สวรรค์ใต้โลก-นรกบนดิน กลาง ‘เมืองพังงา’

‘เที่ยวพังงา’ ชม ‘สวรรค์ใต้โลก-นรกบนดิน’ เมืองพังงา ไม่ได้มีดีแค่แหล่งท่องเที่ยวรอบนอกตามอำเภอต่างๆ เท่านั้น ในตัวเมืองเองก็มีความน่าสนใจไม่น้อย
โดยส่วนตัว ผมชอบตัว เมืองพังงา เป็นที่สุด ชอบจนคิดว่าถ้าให้เลือกไปอยู่ในตัวจังหวัดสักแห่งจะเลือกที่ไหน ผมก็คงเลือกที่นี่ เพราะในตัวเมืองพังงานั้น เป็นเมืองเล็กๆ เมืองตั้งอยู่ในที่ราบเล็กๆ ระหว่างแนว ภูเขาหินปูน ขนาบข้างซ้าย -ขวา
ผู้คนก็บางเบา ถ้าเป็นแต่ก่อน สมัยที่ถนนไป พังงา ยังเป็นถนนสองเลนที่รถแล่นสวนกัน ผมอาจจะคิดมากหน่อย แต่พอมาตอนนี้ ที่ถนนเชื่อมระหว่างพังงามาทับปุด แล้วจะต่อไปถนนเซาเทิร์นหรือลงไปจนถึงกระบี่ ก็ล้วนเป็นสี่เลน ขับขี่ได้สะดวกสบาย จากที่เคยดูไกลๆ ก็ดูใกล้ในพริบตา
ใครไป พังงา พอจะเข้าตัวเมือง ไม่ว่าจะมาจากทางภูเก็ต หรือมาจากทางกระบี่ ก็จะเห็นภูเขาช้าง ซึ่งเป็น ภูเขาหินปูน สูงใหญ่ โดดเด่นเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของพื้นที่ ภูเขาช้าง จะเชื่อมต่อกับแนวภูเขาหินปูนที่ขนาบ เมืองพังงา ทางด้านตะวันตก
ส่วนแนวภูเขาด้านตะวันออกเฉียงเหนือนั้นจะเป็นผืนใหญ่ต่อเนื่องไปทางเขาหลักอะไรทางนั้น เพราะที่ตั้งเมืองเป็นแบบนี้ พังงา ก็จึงมีถ้ำอยู่มากมาย ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมา เราจะรู้ว่าในตัว เมืองพังงา นั้นมีที่เที่ยวไม่มาก
แต่คราวนี้ อยากจะพามาเที่ยวในตัวเมืองพังงา ใครเลยจะรู้ว่า แค่ในตัวเมืองเล็กๆ ก็มีที่เที่ยวแบบนี้ด้วย ผมกำลังจะพาไปเที่ยว วัดถ้ำตาปาน ในตัวเมืองพังงา
วัดถ้ำตาปาน เป็นวัดที่ตั้งอยู่เชิงภูเขาหินปูนหนึ่งในสองแนวเขาที่ขนาบตัว เมืองพังงา ทางด้านทิศตะวันตก เรียกว่าอาณาบริเวณวัดก็ติดภูเขาด้วย ไปไม่ยากถามใครในเมืองก็รู้จักวัดถ้ำตาปานหมด จะเดินไปก็ยังได้ เพราะบอกแล้วว่าพังงานั้นเป็นเมืองเล็กๆ ไม่กว้าง
ภายในวัดนั้นสิ่งปลูกสร้างก็มีไม่มากนัก แต่รูปปั้นทั้งหลายอาจจะมีมากหน่อย อย่างเช่น บริเวณที่เรียกว่าประตูสู่นิพพาน ก็มีรูปปั้นพระสงฆ์ เรียงรายตั้งอยู่ชิดติด ภูเขาหินปูน หรือจะเป็นทางที่เดินขึ้นไปยังเจดีย์ ก็จะมีรูปปั้นต่างๆ ทั้งรูปปั้นยักษ์ รูปปั้นเทวดา รูปปั้นเทพเคารพในศาสนาฮินดูอยู่ย่านเชิงเขามากมาย
ครั้นลงมาจากเจดีย์ชมวิวเมืองพังงาแล้ว เดินออกมาก็จะเห็นรูปปั้นมังกรขนาดใหญ่ อ้าปากกว้าง มีรูปปั้นเชิญชวนให้เราเข้าไปในปากมังกร ซึ่งในตัวมังกรจะเป็นอุโมงค์ที่ไม่กว้างมากนัก ด้านในมีไฟส่องสว่าง มีอากาศถ่ายเท มังกรนี้เขาเรียกว่ามังกรข้ามนรก ซึ่งเดี๋ยวก็รู้ว่ามันข้ามนรกอย่างไร เดินในตัวมังกรราว 100 เมตร ก็จะไปโผล่ท้ายมังกร ซึ่งอยู่บนไหล่เขาหินปูนแล้ว จะมีทางปูนเล็กๆ
นำพาให้เราเดินไปอีกราว 20 เมตร ก็จะไปถึงปากถ้ำแห่งหนึ่ง ที่เมื่อมองลงไป จะเห็นว่าปากถ้ำอยู่สูงจากที่เรายืนดูอยู่ไม่มากนัก ด้านปากถ้ำมีหินงอกหินย้อยบ้าง แต่ไม่มากนัก
เมื่อเดินลงไปถึงปากถ้ำด้านล่าง จึงเห็นว่าถ้ำนี้เป็นเหมือนถ้ำลอด เพราะมีลำธารน้ำไหลอยู่ตรงกลาง แต่น้ำในลำธารดูแห้ง แสดงถึงการที่ไม่ได้เป็นลำธารใหญ่ที่มีน้ำไหลตลอดปีแบบถ้ำพุงช้าง หรือถ้ำลอดอย่างธารโบกขรณี
คงจะเป็นลำธารน้ำเฉพาะในฤดูฝน แล้วน้ำเมื่อไหลออกมาจากในถ้ำถึงปากถ้ำก็มุดลงดินไหลงลงไปเป็นระบบน้ำใต้ดิน ปากถ้ำเป็นลักษณะกองหินถล่ม
แสงจากปากถ้ำส่องเข้าไปได้ในระยะหนึ่ง มองเห็นสะพานโค้งข้ามลำห้วย และมีทางเดินเข้าไป เมื่อข้ามสะพานโค้งแรกไป ลำห้วยที่คดโค้งไปมา ทำให้เราจอสะพานโค้งอีกแห่งหนึ่งเป็นสะพานที่สอง ซึ่งหลบซ่อนในความมืดแล้ว คนที่จะมาเที่ยวที่นี่จึงต้องเตรียมไฟส่องสว่างมาด้วย
พอข้ามสะพานโค้งครั้งที่สอง ก็จะเจอสะพานเหล็กอีกแห่ง แต่สะพานนี้จะไม่โค้งกลับทอดตรงชันขึ้นไปข้ามลำห้วยที่ไหลซอกซอนผ่านภูเขาหินปูน มีป้ายเขียนบอกว่านี่คือ สะพานขึ้นสวรรค์ ซึ่งเมื่อเดินตามบันไดเหล็กขึ้นไปจนสุดทาง ก็จะเจอบันไดปูนนำพาไปยังพื้นที่ที่เทพื้นปูนไว้
มีพระพุทธรูปประดิษฐาน มีระฆังห้อยจากเพดานถ้ำที่เป็นเพดานสูงไม่มาก เดาว่าคงเป็นลานปฏิบัติธรรมสำหรับที่นี่ ภายในถ้ำมืดสนิท
ด้านหนึ่งเป็นร่องห้วยที่อยู่ลึกลงไปและปลายลำธารนี้อยู่เข้าไปในภูเขา ภายในมีหินงอกหนย้อยบ้าง แต่ไม่มาก แต่หนงอกหินย้อยที่มียังคงมีสีสัน แสดงถึงการก่อเกิดยังคงมีอยู่ในทุกฤดูฝน แต่แมลงภายในมาก
ยิ่งเมื่อนำภาพนิ่งมาเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์จะเห็นแมลงบินเป็นเส้นขาวๆในภาพ ซึ่งภาพแนวนี้ถูกคนนำไปบิดเบือนบอกว่าเป็น พญานาค เป็นวิญญาณ
เป็นอะไรต่อมิอะไรมากมาก แต่จริงๆ คือแมลงบินแล้วกล้องที่จับสปีดต่ำในที่มืด จึงเห็นเป็นเส้นทีขาว เป็นเรื่องปกติในการถ่ายภาพ สวรรค์ ที่สะพานที่พาขึ้นมามีเพียงแค่นี้เอง
แต่เมื่อเดินลงมาจากสวรรค์ ค่อยๆออกมาสู่อิทธิพลของแสงสว่างจากปากถ้ำ ก็จะเห็นความสวยงามของแสงและถ้ำที่ดูสวยงามไปอีกแบบ
ถึงคราวที่เดินออกมา ใกล้กับท้ายมังกรที่เราโผล่ออกมานั้นจะมีทางเดินลงเล็กๆ สองข้างทางเดินนั้นจะมีรูปปั้นยมบาล ท่านยมทูตกำลังคุมตัวคนตายฟังคำพิพากษาโทษ ใช่แล้ว นี่คือประตูลงสู่นรกภูมินั่นเอง
เมื่อเดินผ่านตรงที่มีรูปปั้นท่านยมทูตกำลังพิพากษาโทษ ก็จะเป็นลานกว้างพอประมาณ บนลานปั้นรูปปั้นมีการลงโทษต่างๆ เป็นดั่งนรกภูมิ เห็นตัวมังกรที่เราเดินเข้าไปในตัวนั้น มีลำตัวพาดผ่านย่านนี้ มังกรจึงเป็นมังกรข้ามนรกดังกล่าว
รูปปั้นการลงโทษต่างๆ ก็จะเป็นการลงโทษเมื่อเราผิดศีลต่างๆ มีการลงในกระทะทองแดง มีการบังคับให้ปีนขึ้นต้นงิ้วหนาม มีผู้คุมถือหอกแหลมแทงข้างข้าง อีกาปากเหล็กคอยจิกด้านบน มีการลากลิ้น สารพัดการลงโทษในนรกภูมิ และที่สำคัญคือ ดินแดนนรกภูมิเหล่านี้ ดันมาอยู่ด้านหลังเมรุเผาศพซะด้วย
พอเดินขึ้นจากนรกภูมิ ก็จะพบกับแดนเปรต มีรูปปั้นผีเปรตที่มีรูปลักษณ์ตามที่บรรยายไว้ในเตภูมิกถา พระมาลัยคำหลวง ไตรภูมิพระร่วง หรือไตรภูมิโลกวินิจฉัยกถา ที่บรรยายถึงเปรตไว้ และที่นี่ก็ปั้นรูปเปรต ไว้ให้เราได้เห็นตัวตนเลยไม่ต้องจินตนาการ จะได้ระลึกถึงเมื่อขณะเรามีชีวิต ก่อนจะกระทำอะไรอันเป็นการละเมิดศีลธรรม ก็ให้นึกถึงนรก สวรรค์ หลังความตายไว้ด้วย
การมา เที่ยววัดถ้ำตาปาน จึงถือว่าครบเครื่องใช้ได้ เพราะนอกจากบรรยากาศวัดที่ร่มรื่นแล้ววัดยังมีทั้งจุดชมวิว มีถ้ำลอดไว้ให้เดินเที่ยวผจญภัยพอสนุกสนาน ทั้งยังมีนรกภูมิ มีแดนเปรตไว้ให้ฉุกคิดขณะดำเนินชีวิตด้วย ก็ถือว่าครบเครื่องสำหรับที่เที่ยวในเมืองแบบนี้
พังงา จึงไม่ได้มีดีอยู่แค่แหล่งท่องเที่ยวในรอบนอกตามอำเภอต่างๆ ในตัวเมืองเองก็ไม่ถึงกับเปลี่ยวดาย
อย่างน้อยก็มีถ้ำตาปานนี่แหละ พอแก้หน้าได้.....







