คืบหน้า "ถูกรางวัลที่ 1" เมียหอบเงินหนี ล่าสุดผัวแจ้งความตำรวจเอาผิดแล้ว

คืบหน้า "ถูกรางวัลที่ 1" เมียหอบเงินหนีไปกับชายอื่น ล่าสุดผัวแจ้งความกับตำรวจเพื่อดำเนินคดีเอาเงินคืนแล้ว

ความคืบหน้ากรณี นายมะนิช (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี "ถูกรางวัลที่ 1" แต่โดนนางอังคนารัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นเมียหอบเงินหนีไปกับชายอื่น ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้(19 พฤศจิกายน 2565) พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ได้เดินทางมาพบกับนายมะนิช ที่บ้านคางฮุง หมู่ที่ 5 ต.ธวัชบุรี อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เพื่อติดตามความคืบหน้า

 

 

ซึ่งจากการพูดคุยกับ นายมะนิช (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ผู้ที่ "ถูกรางวัลที่ 1" แล้วเมียหอบเงินหนีไป กล่าวยืนยันว่าต้องการที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับเมียที่หนีไปกับชายอื่น ซึ่งรู้เพียงแต่ชื่อว่า นายวิทยา และต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวมาดำเนินคดีและเอาเงินมาคืน

 

โดย นายมะนิช กล่าวว่า ทีแรกตนว่าจะไม่แจ้งความแล้ว เพราะเมื่อวานนี้เมียติดต่อทางโทรศัพท์กลับมาเองว่าขอให้ยุติการให้ข่าวและความเคลื่อนไหว โดยจะขอเวลาสัก 1-2 วัน ก็จะกลับมาบ้าน พร้อมกับเอาเงินมาคืนทั้งหมด และยืนยันว่าไม่ได้ไปกับผู้ชาย แต่ขัดใจที่ลูกชายพูดด้วยไม่ดี และหนีไปเพราะความโกรธ ซึ่งตอนนี้เริ่มทำใจได้แล้วจึงจะกลับมา ซึ่งตอนนั้นตนก็เชื่อ แต่ปรากฏว่าพอถึงวันนี้กลับติดต่อเมียไม่ได้อีก และปรึกษาทุกคนดูแล้วมั่นใจว่าน่าจะหลอกลวงตนเพื่อถ่วงเวลาไม่ยอมคืนเงิน จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดีหลังจากลังเลมานานหลายวัน เพราะมั่นใจว่าเมียไม่มีความจริงใจ

 

 

หลังจากแสดงความจำนงชัดเจนกับ พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี จึงได้พานายมะนิช (ผู้เสียหาย) และนายเพ็ญ พี่ชายของนางอังคนารัตน์ มาที่ สภ.ธวัชบุรี โดยทั้ง 2 คนยืนยันให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงสาเหตุที่ต้องเอาเงินเข้าบัญชีนางอังคนารัตน์ เพราะนายมะนิชไม่มีบัญชีธนาคาร เนื่องจากเขียนหนังสือไม่ค่อยได้ และขอยืนยันว่าการโอนเงินเข้าบัญชีเมียไม่ได้โอนให้ด้วยความเสน่หา แต่เป็นการฝากไว้ในบัญชีเท่านั้น ซึ่งตอนนนี้มั่นใจว่าโดนหลอกลวงแน่นอนจึงต้องการให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีเพื่อเอาเงินคืน

 

นายมะนิช กล่าวต่อว่า หากได้เงินคืนมาแล้วก็ค่อยคุยกันอีกที ซึ่งตนอาจจะถอนแจ้งความก็ได้ หากกฎหมายสามารถทำได้ เพราะเห็นแก่คนที่เคยอยู่ด้วยกันมา และหลังจากได้เงินคืน หากไม่มีที่ไปก็อาจจะให้พักพิงในบ้าน เพื่อให้อยู่กับลูกๆได้ ด้วยความมีมนุษยธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ลูกสาวอายุ 11 ปี เรียน ป.5 คิดถึงแม่มาก จนไม่อยากเรียนต่อ แต่อาจจะไม่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแบบเดิมสักระยะ เพื่อดูใจกันก่อน

 

"ที่สำคัญขอให้คิดถึงลูกคนเล็ก ที่ตอนนี้ไม่อยากไปโรงเรียนเพราะเสียใจมากที่แม่ทำเช่นนี้ จากนี้ไปลูกไม่อยากจะไปโรงเรียนเพราะเสียใจและอายเพื่อน ตอนนี้อยากจะย้ายไปเรียนที่อื่น หรือไม่ก็จะลาออกจากโรงเรียน และไม่เรียนต่อ" นายมะนิช กล่าว

 

ด้าน พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า เมื่อเป็นความต้องการของเจ้าทุกข์ก็พร้อมที่จะดำเนินการให้ตามความต้องการ โดยจะมีการเรียกสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 คน คือ ผู้เสียหาย พร้อมกับนายเพ็ญ พี่ชายของนางอังคนารัตน์ที่เดินทางไปด้วยกันที่กองสลากฯ รวมทั้งนายเพิ่มศักดิ์ คนขายสลากฯ มาสอบสวนเพื่อสรุปสำนวนการสอบสวนคดี แล้วจึงจะออกหมายเรียกนางอังคนารัตน์และคนที่ก่อเหตุร่วมกันมาสอบสวนดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์ และหากไม่มาตามหมายเรียกก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป แต่อย่างไรก็ตามคดีนี้เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวที่สามารถยอมความกันได้ หากมาพบพนักงานสอบสวนและตกลงกันได้ ก็สามารถถอนแจ้งความได้