ชมภาพวาดฝีพระหัตถ์ พระอัจฉริยภาพวิทยาศาสตร์ ในงาน “มหกรรมวิทย์ฯ 65”

ร่วมเทิดพระเกียรติพระอัจฉริยภาพด้านวิทยาศาสตร์ของพระมหากษัตริย์ไทย และพระบรมวงศานุวงศ์ พร้อมชมภาพวาดฝีพระหัตถ์ ในงาน “มหกรรมวิทย์ฯ 65”
เราโชคดีที่ได้เกิดในประเทศไทยที่มี พระมหากษัตริย์ และ พระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงพระปรีชาสามารถด้านวิทยาศาสตร์ และทรงนำความรู้ด้านศาสตร์ของวิทยาศาสตร์และศาสตร์ศิลปะมาใช้ในการพัฒนาประเทศ
เป็นต้นแบบสำคัญที่จะนำไปสู่การสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นหลังได้นำเอา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อขับเคลื่อนประเทศ พัฒนาคุณภาพชีวิต เพิ่มมูลค่าผลผลิตและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
งานมหกรรมวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2565 เป็นการนำเสนอความก้าวหน้าและองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของปี เพื่อให้เยาวชน นักเรียน และผู้สนใจที่เข้าชมงานมีความเข้าใจ สร้างแรงบันดาลใจและความสนุกสนาน เพลิดเพลินไปพร้อมๆ กับการเพิ่มพูนความรู้รอบตัว
ภายในงานยังมีการจัดแสดง นิทรรศการเทิดพระเกียรติ (Royal Pavilion) จัดแสดงพระราชกรณียกิจและพระอัจฉริยภาพของบูรพกษัตริย์ไทย, พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงมีคุณูประการต่องานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการศึกษาของประเทศไทย
ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี “เจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์ และ องค์สิริศิลปิน” ทรงได้รับการยกย่องจากประชาคมโลกในฐานะ นักวิทยาศาสตร์ ที่มีบทบาทสำคัญต่อวงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสาธารณสุขของประเทศไทยและนานาชาติ ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ทรงทุ่มเทพระวรกายทรงงานอย่างหนักในการวางรากฐานด้าน การรักษามะเร็งสำหรับคนไทย และทรงปกป้องประชาชนให้ห่างจากภัยมะเร็งในทุกวิถีทาง
ทรงค้นพบพระองค์เองว่ามีอีกสิ่งหนึ่งที่ทรงรักและทรงมีความสุขทุกครั้งเมื่อได้ทรงงานนั้นคือ “งานศิลปะ” โดยทรงเป็น เจ้าฟ้าพระองค์แรกในประวัติศาสตร์ของพระราชวงศ์ไทย ที่ทรงสำเร็จการศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาทัศนศิลป์ คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
กระทรวงวัฒนธรรมได้ทูลเกล้าถวายพระสมัญญา สิริศิลปิน มีความหมายว่า "ศิลปินผู้ทรงสร้างสรรค์งานศิลปะงดงามหลายแขนง อันเป็นศรีมิ่งขวัญและเป็นมงคลยิ่ง"
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะในการสร้างสรรค์ งานศิลปะ เพื่อนำไปต่อยอดหารายได้สมทบทุนมูลนิธิในพระดำริ จนเป็นที่ประจักษ์และจารึกอยู่ในดวงใจของไทยทุกคน
ภายในงานจัดแสดงภาพวาดฝีพระหัตถ์อันสวยงามให้ประชาชนเข้าชมอย่างใกล้ชิด ทรงสร้างสรรค์ผลงานชุดนี้โดยทรงใช้สัญลักษณ์ คือ “เสือ” หมายถึง ความสัมพันธ์และความผูกพันอย่างลึกซึ้งในความเป็นผู้นำของอาณาจักร คือ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฎวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) “พระราชบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” ทรงวางรากฐานที่จะนำวิทยาการใหม่ๆ ของตะวันตก ตลอดจนความรู้ทางวิทยาศาสตร์แผนใหม่ และเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการบริหารประเทศ
ทรงตั้งพระทัยติดตามศึกษาหาความรู้ และทรงพระปรีชาในศาสตร์หลายแขนง เพื่อนำพาสยามสู่อารยประเทศ โดยพระอัจฉริยภาพของพระองค์ที่เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศได้แก่ ทรงคำนวณสุริยุปราคา ไว้ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ
ทั้งยังทรงทราบได้อย่างแตกฉานว่า เส้นศูนย์ของสุริยุปราคาจะผ่านมาใกล้ที่สุด ณ ตำบลหว้ากอ โดยที่พระองค์ทรงคำนวณขึ้นมาด้วยพระองค์เอง
ดังนั้นทางประชาคมดาราศาสตร์สากล จึงได้เรียกสุริยุปราคาครั้งนั้นว่า King of Siam’s Eclipse หรือ อุปราคาของพระเจ้ากรุงสยาม อันเป็นการเทิดพระเกียรติในพระปรีชาสามารถด้านวิทยาศาสตร์ของพระองค์อย่างสูงสุด
นอกจากนี้ "รัชกาลที่ 4" ยังทรงเป็นผู้ริเริ่มความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์มากมายในสยามยุคนั้น อาทิ
- นำเข้ากล้องถ่ายรูปตัวแรก ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของวิทยาการถ่ายภาพในประเทศไทย
- ทรงตั้งเวลามาตรฐานของสยามตามระบบการนับเวลาสากล
- ทรงนำเข้าเครื่องพิมพ์และก่อตั้งโรงพิมพ์ เพื่อจัดพิมพ์ราชกิจจานุเบกษา
- การปฏิรูปเงินตรา จากเงินพดด้วงเป็นเหรียญลักษณะกลมแบน
- ทรงตั้งโรงกษาปณ์สิทธิการ ภายในพระบรมมหาราชวัง
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และ “พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” ทรงใช้วิทยาศาสตร์บันดาลความสมบูรณ์
เพราะทรงตระหนักถึงความจำเป็นในการ ดูแลดินให้อุดมสมบูรณ์ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม จึงได้ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริในการป้องกัน แก้ไข ปรับปรุงทรัพยากรดินให้เป็นในแนวทางที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรไทยทั่วหน้า
ด้วยเหตุนี้ คนไทยและนานาประเทศจึงเทิดพระเกียรติพระองค์ในฐานะจอมปราญ์แห่งดิน สำหรับโครงการในพระราชดำริเกี่ยวกับดิน อาทิ โครงการแกล้งดิน โครงการหญ้าแฝก โครงการทดลองแก้ปัญหาดินเปรี้ยว จังหวัดนครนายก เป็นต้น
นอกจากนี้ยังทรงมีพระอัจฉริยภาพและทรงโปรดปรานด้านการถ่ายภาพอย่างมาก ดังที่จะเห็นภาพพระองค์ห้อยกล้องไว้ที่พระศออยู่เสมอ โดยสามารถจำแนกรูปถ่ายมากมายได้เป็น 2 ประเภท คือ ภาพถ่ายแนวจิตศิลป์ และ ภาพแสดงพระปณิธานในการพัฒนาประเทศ
นิทรรศการเทิดพระเกียรติ และการจัดแสดงภาพวาดฝีพระหัตถ์จัดแสดงใน งานมหกรรมวิทย์ฯ’ 65 ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมชมงาน ณ อาคาร 9-10 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 13 – 21 สิงหาคม 2565 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ Facebook: NSTFair Thailand







