เที่ยววัดจังหวัดราชบุรี ต้องเสน่ห์'คงคาราม' ชมจิตรกรรมฝาผนังล้ำค่า

‘เที่ยววัด’ ชมความงาม ซึมซับวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ที่วัดคงคาราม ภาษามอญเรียก ‘เกี๊ยโต้’ สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย จังหวัดราชบุรี นอกจากนี้ยังมี ‘วัดโพธาราม’ ในอำเภอโพธาราม
เที่ยววัด ชื่นชมความงามครั้งนี้ ที่จังหวัดราชบุรี
ประเทศของเรานั้นมีคนหลากหลายเชื้อสายพงศ์เผ่าเข้ามาอยู่รวมกัน ลาว (ทั้งลาวทางเหนือ ลาวอีสาน และลาวในประเทศลาว) แขก(ทั้งแขกที่มาจากอินเดีย และแขกที่มาจากทางมลายู) จาม ขแมร์ มอญ ญวน จีน พม่า อินเดีย และมีคนพื้นที่อยู่อาศัยกันอยู่แล้ว
คนต่างเชื้อสายนั้นไม่รู้เข้ากันมากันตอนไหนบ้าง ตั้งแต่อดีตนับย้อนหลังกันไปเป็นร้อยๆ ปี เข้ากันมาด้วยเหตุผลสารพัด ทั้งแสวงหาที่ทำกินที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งถูกกวาดต้อนอันเป็นผลมาจากการสงครามในอดีตเข้ามาก็มักจะถูกต้อนรับจากเจ้าผู้ครองแผ่นดิน เพราะในสมัยอดีตมีพื้นที่ แต่พลเมืองน้อย
อาณาจักรไหนคนมากก็ย่อมดูมีศักยภาพทั้งทางเศรษฐกิจ และการสงคราม เมื่อมีผู้คนเข้ามาพึ่งใบบุญ เจ้าผู้ครองแผ่นดินก็มักพระราชทานให้ไปตั้งถิ่นฐานกันที่นั่น ที่นี่ ประเทศไทยเราจึงมีคนหลากหลายเชื้อชาติมารวมกัน สร้างประเทศไทยขึ้นมา
และที่ต่างจากชาติอื่นๆ คือ เมื่อมาอยู่รวมกัน ถ้าในศาสนาที่ใกล้เคียงกันก็จะหล่อรวมกลมกลืนวัฒนธรรมจนกลายเป็นวัฒนธรรมไทย ส่วนที่ต่างศาสนาก็ยังคงวัฒนธรรม ประเพณี ปฏิบัติศาสนกิจของตัวเองอยู่ในชุมชนได้ บางครั้งก็หลอมรวมสายเลือดปนเปกันจนยากจะสืบหาเชื้อสายได้ แต่เราทุกคนจะเรียกตัวเองใหม่ว่าเป็น ‘คนไทย’ เชื้อสายอะไรก็แจกแจงกันเอา
‘มอญ’ นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่เก่าแก่ เคยยิ่งใหญ่ มีอาณาจักรของตัวเอง แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ที่ทำให้คนมอญต้องอพยพเข้ามาอยู่ในแผ่นดินไทยตั้งแต่ในอดีต มอญมักจะถูกให้ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ริมแม่น้ำ เราจึงเห็นคนมอญไปอยู่ทั้งที่ปทุมธานี ปากเกร็ด บ้านมอญกรุงเทพ พระประแดง ปากลัด
ส่วนลุ่มน้ำแม่กลองก็แถวบ้านโป่ง โพธาราม จังหวัดราชบุรี ในเมืองกาญจน์ ก็แถวริมแม่น้ำแคว ท่ากระดาน เมืองสิงห์ อะไรพวกนี้ อย่างที่บอกว่า มาตั้งชุมชน ตั้งบ้านเรือนกันมานานเป็นร้อยๆ 4-5 ช่วงอายุคน
แม้ในปัจจุบันทุกคนจะเป็นคนไทยกันไปหมดแล้ว แต่การสืบสานประเพณี วัฒนธรรมของเชื้อสายตัวเองก็ยังคงอยู่ในชุมชน
วัดโพธาราม ในเขตตำบลคลองตาคต อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เป็นวัดที่สร้างขึ้นมาจากชุมชนมอญขนาดใหญ่ในโพธาราม ที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ในที่ราบลุ่ม ริมคลอง สาขาของแม่น้ำแม่กลอง
เดิมคนมอญก็อพยพโยกย้ายกันมาตั้งบ้านเรือนอยู่บ้างตั้งแต่สมัยอยุธยา อย่างที่บอกแต่ต้น แต่เข้ามากันมากก็ในสมัยกรุงธนบุรี ที่มาจากการศึกสงคราม
พระเจ้าตากจึงให้ไปตั้งบ้านเรือทั้งที่สามโคก และที่อื่นๆ แต่มีกลุ่มหนึ่งถูกให้ตั้งบ้านเรือนไล่ขึ้นไปตามริมแม่น้ำแคว กาญจนบุรี 7 เมือง เรียกกันว่า มอญ 7 หัวเมือง (1.เมืองสิงห์ 2. เมืองลุ่มสุ่ม 3.เมืองท่าตะกั่ว 4. เมืองไทรโยค 5. เมืองท่าขนุน 6. เมืองทองผาภูมิ 7. เมืองท่ากระดาน)
เพื่อเป็นกองกำลังและทำการในการศึก ครั้นช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ คู่สงครามทางตะวันตกตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศตะวันตกภาระหน้าที่ของหัวเมืองมอญจึงลดบทบาทลงไป
รัชกาลที่ 4 จึงให้ยุบหัวเมืองมอญทั้ง 7 เจ้าเมืองมอญทั้ง 7 นั้น จึงอพยพลงมาอยู่ที่โพธาราม 6 หัวเมือง ส่วนอีกหนึ่งไปอยู่ที่บ้านโป่ง ถ้าจะบอกว่า วัดคงคาราม แทบจะเป็นจุดศูนย์รวมใจของคนมอญ ในย่านนี้ก็คงไม่ผิดนัก
เมื่อชุมชนอยู่กันอย่างสงบสุข ทำมาหากินอย่างบริบูรณ์พูนสุข ก็จะมีเวลาทุ่มเทให้กับวัด ให้กับความเชื่อความศรัทธา
‘วัดคงคาราม’ นี้เดิมเรียกกันว่าวัดกลาง หรือภาษามอญเรียก ‘เกี๊ยโต้’ น่าจะ สร้างขึ้นมาแต่ครั้งสมัยอยุธยาตอนปลายๆ โดยชาวมอญที่อยู่มาก่อนการอพยพมารวมของมอญ 7 หัวเมือง เป็นสงฆ์แบบรามัญนิกาย (ปัจจุบันเป็นมหานิกาย) มาในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งได้รับการทะนุบำรุงอย่างดีและได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น วัดคงคาราม ดั่งในปัจจุบัน
โดยส่วนตัวผมชอบ วัดโพธาราม แห่งนี้อย่างมาก สิ่งแรกเลยที่จะประทับใจคือ บรรดาหมู่กุฏิสงฆ์ ที่สร้างเป็นเรือนไทยหลายๆหลัง รวมหมู่กัน เมื่อขึ้นไปบนกุฏิเหล่านั้นจะเห็นว่า มีทั้งศาลาที่เป็นโถงโล่งสำหรับทำกิจกรรมทางสงฆ์ต่างๆ และห้องของพระ เณร ที่อยู่เรียงๆ กันในกุฏิทรงไทยเหล่านั้น ที่บอกว่าประทับใจเพราะทั้งรูปลักษณ์ที่เรามองเห็นจากด้านนอก
การสร้างหมู่กุฏิเรือนไทยแบบรวมกลุ่มอย่างนี้ เป็นการสร้างกุฏิของวัดในสมัยเก่า ในวัดเก่าๆ ที่ยังไม่ได้รื้อแล้วสร้างใหม่ หลายแห่งจะเป็นแบบนี้ ที่ผมเห็นยังคงมีอยู่ในอยุธยา เพชรบุรี และก็ราชบุรีนี่แหละ
ส่วนว่า สิงห์บุรี อ่างทอง เมืองในภาคกลางอื่นๆจะมีไหม อันนี้ก็ไม่ยืนยัน แต่คิดว่ามี เพราะว่า วัดที่สร้างขึ้นมาใหม่ๆ จะไม่สร้างเป็นหมู่เรือนไทยแบบนี้แล้ว เขาจะสร้างแยกกัน ถือว่าที่นี้ยังคงเก็บรักษาไว้ได้ดีมาก แทบจะเป็นดั้งเดิมทุกอย่าง
ใกล้กันจะเป็นศาลาการเปรียญหลังใหญ่ ยกพื้นสูง บนศาลาที่เป็นโถงโล่ง มีธรรมาสน์ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม แต่ที่โดดเด่นคือ บนเพดานครับที่ถูกวาดเป็นลายดอกไม้(เข้าใจว่าเป็นดอกพิกุล) เต็มทั้งเพดาน ส่วนแผ่นไม้บังเงา วาดเป็นพุทธประวัติ และประเพณีต่างๆ
ที่นี่ยังมีกุฏิหลังใหญ่ทำเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน มีข้าวของเครื่องใช้ของผู้คนในสมัยก่อนทั้งในทางศาสนา และในชีวิตประจำวันมากมาย แม้กระทั่งชั้นล่างก็ยังมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ไว้ ซึ่งพอไปเห็นเราจะนึกออกเลยครับว่า เราเคยเห็น เคยมีใช้สมัยเราเด็กๆ อย่างน้อยก็ผ่านมาครึ่งร้อยปีเชียวแหละ
แต่ไฮไลท์ที่สำคัญ คือพระอุโบสถ ด้านหน้าจะมีเจดีย์ทรงมอญ และเจดีย์อื่นๆ อยู่หลายองค์ เข้าไปด้านใน จึงจะตื่นตะลึงกับภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพพุทธประวัติ ภาพวิถีชีวิตต่างๆ
ซึ่งภาพเขียนเหล่านี้น่าจะเขียนมาแต่ครั้งต้นรัตนโกสินทร์ การใช้สีที่สดใส ดูสดชื่นมีชีวิตชีวา การแบ่งพื้นที่วาดเรื่องราวต่างๆ ดูลงตัว เป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยที่สุดในสายตาผมนะ
วัดคงคาราม นี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่เปิดให้เข้าชม ถ้าเป็นในบริเวณวัดก็ทุกวัน แต่ถ้าเป็นในพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ด้านบนอาคารทรงไทย หรือจะดูภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ ก็ต้องเป็นเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่หกโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น
ส่วนการเดินทางนั้นไปง่ายมาก เข้าไปใน โพธาราม แล้วตั้งจีพีเอสนำทางหรือถามใครก็ได้ง่ายและสะดวกมาก
เข้าป่า เข้าถ้ำ บ่อยๆ นานๆได้มาชื่นชมวัดสวยๆ งามๆ สักครั้ง ก็ดูอิ่มเอิบใจดี สงสัยต้องเพิ่มการเที่ยววัดมากขึ้นละครับ....
ภาพวาดด้านหน้าพระอุโบสถ







