เที่ยวฟิน กินอร่อย ที่ ‘มาเก๊า’ ประจำปี 2024

เที่ยวมาเก๊า กี่ครั้งก็ยังไม่เบื่อ ยิ่งอากาศเย็นสบาย ในปลายฝนต้นหนาว เดินเล่นชิลๆ ชิมอาหารจีนกวางตุ้ง อาหารแมคกานีส อาหารโปรตุเกส ในปี 2024 นี้มีความแปลกใหม่มากมายให้ได้ไปอัพเดทกัน ทั้งโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ แหล่งช้อปปิง
หากพูดถึง มาเก๊า สิ่งแรกที่คิดถึงคือ อาหารอร่อย สำหรับคนที่ยังไม่เคยไปเยือนอาจจะคิดว่า ไปทำอะไรที่นั่น เล่นคาสิโน หรือ ? สำหรับข้าพเจ้า ขอ เที่ยวฟิน
กินอร่อย อย่างเดียวเท่านั้น ยิ่งบรรยากาศเข้าหน้าหนาว เย็นสบายแบบนี้ ค่อยๆ เที่ยวท่องไปทีละเกาะของมาเก๊าแบบชิลชิล การเดินทางค่อนข้างสะดวกสบาย จริงๆ เคยนั่งรถเมล์เที่ยวแบบง่ายๆ ข้ามไปยังเกาะ โคโลอาน ไปย่านไทปา
เดินเล่นที่หมู่บ้านริมทะเล แวะหม่ำ ทาร์ตไข่ เจ้าดัง Lord Stow’s Bakery แวะไปถ่ายภาพสวยๆที่ โบสถ์เซนต์ฟรานซิสซาเวียร์ สถาปัตยกรรมแบบตะวันตกสไตล์บาร็อค
ดีใจที่ได้ไปเยือน มาเก๊า อีกครั้ง และถือว่าเป็นครั้งแรกที่ใช้บริการสายการบิน Air Macau นั่งเครื่องบินแค่ 2 ชั่วโมงกว่า ก็ได้ลิ้มรส อาหารอร่อย บนเครื่องบิน ประทับใจทั้งพนักงานต้อนรับอัธยาศัยดี พร้อมบริการมากๆ ไปถึงมาเก๊าไม่ต้องกรอกเอกสารใดๆให้ยุ่งยาก ยื่นหนังสือเดินทางอย่างเดียวผ่านฉลุย
การเดินทางครั้งนี้ สนับสนุนโดย Macao Government Tourism Office หรือ การท่องเที่ยวมาเก๊า นั่นเอง
ทริป 3 วัน 2 คืนของเรา ที่ ‘มาเก๊า’ สนับสนุนห้องพักโดย โรงแรม Grand Lisboa Palace ไม่อยากจะบอกว่า เที่ยวมาเก๊า ครั้งล่าสุด ยังเห็นย่านนี้กำลังตอกเสาเข็มกันอยู่เลย เจริญสุดมีเพียง เดอะเวเนเชี่ยนมาเก๊า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน ตั้งอยู่โดดเดี่ยว
ปัจจุบันนี้มีโรงแรม และคาสิโนใหญ่โตอวดความร่ำรวยอลังการแข่งกันสุดฤทธิ์ มีอยู่ค่ำคืนหนึ่งได้นั่งรถ Open Top Bus ชมแสงสียามราตรี แสนตื่นตาตื่นใจ ใครต้องการตามรอย ไปซื้อตั๋วได้ที่ท่าเรือมาเก๊าเฟอรี่ (Macao Ferry )
หลังจากเช็คอินเข้าห้องพัก บ่ายๆ ออกไปสำรวจจุดเช็คอินใหม่ๆที่น่าสนใจอาทิ Macao Grand Prix Museum เนื่องจาก เมืองแห่งนี้เขามีการแข่งขันฟอร์มูล่า 3 มาตั้งแต่เมื่อ 70 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน
ทูน่าทาร์ทาร์ในกรวยสาหร่ายโนริกรอบๆ อร่อยมาก
ค่ำคืนแรกกลับไป Dinner ที่ห้องอาหาร Mesa by Jose’ Avillez อยู่ภายในโรงแรม Grand Lisboa Palace ที่เราพัก เป็นห้องอาหารที่หรูหราสุดๆ เสิร์ฟอาหารแนวตะวันตก ออกแบบโดย Karl Lagerfeld
ห้องอาหารเช้าที่แสนกว้างใหญ่
เชฟชาวมาเลเซีย
อีกห้องอาหารที่ทำได้ดีก็คือ The Grand Buffet อาเสิร์ฟอาหารมื้อเช้าที่มีให้เลือกเยอะมาก รับประทาน 2 เช้าไม่ซ้ำ ยังไม่ทั่วถึง เมนูที่รับประทานซ้ำก็คือ ทาร์ตไข่จิ๋ว ขนาดพอดีคำ อร่อยไม่แพ้ร้านดังเลยทีเดียว
จากนั้นไปเยี่ยมชมความสวยงามของโรงแรม ทั้งห้องพัก และห้องอาหารต่างๆ ที่ Karl Lagerfeld (คาร์ล ลาเกอร์เฟล) เป็นผู้ออกแบบ
ทริปนี้เรามาเที่ยวไม่กี่วัน ดังนั้นทาง การท่องเที่ยวมาเก๊า จึงพาไปสถานที่ใหม่ๆหลายแห่งในเวลาค่อนข้างจำกัด และต้องไปสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ควรพลาด อย่าง วัดหลินฟง หนึ่งในวัดเก่าแก่ของมาเก๊า รวมทั้ง วัดอาม่า ที่มีตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมาเก๊า
โรงแรมเมื่อ 96 ปีที่แล้ว (เมื่อปี 1928)
เข็มเหมือนนาฬิกาที่คอยบอกว่าขณะลิฟท์กำลังอยู่ที่ชั้นไหน
จากนั้นเราได้ไปเยี่ยมชมโรงแรม Central Hotel เป็นโรงแรม 5 ดาวแห่งแรกของมาเก๊า มีประวัติที่น่าสนใจมากมาย เป็นโรงแรมกึ่งๆพิพิธภัณฑ์ ทางโรงแรมมีการปรับปรุงตลอดเวลา ทำให้ยังคงความหรูหราน่าพัก กลิ่นดีเหมือนโรงแรมใหม่
ทีแรกที่เข้าไปเล่น พนักงานบอกว่าใครรู้สึกไม่ไหวให้ยกมือ ดิฉันก็เริ่มหวั่นใจว่าเรากำลังจะเจออะไรบ้างนะ สรุป สนุก ตื่นเต้นไปอีกครั้งยังอยากจะเล่น
จบค่ำคืนที่สองด้วยดินเนอร์แสนอร่อยที่ Galaxy Macau เป็นอาหารจีนกวางตุ้ง แบบไม่มันเลี่ยน เสิร์ฟทุกจานไม่พลาด ความอร่อย ร้านนี้ชื่อว่า Galaxy Macau Tam Chai Yu Chun
วันสุดท้าย ก่อนโบกมืออำลาเมืองมาเก๊า ขอประทับใจอีก 1 เรื่องกับการเช็คเอาท์ ของโรงแรม Grand Lisboa Palace ที่แสนหรูหรา ราวกับพักอยู่ในพระราชวัง ยังไม่พอ ทันสมัยสุดๆอีกด้วย เราไม่ต้องบอกพนักงานว่าเราเช็คเอาท์ แล้วนั่งคอย จนกว่าพนักงานจะให้แม่บ้านไปตรวจความเรียบร้อย แล้วบอกว่า เรียบร้อยแล้วค่ะ
ทว่าที่นี่เขามีตู้เล็กๆคล้ายตู้รับบริจาคเขียนว่า Smart Check Out ให้เราหย่อนคีย์การ์ดลงไปที่ช่องด้านบน หย่อนซองคีย์การ์ดลงไปในช่องด้านล่าง แล้วเดินลากกระเป๋าออกไปได้เลย แสนสะดวกสบาย
จากนั้นก็ไปชมพิพิธภัณฑ์ที่ MGM เป็นอาคารทรงเก๋ๆเหมือนกล่อง 3 ใบวางซ้อนกัน แต่ละใบมีสีสันแตกต่างกัน ก็คือ สีทอง เงิน และทองแดง Poly MGM Museum เปิดให้เข้าชมฟรี
อาคาร MGM สวยงาม
กลองโบราณขอฝน
เชฟเจ้าของร้านสาธิตการทำอาหาร
อาหารแมคกานีส แสนอร่อย
อาหารจานที่สาธิต ลืมถามชื่อแต่อร่อยมากหอมกลิ่นกุ้ง วัตถุดิบหลักอีกอย่างคือมะระที่มีรสขมน้อยมาก
บอกแล้วตั้งแต่แรกว่า ข้าพเจ้า ชื่นชอบ มาเก๊า เพราะ อาหารอร่อย และครั้งนี้ไม่มีไม่อร่อย โดยเฉพาะอาหารของทั้งสองร้านนี้ นั่นก็คือ อาหารแมคกานีส ซึ่งเกิดจากการผสมผสานระหว่าง อาหารโปรตุเกส และอาหารจีน โดยมากจะใช้ส่วนประกอบและเครื่องปรุงแบบยุโรป อเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ถนนแฮปปี้สตรีท บรรยากาศคล้ายยุโรป
วันนี้เรามาร้านอาหารแมคกานีส ต้นตำรับ ชื่อ Patio de Chon Sau อยู่ไม่ไกลจาก โบสถ์เซนต์ปอล เชฟเจ้าของร้านใจดีสาธิตการทำอาหารง่ายๆ ทว่าอร่อยมากมายให้เราได้ชมและได้ชิม
ส่วนประกอบมีเพียงกุ้ง กระเทียมสับ หอมแดงสับ มะเขือเทศสับ มะระต้มแล้วหั่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ และกะปิมาเก๊า (ใส่สมุนไพรมีเลมอนด้วย กลิ่นกะปิไม่แรงเหมือนบ้านเรา) ผลลัพท์ออกมาอร่อยเฉย
มีอีกหลากหลายเมนูที่เชฟทยอยนำออกมาเสิร์ฟล้วนอร่อย ถ้ามีโอกาสไปเยือนเมืองมาเก๊าอีกหน ต้องไปซ้ำแน่นอน ร้านนี้อยู่บนถนนย่านแฮปปี้สตรีท ถนนแห่งความสุข บรรยากาศคล้ายยุโรปมากๆ
อีกร้านอาหารที่ประทับใจก็คือ Albergue 1601 เป็นร้านอาหารสไตล์โปรตุเกส เชฟเป็นชาวโปรตุเกส ไม่ไกลจากโบสถ์เซนต์ปอล เช่นกัน ขอบอกแม้แต่ ขนมปัง ยังอร่อย
อ้อ มาที่นี่อย่าลืมสั่ง แซงเกรีย (Sangria) มาดื่มนะคะ คล้ายๆกับ Cocktail มีส่วนผสมของไวน์แดง อร่อยสมบูรณ์ครบครันจริงๆ ร้านนี้มีพนักงานเสิร์ฟที่ชื่อ ELLA เธอเป็นสาวฟิลิปปินส์ คุยเก่ง อารมณ์ดี ยิ่งรู้ว่าเราเป็นคนไทย เธอยิ่งแฮปปี้ บอกว่าชอบเมืองไทย มาเที่ยวภูเก็ตบ้านเราบ่อยๆ รักคนไทย แหม คนไทยอย่างเราก็ปลื้มนะสิ
น้องเอลล่า (ELLA)
สุดท้ายเทคะแนนให้น้องเอลล่า เพราะทางร้านมีแบบสอบถามมาให้ จะว่าไปแล้ว อาหารโปรตุเกส ก็คล้ายๆกับอาหารสเปน มีหนวดปลาหมึกยักษ์ มีกุ้งในน้ำมันมะกอก (กุ้งกัมบัส) ฯลฯ
อาหารจานนี้มีความคล้ายกุ้งสเปน
จานนี้หนวดปลาหมึกยักษ์
เหล้าหวานดื่มก่อนเมนูหวานจะมาเสิร์ฟ
บรรยากาศดีเพราะเป็นบ้านไม้ทรงยุโรปเก่าแก่อายุประมาณ 100 ปี แต่ร้านอาหารเปิดมา 14 ปี ใครไป
เที่ยวมาเก๊า ก็ลองไปเช็คอินกินเที่ยวกันได้ สุดท้าย....ท้ายสุด ดิฉันก็ยังหลงใหลใน ทาร์ตไข่ ร้าน Lord Stow’s Bakery อร่อยฟินสมใจ ซื้อกลับกรุงเทพมหานครอีกต่างหาก
จบสวยๆด้วยทาร์ตไข่ Lord Stow’s Bakery







