ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ด้วยโครงการ ‘หมู่บ้านนวัตกรรมเพื่อสังคม'

การพูดคุยเกี่ยวกับที่มา ผลงาน และแนวทางการดำเนินงานโครงการ ‘หมู่บ้านนวัตกรรมเพื่อสังคม' และการนำ 'นวัตกรรม' มาใช้ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก
KEY
POINTS
- โครงการ ‘หมู่บ้านนวัตกรรมเพื่อสังคม’ เป็นการนำนวัตกรรมมาพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานราก นำร่องที่จังหวัดร้อยเอ็ดเพื่อแก้ปัญหาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าท้องถิ่น
- ประสบความสำเร็จ เช่น ฟาร์มอัจฉริยะปลูกมะเขือเทศ (V-PROMPT) และการบ่มเนื้อ (KULA BEEF) ส่งผลให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น 3-10 เท่า
- สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) สนับสนุนทุนและเชื่อมโยงนวัตกรรมกับชุมชน โดยให้ชาวบ้านเป็นผู้เสนอโจทย์ปัญหาเอง
- มีแผนขยายตลาดสินค้าชุมชนสู่ต่างประเทศ เช่น ซาอุดิอาระเบีย โดยนำเกณฑ์ ESG มาใช้พิจารณาให้ทุนในอนาคตเพื่อความยั่งยืน
โครงการหมู่บ้านนวัตกรรมเพื่อสังคม เป็นมิติใหม่ของการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานรากด้วยนวัตกรรม นำร่องที่ชุมชนสาเกตนคร จังหวัดร้อยเอ็ด
ประสบผลสำเร็จในการผสานนวัตกรรมเข้ากับวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ท้องถิ่นอย่างลงตัว ส่งผลกระทบเชิงบวกครอบคลุมพื้นที่ถึง 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปทุมรัตต์ อำเภอเกษตรวิสัย และอำเภอโพนทราย
ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชน ตั้งแต่การพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ การแปรรูปผลิตภัณฑ์พื้นบ้านสู่สินค้ามูลค่าสูง ไปจนถึงการสร้างแบรนด์ท้องถิ่นระดับพรีเมียม
นำร่องด้วย KULA BEEF การบ่มเนื้อ และ V-PROMPT ระบบฟาร์มอัจฉริยะ IoT เพิ่มผลผลิตมะเขือเทศ
Cr. Kanok Shokjaratkul
- สะพานเชื่อม นวัตกรรม สู่ ชุมชน
"โครงการหมู่บ้านนวัตกรรมเพื่อสังคม ไม่ใช่การถ่ายทอดเทคโนโลยีแบบเดิม ๆ แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรม ที่สมบูรณ์ ซึ่งผสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน
ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชนท้องถิ่น และนักวิจัย เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ตรงจุด สามารถตอบสนองความต้องการของชุมชนได้
บทบาทของ NIA นอกเหนือจากการสนับสนุนงบประมาณและเทคโนโลยีแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างผลงานนวัตกรรมที่มีคุณภาพกับความต้องการของชุมชน"
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA (National Innovation Agency Thailand) เปิดเผยถึงรายละเอียดของโครงการนี้ให้ฟัง
Cr. Kanok Shokjaratkul
"ปกติการให้ทุนมักจะกระจายตัวเป็นรายบุคคลหรือรายชุมชน แต่ที่ ปทุมรัตต์โมเดล จังหวัดร้อยเอ็ด เราเปลี่ยนมาให้ทุนในรูปแบบ กลุ่มของหมู่บ้านนวัตกรรม
เราต้องการพิสูจน์ให้ชุมชนเห็นว่า นวัตกรรมที่มีความเสี่ยงสูงสามารถทำได้จริง โดยเรานำร่องเอาเงินรัฐไปช่วยเรื่องโรงเรือนและระบบเพาะปลูก เพื่อลดความเสี่ยงให้ชาวบ้านกล้าขยายผลตาม
จนตอนนี้มีถึง 50 ครัวเรือนที่ทำเรื่อง มะเขือเทศ จนเกิดการแพร่กระจายของนวัตกรรมได้ด้วยตัวเอง
โครงการนี้ ชาวบ้านต้องเป็นคนเสนอโจทย์เข้ามาเอง ว่าอยากแก้ปัญหาอะไรในหมู่บ้าน
เรามีการเปิดรับข้อเสนอผ่านเว็บไซต์และเครือข่ายมหาวิทยาลัยในภูมิภาค เช่น มหาวิทยาลัยมหาสารคามที่ดูแลพื้นที่นี้
Cr. Kanok Shokjaratkul
สิ่งสำคัญที่สุดที่เราดูคือ Mindset และความพร้อมของผู้นำชุมชน แม้บางที่อาจจะเคย อกหัก ไม่ผ่านเกณฑ์ในตอนแรก แต่เราอยากให้มองว่านั่นคือการเรียนรู้เพื่อนำไปปรับปรุงข้อเสนอให้เกิดผลกระทบ และความยั่งยืน
นวัตกรรม ที่ลงไปในพื้นที่ ช่วยแก้ปัญหาได้จริง มีหลายตัว เช่น ข้าวเม่าพร้อมทาน บรรจุกระป๋อง กินแล้วอิ่มท้องและเป็นอัตลักษณ์พื้นที่
หรือเทคโนโลยีระบบ การให้น้ำใต้ดิน จากอิสราเอล เพื่อช่วยให้ต้นหม่อนเติบโตได้ในหน้าแล้ง ทำให้ชาวบ้านมีรายได้จากการเลี้ยงไหมตลอดปี
นอกจากนี้ยังมี แอปพลิเคชันบริหารจัดการน้ำ ที่ทำร่วมกับ สสน. (สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ) เพื่อให้ชุมชนมีข้อมูลน้ำระดับย่อย ซึ่งจะกลายเป็นบิ๊กดาต้าของประเทศในอนาคต"
- รายได้เพิ่มขึ้น
"ในเชิงเศรษฐกิจ พื้นที่ที่ใช้นวัตกรรมมีรายได้เพิ่มขึ้น 3-4 เท่า บางรายสูงถึง 10 เท่า เช่น มะเขือเทศ ถ้าเราเชื่อมโยงเข้าสู่ตลาด Chef's Table หรือขายในซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีการทำ Storytelling ผ่านการสแกนดูข้อมูลสินค้า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นมหาศาล
ปัจจุบันเราตั้งเป้าสร้าง ผู้ประกอบการนวัตกรรมรายใหม่ ให้เพิ่มขึ้นปีละ 20% เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาดในกลุ่มเดิม
เราย้ำเสมอว่า อย่าคิดเป็นท่อน ๆ ต้องคิดให้ครบจนถึงมือผู้ซื้อ เรามีความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำและกลุ่มเชฟโรงแรมเพื่อทำ Market Matching
ในปีหน้าเราจะบุกตลาด ซาอุดิอาระเบีย อย่างเต็มตัว เพราะเป็นตลาดที่รวยและยอมรับนวัตกรรมไทยทั้งด้านอาหาร การแพทย์ และการเกษตร ส่วนตลาดจีนเราจะขยายผ่านทาง ฮ่องกง เพราะมีระเบียบกฎหมายที่เอื้อต่อการทำธุรกิจมากกว่า
Cr. Kanok Shokjaratkul
ทิศทางของ NIA ในปีหน้า เราจะนำเกณฑ์ ESG (สิ่งแวดล้อม:Environmental, สังคม:Social, ธรรมาภิบาล:Governance) เข้ามาจับในการพิจารณาให้ทุนเพื่อความยั่งยืน
โดยเน้นไปที่ นวัตกรรมจัดการภัยพิบัติ เช่น น้ำแล้ง ไฟป่า และฝุ่น PM2.5 รวมถึงเรื่อง สุขภาพและกีฬา (Health, Wellness & Sport)
เป้าหมายใหญ่คือเราอยากเห็น นวัตกรรมอยู่ในแผนพัฒนาของทุกจังหวัด เพราะนั่นคือหัวใจสำคัญของการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
บทบาทของเราคือการ จุดแสงเทียน เรายอมรับความเสี่ยงและเริ่มจุดไฟให้เห็นความสำเร็จในเบื้องต้นก่อน เมื่อแสงเทียนสว่างพอจนสปอร์ตไลท์จากภาคส่วนอื่นหรือแหล่งทุนใหญ่ ๆ หันมาส่องสว่างตาม ชุมชนก็จะสามารถเติบโตและก้าวเดินต่อไปได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน"
Cr. Kanok Shokjaratkul







