เปิดประวัติ “คริสติน่า อากีลาร์” ศิลปินไทยคนแรกที่รับรางวัลจาก “MTV VMAs”

เปิดประวัติ “คริสติน่า อากีลาร์” ศิลปินไทยคนแรกที่รับรางวัลจาก “MTV VMAs”

ไม่ใช่แค่ “ลิซ่า” ลลิษา มโนบาล ที่ได้รับรางวัลระดับโลกจากเวที “MTV Video Music Awards” แต่หากย้อนกลับไปในปี 2535 ศิลปินในตำนานอย่าง “คริสติน่า อากีล่าร์” เจ้าของฉายา “Queen of Dance” และศิลปินหญิงที่มียอดขายอัลบั้มสูงสุดของไทย เป็นศิลปินไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้

คริสติน่า อากีล่าร์” มีชื่อเล่นว่า “ติ๊นา” เป็นศิลปินหญิงแนวป๊อปแดนซ์คนแรกของ “GMM Grammy” เธอชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากเติบโตมาในครอบครัวนักดนตรี และได้เข้ามาเป็นนักร้องจากการชักชวนของ “เต๋อ - เรวัต พุทธินันทน์” นักร้อง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งแกรมมี่ และเป็นเพื่อนกับพ่อของเธอ เนื่องจากติ๊นาชอบฟังเพลงของ “มาดอนน่า” “ไคลี มิโนก” ซึ่งเป็นเพลงแนวแดนซ์ทั้งหมด อีกทั้งตอนทำสกรีนเทสต์ เธอได้เต้นอย่างเมามัน ทำให้เต๋อลองเสี่ยงทำเพลงแนวแดนซ์กับติ๊นา เพราะในตอนนั้นยังไม่มีเพลงแนวแดนซ์ในประเทศไทยมาก่อน ซึ่งถ้าไม่ประสบความสำเร็จก็อาจจะไม่ได้ทำต่อไป

 

“แปลกจริงจริงเลย ก็อยู่ไปดีดี เดี๋ยวเธอก็มา ไม่ทันจะเตรียมตัว ทำเหมือนนินจา เมื่อมาลีลาไม่เหมือนใคร”

ติ๊นา เปิดตัวด้วยอัลบั้ม “นินจา” ในปี 2533 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ด้วยแนวเพลงแบบใหม่ บวกกับเนื้อเพลง ทำนอง และการเรียบเรียงที่แปลกหู  ทั้งยังเป็นศิลปินหน้าใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน ซึ่งมาพร้อมกับแฟชั่นทรงผมบ๊อบหน้าม้าอันเป็นเอกลักษณ์ ส่งผลให้ติ๊นากลายเป็นศิลปินหญิงยอดนิยมไปทั่วประเทศ โดยทำยอดขายไปได้กว่า 1,900,000 ตลับ ถือว่าเปิดตัวได้อย่างสวยงามสำหรับศิลปินหน้าใหม่และบุกเบิกตลาดเพลงแดนซ์ในประเทศไทย

 

 

“ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำ ประวัติศาสตร์จะต้องเปลี่ยน”

อีกหนึ่งเพลงที่โด่งดังและมาแรงมาก ๆ ในอัลบั้มนี้ก็คือเพลง “ประวัติศาสตร์” ที่ทำให้เกิดข้อถกเถียงในการออกเสียงคำว่าประวัติศาสตร์ ว่าแท้จริงแล้วต้องออกเสียงว่า “ประ-หวัด-ติ-สาด” หรือ “ประ-หวัด-สาด” กันแน่ ซึ่งที่จริงแล้วคำนี้เกิดจากการสมาสระหว่าง 2 คำ คือ ประวัติ และ ศาสตร์ ตามหลักแล้วต้องอ่านว่า ประ-หวัด-ติ-สาด (ต้องออกเสียงสุดท้ายของคำแรกด้วย) แต่ภายหลังเมื่อมีคนอ่านว่า ประ-หวัด-สาด อยู่จำนวนมาก ราชบัณฑิตยสถานจึงได้อนุโลมให้สามารถอ่านได้ทั้ง 2 คำ

นอกจากนี้ เนื้อเพลงประวัติศาสตร์ ยังเล่าถึงความเท่าเทียมทางเพศ ที่แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเป็นช้างเท้าหลังเสมอไป และสามารถทัดเทียมกับผู้ชายได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหม่มากในสมัยนั้น และติ๊นาได้กลายเป็นตัวแทนของผู้หญิงรุ่นใหม่ที่มีความมั่นใจไปโดยปริยาย

 

สำหรับเพลงอื่น ๆ ที่ฮิตและกลายเป็นตำนานของอัลบั้มนี้นั้นประกอบไปด้วย “พลิกล็อค” เพลงแดนซ์อีกหนึ่งเพลงที่ยังคงถูกเปิดอยู่บ่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้ “เปล่าหรอกนะ” เพลงช้าเนื้อหาบาดลึก แสดงถึงเทคนิคการร้องที่เป็นเอกลักษณ์ของติ๊นา “หัวใจขอมา” กลายเป็นหนึ่งในเพลงที่ถูกนำไปใช้ประกวดร้องเพลงมากที่สุด

“จริงไม่กลัว ไม่กลัว กลัวแต่คนไม่จริง คนไม่จริง ดูแล้ว ก็น่ากลัว”

ในปี 2535 ติ๊นากลับมาอีกครั้งกับอัลบั้มชุดที่ 2 “อาวุธลับ” สามารถทำยอดขายไปได้กว่า 1,600,000 ล้านตลับ ทำให้เป็นศิลปินหญิงคนแรกของแกรมมี่ที่ทำยอดขายทะลุล้านตลับได้ถึง 2 อัลบั้ม นอกจากนี้เพลง “จริงไม่กลัว” ยังได้รับรางวัล “MTV Video Music Awards” หรือ “MTV VMAs” ประจำปี 2535 ในสาขา “International Viewer's Choice: MTV Asia” อีกด้วย

โดยเป็นรางวัลที่ให้แฟนเพลงทั้งเอเชียโหวตมิวสิควิดีโอที่ชื่นชอบ ซึ่งผลโหวตส่วนใหญ่ที่โหวตให้เพลงจริงไม่กลัวนั้นมาจากประเทศอินเดีย ทำให้ติ๊นาเป็นศิลปินไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลจาก MTV VMAs (ก่อนหน้านี้ในปี 2534 พี่เบิร์ด - ธงไชย แม็คอินไตย์ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในสาขาเดียวกัน จากเพลง “พริกขี้หนู”)

 

หลังจากการคว้ารางวัล MTV ได้แล้ว ได้ส่งอัลบั้มพิเศษออกไปขายยังต่างประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย ซึ่งได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น

 

“อย่างนี้ไม่ยากหรอก ก็นึกว่ามันจะหนักหนา”

อัลบั้มชุดที่ 3 “Red Beat รหัสร้อน” ได้วางจำหน่ายในปี 2537 ทำยอดขายทะลุ 3.5 ล้านตลับ ตอกย้ำการเป็นราชินีเพลงป๊อป โดยใช้เทคนิคการอัดเสียงแบบ 60 แทร็ก ทำให้เสียงดนตรีแน่น มีรายละเอียดยิบย่อยในเพลง และลูกเล่นเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้ “แอม - เสาวลักษณ์ ลีละบุตร” และ “มาช่า วัฒนพานิช” มาร้องเป็นคอรัส (ร้องเสียงประสาน) ให้อีกด้วย ส่วนท่อนเปิดของเพลงที่เป็นคล้ายกับเสียงสวดมนต์ นั้น เป็นการรีเวิร์สท่อนแร็ปในเพลงด้วยความเร็วนั่นเอง

เพลง ไม่ยากหรอก ถูกเปิดตัวครั้งแรกบนเวทีคอนเสิร์ต 10 ปี แกรมมี่ ซึ่งทันทีที่เพลงนี้เริ่มปล่อยสู่คลื่นวิทยุเป็นครั้งแรก ก็สามารถทะยานขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ทุกคลื่นวิทยุทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว และทำยอดขายแตะ 1 ล้านชุดได้ในเวลาเพียง 1 เดือน ทำให้อัลบั้มนี้กลายเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดในปีนั้น อีกทั้งยังเป็นอัลบั้มของศิลปินหญิงที่ขายดีที่สุดตลอดกาล และกลายเป็นอัลบั้มที่ทำยอดขายสูงสุดเป็นอันดับที่ 3 ของแกรมมี่อีกด้วย รองจากอัลบั้ม “ชุดรับแขก” และ “พริกขี้หนู” ของพี่เบิร์ดเท่านั้น

 

 

สำหรับเพลงฮิตเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้มนี้ ได้แก่ “ไปด้วยกันนะ” เพลงแดนซ์สุดน่ารักที่มีเสียงเด็กในท่อนเปิด “เลิกเหอะ” เพลงที่มักถูกใช้ร้องในช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ต “ไม่มีใครขอร้อง” เพลงช้าบาดอารมณ์ตามสไตล์ติ๊นา และ “นาทีที่ยิ่งใหญ่” เพลงช้าเล่าถึงการเดินตามความฝัน ทำให้เป็นอีกหนึ่งเพลงที่นิยมในการประกวดร้องเพลงเวทีต่าง ๆ 

 

“พูดอีกที พูดอีกที พูดอีกทีได้หรือเปล่า ฉันไม่ได้ฟังที่อยากจะฟังมาตั้งนาน”

ในปี 2540 ติ๊นากลับมาพร้อมกับอัลบั้มชุดที่ 4 “Golden Eye” เปิดตัวด้วยเพลง "อย่ามองตรงนั้น" ด้วยลุคใหม่ที่ยังคงความสวยเซ็กซี่ และแฟชั่นที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Golden Eye: ตาสีทองมองที่ใจ"

   

 

แต่เพลงที่ยังคงได้รับความนิยม และถูกนำมาแสดงสดจนถึงปัจจุบันคงจะหนีไม่พ้นเพลง “พูดอีกที” เพลงแดนซ์น่ารัก ขี้เล่น พร้อมกับมีท่าเต้นที่ทุกคนสามารถเต้นตามได้

ด้วยกระแสนิยมอย่างล้นหลามของอัลบั้มนี้ ทำให้แกรมมี่จนต้องผลิตเทปและซีดีด้วยกำลังผลิตสูงสุดให้เพียงพอกับความต้องการของแฟนเพลง จนสามารถทำยอดขายไปได้กว่า 1,770,000 ล้านตลับ ทำให้ติ๊นาเป็นศิลปินหญิงเพียงคนเดียวที่มีอัลบั้มล้านตลับมากถึง 4 อัลบั้ม และฉลองความสำเร็จนี้ด้วยอัลบั้มพิเศษ “Christina Remix” ที่ตามออกมาเพียง 3 เดือน

 

หลังจากนั้นติ๊นามีอัลบั้มตามออกมาอีก 4 ชุด ซึ่งแต่ละอัลบั้มล้วนมีเพลงฮิต และไว้ลาย Queen of Dance ของเมืองไทยได้เช่นเดิม แม้ว่าจะไม่สามารถทำยอดขายทะลุ 1 ล้านตลับได้ เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของเทปผีซีดีเถื่อน แต่ยอดขายก็ยังอยู่ในระดับที่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็น 

 

  • 5th avenue (2542) มีเพลงฮิตอย่าง รอกันอีกนิดนึง และ อุ่นใจ ทำยอดขายไปกว่า 860,000 ชุด
  • Dancing Queen (2544) มีเพลงฮิตอย่าง Zoom! และ คิดผิดคิดใหม่ ทำยอดขายได้มากกว่า 700,000 ชุด
  • Paradise (2546) เปิดตัวด้วยเพลง สวรรค์อยู่ที่ใจ และ อยากฟังคำนั้นตลอดไป ทำยอดขายได้กว่า 760,000 ชุด
  • C.Space (2550) มีเพลง An Everlasting Love และ ก็คุ้มแล้ว ทำยอดขายได้ราว 50,000 ชุด ไม่รวมยอดดาวน์โหลด

 

เมื่อรวมยอดขายทุกอัลบั้มแล้ว ทำให้ติ๊นาเป็นศิลปินหญิงที่มียอดขายอัลบั้มสูงสุดในประวัติศาสตร์ของไทยด้วยยอดขายกว่า 10 ล้านชุดและไม่มีผู้ใดทำลายสถิตินี้ได้

 

“พรุ่งนี้หรือว่าเมื่อไหร่ หรือว่าวันใด เธอยังคงเหมือนเดิม ไม่เคยต้องมีคำสัญญา ไม่ต้องบอกรักก็เข้าใจ”

ติ๊นาเคยให้สัมภาษณ์ในรายการ Behind The Song ว่าเธอชอบไปดูนางโชว์ เพราะการแสดงของทรานส์เจนเดอร์นั้นมักจะมีอารมณ์และการแสดงออกที่เหนือจริง ทำให้เธอนำมาปรับใช้ในการโชว์บนคอนเสิร์ต ซึ่งทำให้โชว์ของติ๊นาออกมาด้วยความมั่นใจ เป็นตัวของตัวเอง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ อีกทั้งผลงานเพลงแดนซ์ที่ถูกจริต และกลายเป็นหนึ่งใน “เกย์ ไอคอน” ที่ชาว LGBTQIA+ หลงรักและเคารพเสมอมา  พร้อมยกคำว่า “แม่” ให้ติ๊นาด้วยความเต็มใจ

ทุกวันนี้คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า “คริสติน่า อากีลาร์” เป็นหนึ่งในตำนานของวงการเพลงไทย ที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้เลย กระทั่งทุกวันนี้เพลงของเธอจากทั้ง 8 อัลบั้มยังถูกนำมาเปิดให้เด็กรุ่นใหม่ได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ โดยเฉพาะเพลงอัลบั้มแรก ๆ ที่แม้จะผ่านมาเกือบ 30 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงฟังได้ทุกยุคทุกสมัยไร้กาลเวลา  เธอได้สร้างนาทีที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ตัวเองไว้เรียบร้อยแล้ว และเธอจะยังคงเป็นศิลปินหญิงอันดับ 1 ของไทยตลอดไป

 

“เพราะฉันนั้นต้องการมี เสี้ยวนาทีที่ยิ่งใหญ่ ให้ใจจดไว้ นานเท่านาน”