ล่องเรือเที่ยววัดราชโอรสาราม ชมความงามศิลปะสมัยรัชกาลที่3

นั่งเรือท่องเที่ยวระบบไฟฟ้า ปราศมลพิษเที่ยววัดราชโอรสาราม ชมศิลปกรรมผสมผสานไทยและจีนสมัยรัชกาลที่ 3 จากนั้นแวะวัดไทร อีกเส้นทางที่ขอแนะนำ
ถ้าจะล่องเรือชมวิถีชีวิตริมคลอง นอกจากเส้นทางหลักๆ บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ คลองด่าน แม่น้ำเจ้าพระยาฯลฯ ยังมีเส้นทางอื่นๆ ที่น่าสนใจ ยกตัวอย่าง คลองสนามชัย เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร มีวัดที่โดดเด่นสมัยกรุงศรีอยุธยา และสมัยรัชกาลที่ 3 ศิลปกรรมผสมผสานไทยและจีน เนื่องจากเป็นยุคที่การติดต่อค้าขายกับจีนมีความเฟื่องฟู มีการปฎิสังขรณ์วัดไทยในพระราชนิยม สมัยรัชกาลที่ 3 อาทิ วัดราชโอรสาราม วัดหนัง วัดนางนอง
ท่องเที่ยวทางเรือ ชมวิถีจอมทอง ริมคลอง กิจกรรม Public tour ส่วนหนึ่งของงานปลุกเมืองให้สุขภาพดีด้วยเราทุกคน(Active City Forum : Activate City for Healthier Life) เมื่อวันที่ 21-23 มีนาคม 2568 จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) สถาบันอาศรมศิลป์ และกลุ่ม we! Park ชวนให้คนไทยขยับร่างกายเพื่อเคลื่อนเมือง ให้กลายเป็นเมืองที่ผู้คนอยู่แล้วมีความสุข สุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ
- นั่งเรือระบบไฟฟ้าเที่ยววัดราชโอรสาราม
เรือท่องเที่ยวระบบไฟฟ้า แม้จะแล่นช้า แต่มีข้อดีไม่มีมลพิษและเสียงเครื่องยนต์รบกวน สามารถเดินทางจากท่าเรือสถานีรถไฟฟ้าวุฒากาศ ไปถึงวัดราชโอรสาราม เพียงไม่กี่นาที
ยิ่งช่วงแดดร่มลมตก ลมเย็นๆ เหมาะกับการท่องเที่ยว เรือสามารถรับผู้โดยสารได้ประมาณ 10 คน ถ้าใช้บริการครึ่งวันค่าบริการประมาณ 3,000 บาท ค่าบริการทั้งวันประมาณ 6,000 บาท โดยแวะตามแหล่งท่องเที่ยววัดวาอาราม ร้านกาแฟเล็กๆ ที่นักท่องเที่ยวต้องการ
เมื่อถึงวัดราชโอรสาราม แม้แดดจะร้อน ก็ยังมีร่มเงาไม้ให้พักพิง วัดนี้สร้างสมัยกรุงศรีอยุธยา ปฎิสังขรณ์สมัยรัชกาลที่ 3 เป็นศิลปะผสมผสานจีนและไทย ซึ่งเป็นศิลปะรูปแบบใหม่ในยุคนั้น พระอุโบสถและพระวิหาร ไม่มีลวดลายประดับ ไมว่าช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์
ส่วนงานปูนปั้นประดับกระเบื้องตกแต่งด้วยลายมงคลแบบจีนแทนสลักไม้ลงรักปิดทอง เป็นส่วนผสมของฝีมือช่างไทยและช่างจีนสำเพ็ง เนื่องจากในอดีตนิยมตกแต่งวัดด้วยไม้ รัชกาลที่ 3 ทรงเห็นว่าเป็นของหักพังง่ายไม่ถาวร จึงเลิกใช้
วัดนี้เดิมชื่อ วัดจอมทอง ตั้งอยู่ริมคลองด่าน (คลองสนามไชย) และคลองบางหว้าในอำเภอบางขุนเทียน ปัจจุบันคือเขตจอมทองกรุงเทพมหานคร สร้างในสมัยที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งนั้นยังดำรงพระยศพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงโปรดให้ปฏิสังขรณ์วัดขึ้นใหม่
ครั้งนั้นเสด็จประทับคุมงานและตรวจตราด้วยพระองค์เอง โดยประทับที่พระแท่นใต้ต้นพิกุล ด้านหน้าพระอุโบสถมุมซ้าย ตามบันทึกประวัติศาสตร์พระองค์เคยตรัสไว้ว่า “ถ้าฉันตายจะมาอยู่ที่ใต้ต้นพิกุลนี้”
เนื่องจากสมัยรัชกาลที่ 3 ไม่ค่อยมีศึกสงคราม จึงมีการสร้างวัดวาอารามในแบบที่พระองค์ชื่นชอบ โปรดศิลปกรรมแบบจีน จึงนำมาผสมผสาน ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 14 ปี และตอนนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบรมราชชนกโปรดเกล้าฯพระราชทานนามว่า “วัดราชโอรส”อันหมายถึงวัดที่พระราชโอรสทรงสถาปนา
หน้าประตูก่อนเข้าสู่พระอุโบสถ จะมีทวารบาลหน้าเหมือนอสูร ทำด้วยกระเบื้องเคลือบขนาดเท่าคน ส่วนพระประธานด้านในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิมีฉัตร 9 ชั้น ฐานพระพุทธรูปมีการอัญเชิญพระบรมสรีรังคาร รัชกาลที่ 3 บรรจุ ณ พระพุทธอาสน์ของพระประธาน
ส่วนจิตรกรรมฝาผนังเป็นลายเครื่องตั้งเครื่องมงคลแบบจีน พระวิหารหลังพระอุโบสถ ภายในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ปูนปั้นยาว 20 เมตร บนเพดานพระวิหารเขียนด้วยลายดอกเบญจมาศ นก ผีเสื้อ
- ฟื้นฟูตลาดวัดไทร
ตลาดน้ำวัดไทร อีกเส้นทางที่เรือพาไปแวะ ซึ่งทางสถาบันอาศรมศิลป์ ได้เข้ามาช่วยฟื้นฟูตลาดร่วมกับคนในชุมชน โดยเน้นการเชื่อมโยงระหว่างผู้คน เมืองและธรรมชาติ
ในอดีตตลาดน้ำวัดไทร พื้นที่เป็นจุดตัดคลองสนามชัย คลองบางมดและมีทางรถไฟสายคลองสาน-มหาชัย ตัดผ่านเชื่อมเรือกสวนและทะเลแถบอ่าวไทย จึงมีพืชผลจากสวน อาหารทะเล เกลือ สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นแหล่งท่องเที่ยวของคนไทยและต่างชาติ และปัจจุบันมีการฟื้นฟูตลาดน้ำ แม้จะเป็นเรื่องยากที่ทำให้คึกคักเหมือนเดิม แต่คนในชุมชนก็มีความตื่นตัวร่วมมือเป็นอย่างดี
พื้นที่ตลาดน้ำวัดไทรที่สถาบันอาศรมศิลป์ทำงานร่วมกับชุมชน







