สนามกีฬา ‘ดิสก์กอล์ฟ’ ชุมชนตะเคียนเตี้ย ซอฟต์พาวเวอร์แห่งเมืองพัทยา

ชวนรู้จักสนามกีฬา ‘ดิสก์กอล์ฟ’ ในสวนมะพร้าวผืนสุดท้ายของพัทยา ณ ชุมชนตะเคียนเตี้ย นี่อาจเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของพัทยา ในแง่ของการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงการกีฬาของไทย
KEY
POINTS
- พาเที่ยวชมสนามกีฬา ‘ดิสก์กอล์ฟ’ ในสวนมะพร้าวผืนสุดท้ายของพัทยา ณ ชุมชนตะเคียนเตี้ย นี่อาจเป็น ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ อีกอย่างของพัทยาและของไทย ในแง่ของการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงการกีฬา
- แต่ละปีมีนักกีฬาดิสก์กอล์ฟชาวต่างชาติ เดินทางมาเล่นในสนามของสวนมะพร้าวฟ้าใสไอโกะแห่งนี้อยู่ไม่ขาดสาย ล่าสุดเพิ่งจะจัดแข่งขันทัวร์นาเมนต์ไปเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา
- ในประเทศไทยก็มีกลุ่มผู้เล่นกีฬาดิสก์กอล์ฟอยู่บ้างเหมือนกัน แต่อาจจะยังเป็นกลุ่มขนาดเล็ก โดยมีสมาคม Thailand Flying Disc เป็นศูนย์กลางในการแจ้งข่าวสารด้านกีฬาดิสก์กอล์ฟ
นอกจาก “พัทยา” จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลชื่อดัง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว พัทยายังเป็นแหล่งรวมการเล่นกีฬาทางน้ำ-กีฬาทางบกหลากหลายชนิด และมีสนามกีฬาอีกหลายแห่ง เช่น สนามกอล์ฟพัทยา สนามยิงปืน สนามกีฬาศูนย์เยาวชน ศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก และสนามกีฬาภาคตะวันออก (อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง)
นอกจากนี้ พัทยายังมีสนามกีฬาอีกแห่งหนึ่งที่คนไทยอาจยังไม่คุ้นเคยมากนัก แต่กลับเป็นที่รู้จักกันดีของนักกีฬาชาวต่างชาติ นั่นก็คือสนามกีฬา “ดิสก์กอล์ฟ” ที่ตั้งอยู่ในสวนมะพร้าวฟ้าใสไอโกะ ชุมชนตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองพัทยาไม่ไกล เป็นสนามมาตรฐานขนาด 18 หลุม เอาไว้รองรับนักกีฬาจากต่างชาติในการแข่งขันกีฬาดิสก์กอล์ฟ นี่อาจเป็นอีกหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ของพัทยาและของไทยที่หลายคนยังไม่รู้จักมาก่อน โดยสนามดิสก์กอล์ฟแห่งนี้เป็นแห่งเดียวในโซนภาคตะวันออกของประเทศไทย!
รู้จักกีฬาดิสก์กอล์ฟ (Disc Golf) ที่ชาวต่างชาตินิยมเล่นอย่างกว้างขวาง
สำหรับกีฬาดิสก์กอล์ฟ (Disc Golf) คือ กีฬาจานร่อนชนิดหนึ่ง มีวิธีการเล่นและกฎกติกาเหมือนกับกีฬากอล์ฟ เพียงแต่เปลี่ยนอุปกรณ์และวิธีเล่น โดยจากไม้กอล์ฟ ลูกกอล์ฟ และการตีลูกกอล์ฟลงหลุม เปลี่ยนมาเป็นการใช้จานร่อน ร่อนให้ลงในตะกร้าเหล็กที่ตั้งไว้ในแต่ละจุด รวม 18 จุด (ตะกร้าหรือ Targets เปรียบเสมือนหลุมกอล์ฟของกีฬาตีกอล์ฟ)
ความเป็นมาของกีฬาดิสก์กอล์ฟนั้น ว่ากันว่าเริ่มมีมานานแล้วตั้งแต่ปี 1960 แต่ไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้ริเริ่มเล่นกีฬานี้ เพราะมีกลุ่มคนหลายกลุ่มเริ่มเล่นกันในหลายๆ พื้นที่ของสหรัฐอเมริกา ต่อมาในปี 1970 เอ็ด เฮดริก (Ed Headrick) เจ้าของฉายา “Steady Ed Headrick” นักประดิษฐ์ของเล่นชาวอเมริกัน เขาเป็นผู้ที่ริเริ่มทำอุปกรณ์และตั้งกฎกติกาให้กีฬาดิสก์กอล์ฟอย่างจริงจัง
รวมถึงเขาได้จดลิขสิทธิ์ในการทำจานร่อน และอุปกรณ์ตะกร้าซึ่งเป็นเป้าหมาย หรือเรียกว่า Targets (ประกอบไปด้วยเสาเหล็กขนาดเล็ก ปลายเสาเป็นธงผ้าสามเหลี่ยม มีห่วงตาข่ายหรือโซ่แขวนอยู่ ด้านล่างเป็นตะกร้า) ผู้คนยกย่องเขาว่าเป็นบิดาของเกมจานร่อนสมัยใหม่และของกีฬาดิสก์กอล์ฟ
ขณะที่ในปี 1976 เอ็ด เฮดริก และลูกชายของเขาได้ก่อตั้งบริษัทดิสก์กอล์ฟแห่งแรกขึ้น นั่นคือ Disc Golf Association (DGA) วัตถุประสงค์ของ DGA คือการผลิตจานร่อนและตะกร้าเป้าหมาย และทำให้กีฬาชนิดนี้เป็นการแข่งขันอย่างทางการมากขึ้น และข้อมูลล่าสุดจากองค์กร Professional Disc Golf Association (PDGA) ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้เล่นกีฬาชนิดนี้ประมาณ 40 ประเทศ และ ณ วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2566 พบว่ามีสมาชิกใน PDGA จำนวน 107,853 รายทั่วโลก
สำหรับในประเทศไทยก็มีกลุ่มผู้เล่นกีฬาดิสก์กอล์ฟอยู่บ้างเหมือนกัน แต่อาจจะยังเป็นกลุ่มก้อนขนาดเล็ก โดยมีสมาคม Thailand Flying Disc คอยแจ้งข่าวสารการแข่งขันต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศอยู่เรื่อยๆ
จากสวนมะพร้าวผืนสุดท้ายในพัทยา สู่การเป็นสนามดิสก์กอล์ฟแห่งเดียวในภาคตะวันออก
ย้อนกลับมาที่สนามดิสก์กอล์ฟของไทยในพัทยา กรุงเทพธุรกิจ ได้มีโอกาสไปเยือนถึงที่พร้อมพูดคุยกับเจ้าของสนามอย่าง “ประชา เปลี่ยนศรี” ซึ่งเจ้าตัวเล่าว่าสนามดิสก์กอล์ฟแห่งนี้ ตนเองได้พัฒนาจากสวนมะพร้าว “สวนฟ้าใสไอโกะ” แห่งชุมชนตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนมาตั้งแต่ช่วงปี 2559-2560
แต่เดิมก็จะมีพาท่องเที่ยวเที่ยวชมสวนมะพร้าว เรียนรู้ประโยชน์ของมะพร้าว มีกิจกรรมย้อมผ้าจากสีเปลือกมะพร้าว ทำกาแฟน้ำมะพร้าว กาแฟกะทิสด และเมนูอาหารจากส่วนต่างๆ ของมะพร้าว เป็นต้น แต่ต่อมาได้เพิ่มเติมในส่วนของ “กีฬาดิสก์กอล์ฟ” เข้ามาด้วย โดยเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2563
สำหรับพื้นที่ที่นำมาปรับเป็นสนามดิสก์กอล์ฟนั้น มีทั้งหมดเกือบ 20 ไร่ ประชาได้ลงทุนซื้อจานร่อน ทำป้าย และหลุม (ตะกร้า) สำหรับโยนจานร่อนต่างๆ ด้วยตัวเอง โดยทั้งหมดมี 18 หลุมในการเล่น ตอนนี้มีสมาชิกที่เข้ามาเล่นที่นี่อยู่ประมาณ 30 กว่าคน ซึ่งเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด โดยชาติที่นิยมเล่นกันกันมาก ได้แก่ สวีเดน ฟินแลนด์ เนเธอร์แลนด์ และประเทศฝั่งยุโรปอื่นๆ อีกหลายประเทศ
สนามแห่งนี้มีการจัดการแข่งขันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว มีทัวร์นาเมนต์ของนักกีฬาต่างชาติมาใช้สนามแห่งนี้ในการแข่งขันอยู่เป็นประจำในแต่ละปี ล่าสุดเพิ่งจัดแข่งขันทัวร์นาเมนต์ไปเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา มีนักกีฬาร่วมแข่งขันครั้งนั้น 45 คน ส่วนใหญ่เป็นนักกีฬาจากต่างชาติ มีนักกีฬาไทยเพียง 7-8 คน เนื่องจากกีฬานี้ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนไทยมากนัก
สำหรับรางวัลที่จะมอบให้แก่ผู้ชนะในการแข่งขันนั้น จะถูกจัดสรรมาจากค่าสมัครสมาชิกของแต่ละคนที่เป็นเมมเบอร์ของที่นี่ โดยแบ่งปันไปดูแลในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันกีฬาชนิดนี้ เช่น แบ่งเข้ากองทุนโฮลอินวัน แบ่งไปเป็นรางวัลผู้ชนะ รวมถึงนำไปเป็นค่าอาหารกลางวันเลี้ยงในกลุ่มสมาชิก เป็นต้น
ใครที่อยากมาเที่ยวพัทยาแล้วลองเล่นกีฬาชนิดนี้ดูสักครั้ง ก็สามารถวอล์กอินเข้ามาเล่นดิสก์กอล์ฟที่สวนฟ้าใสไอโกะได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุด เปิดตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.00 น. โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 200 บาทต่อคนต่อวัน สามารถเล่นกี่ชั่วโมงก็ได้ภายในเวลาที่กำหนด สำหรับคนที่อยากสมัครเมมเบอร์ที่นี่ก็มีค่าใช้จ่ายดังนี้ ประเภท 1 เดือน ราคาอยู่ที่ 1,000 บาทต่อคน, ประเภท 3 เดือน ราคา 1,500 บาทต่อคน และ ประเภท 6 เดือน ราคา 2,500 บาทต่อคน ถ้าเป็นสมาชิกจะมาเล่นวันไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้
กิจกรรมอื่นๆ ในสวนฟ้าใสไอโกะมีให้เลือกทำอีกเยอะ ทั้งสนุกทั้งอร่อย!
สำหรับใครที่อยากทำกิจกรรมอื่นๆ ของสวนฟ้าใสไอโกะ ทางสวนก็ยังคงมีให้บริการเช่นเดิม ยกตัวอย่างเช่น การทำผ้ามัดย้อมด้วยสีธรรมชาติจากกาบมะพร้าว โดยมี "พี่อ้วน" เจ้าหน้าที่จากกลุ่มการท่องเที่ยวชุมชนตะเคียนเตี้ยคอยสอนและพาลงมือทำจริง ซึ่งการย้อมผ้าของที่นี่ทำแบบไร้สารเคมี โดยเน้นใช้ส่วนผสมธรรมชาติอย่างเกลือ สารส้ม และน้ำปูนใสเป็นหลัก เพื่อให้สีย้อมสีติดได้ชัดเจน
วิธีการทำคร่าวๆ คือ นำกาบมะพร้าวที่สับเป็นชิ้นเล็กๆ มาแช่น้ำค้างคืน จากนั้นนำมาต้มให้เดือดจัดเป็นเวลาสองสามชั่วโมงเพื่อให้สีจากเปลือกมะพร้าวออกมาอยู่ในน้ำให้มากที่สุด ต้มจนสีน้ำย้อมมีสีน้ำตาลเข้มมากๆ ก็จากนั้นก็ปิดไฟพักไว้ให้เย็นแล้วกรองเอาเปลือกออก
ทีนี้ก็มาทำการมัดผ้าขาว (ใช้ได้ทั้งผ้าคอตตอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ผ้ามัสลิน ผ้าสปัน) ให้เป็นลวดลายต่างๆ ตามชอบ เช่น ลายดาว ลายหัวใจ ลายดอกไม้ ลายเปลือกไม้ ฯลฯ จากนั้นก่อนที่จะย้อมผ้า ก็เอาน้ำสีขึ้นตั้งไฟต้มอีกครั้งโดยใส่เกลือลงไปน้ำย้อมก่อนเพื่อช่วยให้ผ้าสีไม่ตก รวมถึงใส่สารส้มให้มีความเป็นด่างเพื่อให้สีติดทนนานยิ่งขึ้น
เมื่อน้ำร้อนจัดก็ใส่ผ้าที่เรามัดลวดลายลงไป ต้มผ้ามัดย้อมไปประมาณพักใหญ่ๆ ก็ตักขึ้นมาจุ่มแช่ในน้ำปูนใส 5 นาที จากนั้นนำขึ้นมาวางพักบนตะแกรง เมื่อโดนอากาศผ้าก็จะเปลี่ยนสีเข้มขึ้น ทำให้ลวดลายชัดเจนขึ้น จากนั้นนำมาแกะหนังยางที่มัดบนผ้าออกแล้วนำไปตากแห้งก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
นอกจากนี้ยังมีบริการอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้วัตถุดิบจากมะพร้าวในสวนเป็นหลัก เช่น มะพร้าวน้ำหอมจากสวน (ใช้หลอดจากก้านมะละกอ เพื่อลดการสร้างขยะพลาสติก), มีบริการกาแฟน้ำกะทิสดพร้อมขนมของว่างที่ทำจากมะพร้าวเป็นหลัก รวมถึงมีเมนูอาหารที่ทำจากกะลาอ่อนของมะพร้าวอย่าง "ผัดเผ็ดไก่ใส่กะลากรุบ" เป็นต้น
อีกทั้งหากใครอยากอุดหนุนสินค้าแฮนด์เมดจากมะพร้าวช่วยชาวชุมชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทาง ก็สามารถหาซื้อได้จากที่นี่เช่นกัน โดยสินค้าชื่อดัง ได้แก่ สบู่มะพร้าว น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ลิปบาร์ม เสื้อและผ้าพันคอย้อมสีกาบมะพร้าว ขนมต่างๆ เป็นต้น







