี้วัว เพื่อหาทางลง ก็ไปเจอทางลงไปจนได้ค่อยขับรถลงไปในพื้นที่รับน้ำ ที่ตอนนี้น้ำแห้ง มีแต่หญ้าอ่อนขึ้นรับช่วงต้นฤดูฝน
เป็นทุ่งกว้างที่โล่งไปหมด ยิ่งไปจอดหลบแดดที่ใต้รางรถไฟลอยฟ้านั้น ก็จะเห็น เขาพระยาเดินธง ตระหง่านเด่นอยู่อีกด้านหนึ่ง ทางรถไฟทอดยาวไปเหนือทุ่งกว้าง ที่ถ้าปลายฤดูฝนที่น้ำไหลลงอ่างเต็มที่แล้ว แถวนี้ก็น่าจะมีน้ำเช่นกัน ยิ่งวันที่ไปนั้นฟ้าเป็นสีฟ้า มีเมฆบางๆ แบบฟ้าหน้าฝนด้วยแล้ว เป็นภาพที่น่าประทับใจมาก
ผมยังคงขับรถลงไปตามรอยทางรถที่เห็น มุ่งหน้าลงไปทาง อ่างเก็บน้ำ ที่มองเห็นชายน้ำอยู่ไม่ไกล ยิ่งขับลงไป ก็ยิ่งเห็นทุ่งกว้าง มองได้ 360 องศารอบตัว กลางทุ่งโล่ง ไม่มีต้นไม้สักต้น มีแต่แดด แต่มีลมพัดตลอดเวลา มีคนนำฝูงวัว ควาย ลงมาเลี้ยง หากินหญ้ากันเกลื่อนทุ่งไปหมด มองไปทางไหน ก็เห็นแต่ฝูงวัวควาย มิน่าละ บนถนนจึงเห็นมูลวัวเยอะไปหมด
ผมขับรถลงไปจนถึงชายน้ำ ห่างจากตรงที่น้ำมาถึงไม่ถึง 5 เมตร ไม่กล้าไปใกล้กว่านั้น กลัวรถจะติดหล่ม มีรถจอดอยู่แล้ว คันสองคัน มอเตอร์ไซค์ก็มี
ริมน้ำมีเรือ 3-4 ลำ แล้วก็ชาวบ้านก้มๆ เงยๆในน้ำ เหมือนงมหาอะไรสักอย่าง นานๆ เขาก็เดินขึ้นมา แล้วเอาอะไรบางอย่างเทใส่ถังที่วางอยู่บนฝั่ง เลยเดินไปดู ที่แท้เป็นหอย แต่ไม่รู้ว่าหอยอะไรไม่มีใครอยู่ให้ถามด้วย เขาลงไปงมหอยกันหมด
ริมน้ำ ที่มีลมพัดตลอดเวลา ทำให้ผืนน้ำมีคลื่นเล็กๆกระฉอก กระทบฝั่งตลอดเวลา มีนกกะแตแต้แว๊ดร้องแทบตลอดเวลา ไม่รู้ตกใจอะไร หรือวัวควาย อาจจะเข้าไปใกล้ที่มันวางไข่บนดินก็อาจจะเป็นไปได้ นกตีนเทียนหากินอยู่ริมๆตลิ่ง ก็เป็นภาพที่เป็นธรรมชาติดีเหมือนกัน
แล้วก็เห็น สะพานโผล่ ซึ่งเป็นสะพานของถนนสายเก่าก่อนสร้างเขื่อน พอน้ำลงมากๆ จึงเห็นสะพานนี้โผล่มาอีกด้านหนึ่งของอ่างเก็บน้ำ และหมู่บ้านตรงสะพานด้านโน้นก็คงเป็น บ้านมะนาวหวาน ฝั่งทางท่าหลวง จังหวัดลพบุรี นั่นเอง
ส่วนอีกด้าน ก็จะเห็นทางรถไฟที่เราลอดมา โดยมี เขาพญาเดินธง โดดเด่นเป็นฉากหลังในวันฟ้าสวยๆ เสียดายที่ผมไม่รู้ตารางรถไฟว่ามีมาในเวลาไหนกันบ้าง ถ้ามีรถไฟวิ่งอยู่บนสะพานด้วยก็คงจะดี
แล้วก็มีมุมโล่งๆ โปร่งตาโดยรอบ ซึ่งถือว่าสวยทีเดียว เสียอย่างเดียว แดดร้อนไปหน่อย ดีที่มีลมช่วย ถ้าเป็นช่วงเย็นๆ ที่แดดอ่อนๆ คงจะเหมาะกับการมาปิกนิก มาพักผ่อน เล่นกีฬากันได้ดี
หอยที่งมได้
ก็ถือว่าเป็นที่ท่องเที่ยวแบบง่ายๆ สบายๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ เราอยู่ในเมืองที่มีแต่ตึก มีแต่สิ่งบดบังสายตา ขนาดว่าผมอยู่คอนโดสูงพอสมควร มองไปก็ยังเห็นแต่ตึก พอมาเจอที่กว้างๆ โล่งๆ โปร่งๆแบบนี้ ก็เหมือนได้ผ่อนคลายสายตา ได้มองไปไกลๆ โดยไม่มีอะไรมาขวางสายตา ได้มารับลมเย็นแบบนี้ ดูมันผ่อนคลายอย่างมาก







