ตามข่าว ‘หมู่เกาะสุรินทร์’ อุทยานฯ ที่มี ‘ปะการังน้ำตื้น’ สวยงาม

‘หมู่เกาะสุรินทร์’ ขึ้นชื่อเรื่องทัศนียภาพ เงียบสงบ มี ‘ปะการังน้ำตื้น’ ที่สมบูรณ์ ที่สุดในประเทศไทย ที่นี่นักท่องเที่ยวมาพักค้างแรมได้
ช่วงนี้มีข่าวเกี่ยวกับ หมู่เกาะสุรินทร์ หลายเรื่อง ทั้งเรื่อง ชาวมอแกน ที่มาทำงานกับอุทยานฯ กับทัวร์ต่างๆ ซึ่งทางอุทยานฯ เขาก็ออกมาให้ข้อมูลอีกมุมมองหนึ่งแล้ว เดี๋ยวผมจะบอกเล่าในส่วนที่นักท่องเที่ยวทั่วๆ ไปได้เห็น ได้สัมผัสด้วย
และเรื่อง ปะการังฟอกขาว ที่มีข้อถกเถียงกันในโซเชียลมีเดีย ว่ามันฟื้นกลับมาได้ไหม ที่ ‘หมู่เกาะสุรินทร์’ นี่ผมเคยไปดูตั้งแต่เกิดวิกฤติการปะการังฟอกขาว ใหม่เมื่อสัก 20 ปีก่อน และไปดำดูล่าสุดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ก็จะเอามาอัพเดทให้ดูด้วย กับอีกเรื่องหนึ่งซึ่งขณะที่ผมเขียนต้นฉบับนี้ยังไม่รู้ว่าเขาช่วยไปได้หรือยัง นั่นคือข่าวที่ ฉลามวาฬ มีเชือกอวนพันหาง ผมรู้แต่ว่าทางกู้ภัยและหน่วยงานต่างๆ ทางทะเลของกรมอุทยานฯ ตั้งทีมช่วยเหลือก็คงจะไปตัดเชือกให้ปลานะแหละ
แต่ปลาเขาก็ว่ายน้ำไปเรื่อย ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน เห็นเจ้าหน้าที่เขามีรูปดำน้ำตามหากันแทบทุกวันมารายงานให้ดู ก็ขอให้พบเห็นไวๆ จะได้ช่วยได้ เมื่อหลายๆ เรื่องประเดประดังพอดี ก็เลยเอามาเขียนถึงสักหน่อยก็แล้วกัน
อุทยานหมู่เกาะสุรินทร์ เขาจะเปิดให้ท่องเที่ยว ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม ไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งพายุจะเริ่มเข้าทางอันดามันแล้ว ถือเป็น ช่วงเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวทะเลทางทะเลอันดามันพอดี
ซึ่งใน ฤดูท่องเที่ยว ถ้าเราจะ เที่ยวหมู่เกาะสุรินทร์ จะมีการขายทัวร์แถว ท่าเรือคุระบุรี หลายเจ้า จะเป็น One day trip คือเรือจะออกจากท่าเรือคุระบุรีในช่วงสายๆ นั่งเรือเร็วไป เขาก็จะพาไปดำน้ำ ที่หน้าอ่าวบอนบ้าง หรืออ่าวแม่ยายแล้วแต่
ที่นี่แหละที่ผมเคยบอกว่าเคยมาดูเรื่อง ปะการังฟอกขาว เมื่อจะ 20 ปี ที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นยอมรับเลยว่ามันฟอกขาวจริงๆ คือ ปะการังมันตาย ตายจากอูณหภูมิของน้ำ ที่สูงขึ้น ตัวปะการังที่มันอยู่ในรูเล็กๆ
ในโครงสร้างแข็งทั้งหลายที่เราเห็น เป็นเขากวาง เป็นสมอง เป็นอะไรทั้งหลายนั้น ที่เราเห็นเป็นสีๆ เพราะตัวปะการังมันมาอยู่ พอมันฟอกขาว ปะการังมันก็ตาย เลยเห็นเป็นโครงสร้างแข็งๆ นั่นขาวโพลน ตอนนั้นเป็นเยอะครับ
แต่พออุณหภูมิกลับมาปกติ ตัวปะการังมันก็จะกลับมาเอง ขอแต่ให้มีอะไรให้มันเกาะเกี่ยวได้ไม่ต้องล่องลอยไปในทะเล มันก็อยู่เองได้
เราจึงเห็นว่าที่เขาทำ ปะการังเทียม เอายางรถยนต์เก่า เอาโบกี้รถไฟ เอาเรือรบจมลงทะเล นั่นแหละครับ พอปะการังล่องลอยมา มาเจอสิ่งที่ยึดเกาะได้ เขาก็จะเติบโตเอง ก็หลักการเดียวกัน
พออุณหภูมิกลับมาปกติ เขาก็จะมายึดเกาะโครงสร้างแข็งที่เคยฟอกขาว กลายเป็นดงปะการังอีกที ขอแต่โครงสร้างแข็งพวกนี้อย่าพังทลายเสียหายก็พอ อย่างรูปที่ให้เห็นนี่แหละครับว่า ปะการังเขากลับมาแล้ว รูปนี้เมื่อปี 2565 นี่เอง
จากนั้นเรือบางบริษัทก็จะพา เที่ยวหมู่บ้านมอแกน หมู่บ้านมอแกนนี้อยู่ที่ เกาะสุรินทร์ใต้ ใกล้อ่าวบอนที่มาดูปะการังนั้นเอง ตอนสึนามิ หมู่บ้านมอแกน ได้รับความเสียหายพอสมควร แต่ก็มีการสร้างบ้านเรือนให้ใหม่ จากห้างร้าน บริษัท
ชาวมอแกน ที่เขาเรียกกันว่า ยิปซีทะเล คือแต่เดิมเป็นคนเรือที่อยู่กินบนเรือ เรือคือบ้าน เขาจะเร่ร่อนไปบนท้องทะเล แถบ พม่า บังคลาเทศ อาศัยสินในน้ำเป็นอาหาร เขารู้จักเกาะรู้จักแหล่งน้ำบนเกาะ แต่พอบ้านเมืองมีเขตแดนกัน การเร่ร่อนไปเรื่อยก็คงไม่ได้
มอแกนเมืองไทยจริงถูกสำรวจ มีถิ่นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีนามสกุล ต้องอยู่เป็นที่ เร่ร่อนไปก็จะผิดกฎหมายบ้านเมืองอื่น ทางการไทยจึงดูแล มีอนามัย มีโรงเรียน
แล้วพอการท่องเที่ยวมา เขาก็หากินกับการท่องเที่ยว ทั้งมาเป็นคนเรือในเรือท่องเที่ยว มาขับเรือเล็กรับจ้างนักท่องเที่ยว พาไปเที่ยวตามจุดต่างๆ รับส่งนักท่องเที่ยวจากเรือใหญ่ขึ้นเกาะ บางส่วนก็ทำของที่ระลึกขายนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปเที่ยวชมหมู่บ้านเขา ส่วนหนึ่งก็เป็นลูกจ้างอุทยานฯ
ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการที่อยู่ใกล้เขาที่สุด เวลามีเรื่องอะไรก็พึ่งพาอุทยานฯนี่แหละ อย่างในอดีตเคยมีโรคระบาด เขาก็มาหลบมาอาศัยฝั่งอุทยานฯที่ เกาะสุรินทร์เหนือ
จึงเรียกว่าใกล้ชิดและได้พึ่งพากับอุทยานฯ แลกกับการไม่ดำน้ำไปจับหอยมือเสือ ยิงปลา หรือหักปะการังมาขายอย่างในอดีตอีก ซึ่งทุกอย่างก็เป็นมาด้วยดี มีการช่วยเหลือเฟือฟายกันตลอดมา
จากนั้นพอได้เวลาอาหารกลางวัน บริษัททัวร์ก็จะพามาขึ้นเกาะสุรินทร์เหนือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยอุทยานฯ ใกล้หาดช่องขาด ก็จะทานข้าวเที่ยงที่นี่
แล้วเขาก็จะปล่อยเราเที่ยวบนนี้ราว 2 ชั่วโมง ซึ่งใครที่จะค้างแรมบนเกาะ อุทยานหมู่เกาะสุรินทร์ เขาจะให้ไปพักที่ หาดไม้งาม ที่นั่นจะเป็นที่พักแรมแบบกางเต็นท์ จะเดินแบกสัมภาระไปตามทางเลาะขอบเขาไปก็ได้
หรือจะจ้างเรือมอแกนไปส่งแป๊บเดียวก็ถึง ส่วนที่หาดช่องขาดนั้นจะเป็นบ้านพักของอุทยานฯ ที่จะต้องจองจากกรมอุทยานฯไปให้เรียบร้อย ส่วนใหญ่ไม่ค่อยว่าง นักท่องเที่ยวเต็มตลอด
หน้าอ่าวบอนเกาะสุรินทร์ใต้
สำหรับคนที่พักแรมบน เกาะสุรินทร์ นอกจากจะเหมาเรือไป ดำน้ำดูปะการัง ตามจุดต่างๆแล้ว ที่อ่าวไทรเอน ซึ่งก็อยู่บนเกาะสุรินทร์เหนือนั่นแหละ เวลาที่น้ำลงจะเห็นพื้นลาดออกไปไกลเลย แล้วพื้นที่ลาดนั้นจะเห็นหญ้าทะเลขึ้นกันเป็นพรืด
ถือเป็นแหล่งหญ้าทะเลที่สำคัญบนเกาะสุรินทร์ก็ว่าได้ ซึ่งถือว่าสมบูรณ์มาก แต่ไม่รู้ว่าแปลงหญ้าทะเลนี้มีสัตว์อะไรเข้ามาใช้บริการบ้างหรือยัง
ด้วยความที่ที่นี่ไม่ได้มีชายหาดสวย นักท่องเที่ยวก็เลยไม่ค่อยมากัน ถ้ามีพะยูนหรืออะไรมากินหญ้าทะเลก็คงจะเหมาะเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวมารบกวน
จะเห็นว่าความสมบูรณ์ของท้องทะเล และหมู่เกาะของไทยที่สมบูรณ์อยู่ได้ ไม่ถูกทำลายจับจอง ก็เพราะมีเจ้าหน้าที่เหล่านี้นี่แหละที่ดูแล รักษากันมา ถ้าเราไม่มองด้วยใจอคติ ก็จะเห็นการทำงานของเขานี่แหละ
....หมู่เกาะสุรินทร์ นั้น จะขึ้นชื่อในเรื่องทัศนียภาพของเกาะทั้งชายหาด รูปทรงภูเขา และความเงียบสงบไม่ค่อยพลุกพล่าน เป็นเกาะกลางทะเลที่ให้นักท่องเที่ยวพักแรมได้ด้วย
และเป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นที่สมบูรณ์แหล่งหนึ่งในประเทศไทย ส่วนคนที่ชอบดำน้ำลึก ที่นี่มีหมายดำน้ำที่ขึ้นชื่อคือเกาะริชเชริว 6 เดือนพัก 6 เดือนให้เที่ยว ก็สมเหตุสมผลแล้วครับ
อะไรที่เป็นของดีของบ้านเรา อย่าเปิดซะหมด มันจะดูไร้ค่า ต้องขยักๆ ไว้บ้างแบบนี้นะดีแล้ว วันที่บทความนี้เผยแพร่ หมู่เกาะสุรินทร์ คงปิดแล้ว
แต่ท่องเที่ยวฤดูกาลหน้ายังมี 16 ตุลาเปิดวันแรก ไปพบกับความสดใหม่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ได้เลย...............







