‘เที่ยวแม่สอด’ จังหวัดตาก ชม ‘หมู่บ้านหรรษา...แม่กาษา’

เที่ยวแม่สอด ชม ‘น้ำพุร้อนแม่กาษา’ และ วัดถ้ำโพธิ์ทอง ถ้ำแม่อุษา จะเที่ยวแบบสบายๆ หรือแอดเวนเจอร์ ก็ตามใจ ยกให้เป็น ‘หมู่บ้านหรรษา...แม่กาษา’
ก่อนพาไป เที่ยวแม่สอด จังหวัดตาก น้ำพุร้อนแม่กาษา ต้องกล่าวถึง หลังแผ่นดินไหวเมื่อ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางธรณีหลายอย่าง ในพม่าเองปรากฏว่ามีโคลนพุ แผ่นดินยุบหลายแห่งมาก
ที่บ้านเราก็เช่นกัน มีข่าวว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทางธรณีเกิดขึ้น เช่น น้ำพุร้อนบ้านเหมืองแร่ ที่ ปาย จากที่เคยพุ ก็เหือดหาย ไม่พุอีกแล้ว แห้งไปเลย มาที่ บ้านธิ จังหวัดลำพูน
ซึ่งโดยปกติ น้ำตกห้วยหก เขาจะมีน้ำตามฤดูกาล คือพอหน้าฝนก็มีน้ำ พอหน้าแล้งน้ำก็หาย เพราะไม่มีตาน้ำโดยธรรมชาติ หรือป่าต้นน้ำไม่ใช่ป่าดงดิบชื้น แต่เป็นป่าเบญจพรรณ
พอแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ปรากฏว่ามีน้ำผุดออกมาจากหน้าผาหินน้ำตก กลายเป็นว่าหน้าแล้งก็ยังมีน้ำตกเกิดขึ้น
ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้มาจาก แผ่นดินไหว ทั้งหมด พอแผ่นดินมันขยับ อะไรที่เคยเกิดมาจากใต้ดิน ก็เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะ น้ำใต้ดิน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ และมีอีกที่...ที่ก็มีข่าวว่า น้ำพุร้อน ที่นี่ จากที่เคยเป็นน้ำใสๆ ก็กลายเป็นน้ำสีสนิม (แต่ปัจจุบัน คืนเป็นน้ำพุใสๆ เหมือนเดิมแล้ว) คือ น้ำพุร้อนแม่กาษา ที่ แม่สอด จังหวัดตาก
ภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ใน 'บ้านแม่กาษา'
ซึ่งใน หมู่บ้านแม่กาษา นี้มันไม่ได้มีแค่ น้ำพุร้อน มันมีอื่นๆด้วย ก็เลยถือโอกาสเอามาเล่าซะเลย จาก แม่สอด มุ่งหน้ามาทางแม่ระมาด ท่านผู้อ่านปักหมุดมาที่ตำบลแม่กาษา มันจะมีทางแยกขวาเข้าไป เราจะไปเที่ยว แม่กาษา กัน
จุดแรกที่ควรไปดูคือ น้ำตกแม่กาษา น้ำตกนี้เป็น น้ำตกหินปูน มีสองชั้นใหญ่ๆ ทาง อบต.เขาดูแลอยู่ พื้นที่ก็สะอาดพอสมควร ด้านล่างเขาจะทำเป็นอ่างน้ำขนาดใหญ่ ลงเล่นได้ หรือจะเดินขึ้นไปดูน้ำตกชั้นบนด้วยก็ได้
และตามสไตล์น้ำตกหินปูน ที่มีแคลเซียมละลายในน้ำ ถ้าน้ำนิ่งๆ ไม่มีใครกวนตะกอน น้ำจะเป็นสีฟ้า สวยงามทีเดียว น้ำตกนี้ ด้วยความที่เดินทางมาง่าย แล้วเดินอีกไม่เท่าไหร่ก็ลงเล่นน้ำหรือนั่งชื่นชมน้ำตกได้ คนก็เลยมากันมาก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ ที่นี่มีน้ำตลอดทั้งปี แต่ถ้าจะให้น้ำมากก็ต้องฤดูฝนนะแหละ
น้ำตกแม่กาษาชั้นบน
ในย่าน ตำบลแม่กาษา นี้ ท่านผู้อ่านจะเห็น ภูเขาหินปูน สูงตระหง่าน เป็นฉากหลังของหมู่บ้าน จึงนับว่าเป็นทำเลที่สวย และเมื่อมีภูเขาหินปูน ก็ต้องมีถ้ำ ตามมา
ศาลาริมผาของวัดถ้ำโพธิ์ทอง
จาก น้ำตกแม่กาษา ไม่ไกลกันนัก เราจะแวะ เที่ยววัดถ้ำโพธิ์ทอง ที่อยู่เชิงภูเขาหินปูนที่สูงใหญ่นี้ ขับรถขึ้นไปจอดบนลานวัดด้านบน แล้วแหงนมองทางด้านภูเขา จะเห็นมีขอบปูนสีขาวๆ แนบไปกับหน้าผา นั่นคือขอบบันไดปูนที่ขึ้นไปด้านบน เราก็เดินตามันไดขึ้นไปไม่กี่ขั้นหรอกครับ ก็จะไปถึงปากถ้ำด้านบน
ถ้ำแห่งนี้ เป็นถ้ำโถง โล่ง หลังคาสูง เข้าไปไม่ลึก นี่คือคูหาหลัก มีเจดีย์องค์เล็กๆอยู่กลางโถง แล้วก็มีพระพุทธรูปประดิษฐานตามผนังถ้ำ
และจะมีโถงเล็กๆ ด้านข้าง อีกโถงหนึ่ง โถงนี้มีเตียง มีกลดพระ มีพัดลม ข้าวของเครื่องใช้ของคน ทั้งสองโถง โปร่ง แสงส่องสว่างเข้าถึงโดยทั่ว ผนังถ้ำมีการวาดภาพพุทธชาดกไว้ด้วย ด้านหน้าถ้ำสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของหมู่บ้านแม่กาษา อากาศด้านบน โปร่ง สบาย
จริงๆ ด้านหน้า จะมีบันไดไม้ ทอดแนบหน้าผาขึ้นไปด้านบนได้อีกหนึ่งโถง ผมลองเดินขึ้นไปแล้วหวาดเสียว เพราะบันไดดูไม่แข็งแรง เดินๆไปก็สั่นไหว แคบ ขึ้นไปแล้วก็จะเป็นโพรงถ้ำเล็กๆ แคบๆ ลองตามเข้าไปดู เป็นโถงแคบๆ ลองเอาไฟฉายส่องดูหลืบถ้ำก็ไม่เห็นมีอะไรข้างใน ก็เลยออกมา
จาก วัดถ้ำโพธิ์ทอง มาไม่ไกลจะเป็นน้ำพุร้อนแม่กาษา ซึ่งน้ำพุร้อนที่นี่ เป็นที่รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว น้ำพุร้อนไม่ได้เป็นบ่อใหญ่นัก เป็นบ่อเล็กๆ แต่มี 3-4 บ่อ กระจายในพื้นที่ไร่เศษๆ
ตอนหลัง มีการมาปรับแต่ง ทำเป็นขอบบ่อ ทำทางเดิน มีศาลา มีร่องน้ำให้คนแช่เท้า แต่คงจะมีการจัดการน้อยไปหน่อย พื้นที่จึงดูไม่ค่อยสะอาด และดูหมดเสน่ห์ไปเยอะเลย หลังแผ่นดินไหว เห็นว่าน้ำพุร้อนที่นี่ เป็นสีสนิมเลย แต่ตอนนี้กลับมาปกติแล้ว
ใกล้กันนั้น จะมีบันไดปูนและป้ายบอกว่าเป็นทางขึ้นไปถ้ำแม่อุษา ซึ่งเป็นถ้ำที่มีชื่อเสียงในย่านนี้ แต่ก่อนถ้ำนี้มีไกด์พาเที่ยว เพราะในถ้ำมีหลืบ มีโถงหลายโถงซับซ้อน
แต่ตอนหลัง ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมา ไกด์ซึ่งเป็นชาวบ้านในท้องที่ ก็เลยต้องไปหางานอย่างอื่นทำกัน จนเดี๋ยวนี้แทบไม่มีไกด์นำเที่ยวแล้ว ถ้าไม่นัดล่วงหน้า แต่เราจะลองขึ้นไปด้วยตัวเอง ไปได้เท่าที่ไปได้
ถ้ำแม่อุษา จะอยู่บนภูเขาหินปูนอันสูงตระหง่าน ด้านหลังที่เราเห็นนั่นเอง ทางเดินขึ้นถ้ำแม่อุษาจะเป็นบันไดปูน ทอดยาวขึ้นไปบนภูเขา ท่ามกลางป่าไผ่ที่ล้อมรอบ มีร่องรอยของเสาเหล็ก
และสายไฟล้อไปกับบันไดปูนตลอดเส้นทาง แต่ดูจากภาพไม่น่าจะมีการใช้งานหรือไม่มีการส่งไฟฟ้ามานานแล้ว เพราะสายไฟขาดในบางช่วง เสาเหล็กก็ล้มในบางช่วง
ทางเดินที่เป็นบันไดปูนนั้นทอดยาวขึ้นไปเรื่อยๆ หักวกไปมาบ้าง แต่เล่นเอาเหนื่อยและขึ้นไปสูงทีเดียว โชคดีที่มีร่มเงาจากป่าไผ่ที่ทำให้ไม่โดนแดดเผาซ้ำเติม
ขึ้นไปจนจะถึงยอดเขา จะมีศาลาหกเหลี่ยมเล็กๆ ตรงนี้มีห้องน้ำเก่า เข้าใจว่าคงสร้างมานาน แต่คงใช้ไม่ได้แล้ว และมีท่อน้ำสีฟ้า ไม่รู้ว่าเขาต่อน้ำมาจากไหนได้ยินเสียงน้ำไหลในท่อ แต่ไม่มีก๊อกน้ำให้เปิดใช้ได้
จากศาลานี้ จะไม่เป็นบันไดปูนแล้ว แต่จะเป็นทางเดินธรรมชาติ เดินขึ้นไปอีกราว 100 เมตร จะไปเจอลานเล็กๆ และกองหินถล่ม
เดินลัดเลาะไปตามกองหินถล่มไปนิดเดียว ก็จะไปโผล่ที่หน้าถ้ำ ซึ่งมีศาลาหน้าจั่วอยู่ด้านหน้า ตัวปากถ้ำเว้า ลึกลงไปด้านล่าง ด้านหน้าเป็นกองหินถล่ม ถ้ำอยู่ภายใต้หน้าผาสูง
มองลงไปจะเห็นหินย้อยริมผนังด้านล่าง แต่คงจะตายหมดแล้วเพราะเป็นสีเทาหม่นๆ มันจะมีบันไดเหล็กเล็กๆ นำพาลงไปยังโถงข้างล่าง โถงนี้ยังพอมีแสงรำไรๆ แต่พอเข้าไปตามทางต่ออีก ก็จะเข้าสู่บริเวณที่มืดแล้ว
ตรงนี้จะเห็นหินงอก หินย้อย ที่ยังเป็นสีขาว จากนั้นก็จะมีบันไดเล็กๆ ชัน ทอดลงไปข้างล่างอีกครั้ง พอลงตามบันไดไป บรรยากาศมืดสนิท เอาไฟฉายส่องดูจะเห็นเวิ้งถ้ำกว้าง และมีหลืบถ้ำหลายหลืบถ้ำ
ตรงนี้แหละที่ถ้าเราไม่มีไกด์ ยากจะเข้าและออกมาถูก แต่ละหลืบมีอะไร ล้วนแล้วแต่น่าเข้าไปดู แต่ถ้าไม่รู้สภาพ ก็ออกจะสุ่มสี่ยงไปสักนิด อยู่ท่ามกลางความมืดพักหนึ่ง เลยตัดสินใจปีนบันไดกลับออกมา
ถ้ำแม่อุษา ถ้าจะสำรวจหรือมาเที่ยวชมจริงๆ คงต้องมีไกด์หรือคนนำมาเที่ยว เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่เราจะเดาสุ่มเที่ยวเอง โดยไม่รู้อะไรในนั้น เกิดอุบัติเหตุในถ้ำขึ้นมาจะไม่คุ้มกัน แล้วกว่าจะเดินลงเขามาจนถึงบันไดปูนขั้นแรก ก็เล่นเอาแทบหมดแรง
จะเห็นว่า ใน ตำบลแม่กาษา นั้นนอกจากบรรยากาศคนเมืองที่หลงเหลือแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายในพื้นที่ที่ชวนให้น่าไปเยี่ยมชม
ถ้าจะเอาพักผ่อน แบบไม่เร่งรีบ ก็คุ้มค่ากับการละเลียดเล่นกับบรรยากาศในที่ต่างๆ ที่หลากหลาย ทั้งเที่ยวสบายๆ หรือแอดเวนเจอร์ก็มีให้ครบ







