'สะพานมอญ' สังขละบุรี หวิดวอด สิงห์อมควันทิ้งก้นบุหรี่ไม่พ้น

แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง 'สะพานมอญ' สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี หวิดวอดไหม้ เหตุเพราะสิงห์อมควันทิ้งก้นบุหรี่ไม่พ้น

'สะพานมอญ' สังขละบุรี หวิดวอดไหม้ กลางดึกคืนที่ผ่านมา (27 มี.ค.66) ขณะวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งไปเดินเล่นเพื่อชมบรรยากาศยามค่ำคืนบนสะพานไม้อุตตมานุสรณ์ หรือสะพานมอญ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของอำเภอสังขละบุรี ที่เชื่อมต่อระหว่างฝั่งเทศบาลตำบลวังกะกับเขตชุมชนชาวมอญบ้านวังกะหมู่ 2 ต.หนองลู 

จู่ๆ ก็ได้กลิ่นเหม็นคล้ายควันไฟไหม้ กลุ่มวัยรุ่นจึงช่วยกันเดินตามหาที่มาของกลิ่น กระทั่งพบกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นมาจากใต้พื้นสะพาน เมื่อเข้าไปดูพบว่าเสาสะพานถูกไฟไหม้กลายเป็นสีแดงคล้ายถ่าน แต่ยังไม่มีเปลวเพลิงเกิดขึ้น ทุกคนจึงช่วยตะโกนขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่อยู่ด่านล่างสะพาน ให้ช่วยนำน้ำขึ้นมาดับไฟ

 เมื่อชาวบ้านได้ยินจึงรีบนำขวดพลาสติกไปกรอกน้ำแล้วโยนขึ้นมา เพื่อให้กลุ่มวัยรุ่นช่วยกันดับไฟไปก่อน จากนั้นผู้ที่อยู่ด้านล่างจึงรีบนำภาชนะที่หาได้ไปตักน้ำแล้ววิ่งขึ้นมาช่วยกันดับในภายหลัง และสุดท้ายทุกคนก็สามารถช่วยกันดับไฟได้สำเร็จ

วัยรุ่นหญิงคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเองกับเพื่อน เห็นชายวัยรุ่นนั่งเล่นอยู่ที่บริเวณดังกล่าว จากนั้นวัยรุ่นชายทั้ง 3 คน ก็เดินจากไป ไม่นานนักตนเองกับเพื่อนก็ได้กลิ่นเหม็นคล้ายควันไฟ ด้วยความสงสัยจึงเดินตามหา กระทั่งพบกลุ่มควันพุ่งมาจากใต้พื้นสะพานบริเวณที่วัยรุ่นชาย 3 คนนั่งเล่นอยู่ เมื่อพบจุดไฟไหม้ ตนเองและเพื่อนจึงตะโกนให้ชาวบ้านที่อยู่ใต้สะพานมาช่วยกันดับจนสำเร็จดังกล่าว

ด้าน น.ส.พรเจริญ ปุณณะการี หญิงสาวที่มาช่วยดับไฟ เล่าว่า ที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ทุกครั้งที่เกิด เป็นเพราะมีคนสูบบุหรี่แล้วทิ้งก้นบุหรี่ที่ยังไม่ดับลงบริเวณช่องพื้นสะพาน แต่ไม่พ้น ก้นบุหรี่ไปค้างอยู่กับหัวเสา เป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้ โชคดีที่มีคนเห็นก่อนจึงช่วยกันดับได้ทัน ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ตนเองเชื่อว่าเกิดจากการที่มีคนทิ้งก้นบุหรี่ลงไปอย่างแน่นอน

จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยบังคับใช้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัด เพราะถึงแม้ว่าบริเวณหัวสะพานทั้งสองฝั่งจะมีป้ายเตือนห้ามสูบบุหรี่ก็จริง แต่ก็ยังมีคนฝ่าฝืนอยู่ หากเกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นมาอีก ไม่แน่ว่าสะพานไม้อุตตมานุสรณ์อาจจะถูกไฟไหม้พังพินาศอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในยามค่ำคืน เพราะไม่มีคนเห็น