'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

'แสนสิริ' เปิดตัว 'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' จุดประกาย ผลักดัน ขับเคลื่อน สู่ Sustainable Model วิสาหกิจเพื่อสังคม

กาแฟ ได้รับการพัฒนาในประเทศไทยมาแล้วกว่า 40-70 ปี ตั้งแต่ที่มี โครงการหลวง กาแฟเติบโตพึ่งพาอาศัยอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างสมบูรณ์

สอดคล้องกับพระราชดำริของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง ที่ทรงให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างมนุษย์กับป่า

 

การรวมตัวกันของ 3 พันธมิตร ทั้งภาคเอกชนและภาคประชาสังคมไทย นำโดย แสนสิริ – ไร่แสนชัย - บีนส์ คอฟฟี่ โรสเตอร์ จัดงานเปิดตัว ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร (อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่) วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ณ SIRI CAMPUS อ่อนนุช

เพื่อจุดประกายอุตสาหกรรม กาแฟพิเศษไทย (Specialty Coffee) พืชเศรษฐกิจมูลค่าสูง ผลักดันวิสาหกิจเพื่อสังคม ที่มีกาแฟพิเศษไทยเป็นแกนหลัก ยกระดับเศรษฐกิจฐานรากผ่านโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน

ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม สร้างการคืนถิ่น สร้างรายได้ด้วยตนเอง พร้อมนำกำไรกลับคืนสู่ชุมชน

ตั้งเป้าดำเนินงาน 5 ปี (2569–2573) เป็นจุดศูนย์กลางของผู้ที่สนใจกาแฟ ผลักดันความรู้เกี่ยวกับกาแฟให้เป็นหลักสูตรการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือต่อไป

'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

  • เมล็ดเล็ก ๆ แห่งความหวัง

สมัชชา พรหมศิริ Chief of Staff บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริ ต้องการเป็นองค์กรที่ริเริ่มหรือเป็นต้นแบบในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคม

"กาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างโอกาสให้กับกลุ่มคนเปราะบาง โดยเฉพาะเกษตรกร กาแฟเป็น Soft Power อย่างหนึ่งของเชียงใหม่ 

หนึ่งในแกนหลักการทำงานด้าน ESG ของแสนสิริมากว่า 40 ปี คือการดูแล 4 เสาหลัก ได้แก่ ลูกค้า, พนักงาน, คู่ค้า และสังคม

ตอกย้ำแนวคิดมุ่งสร้างทุกวันให้ยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อสังคมที่ดี ชุมชนแข็งแรง ซึ่งแต่ละโปรเจกต์ที่ทำ จะทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

การปลูกกาแฟพันธุ์ดีสามารถปลูกวนในระบบเกษตร ช่วยรักษาป่า ลดการเผาป่า การทำไร่เลื่อนลอย เป็นแหล่งรายได้ที่ยั่งยืนให้เกษตรกร เราได้สนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง

'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

ในปี 2557 แสนสิริ สนับสนุนกาแฟจากเกษตรกรดอยผาฮี้ จังหวัดเชียงราย มาผลิตเป็น แสนสิริ ซิกเนเจอร์ เบลนด์ คอฟฟี่ เพื่อเสิร์ฟใน Sansiri Lounge สำนักงานขาย และเครือโรงแรม

สนับสนุน กาแฟเทพเสด็จ ส่งประสบการณ์กาแฟท้องถิ่นให้แก่นักท่องเที่ยว ในงาน Chiangmai Coffee Week 2567

ริเริ่มโครงการ Future Harvest สนับสนุนต้นกล้ากาแฟพันธุ์ดีจำนวน 5,200 ต้น ให้กับเกษตรกร 15 ราย ในอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ (ดำเนินการ 2 ปี 2567-2568) 

สร้าง Social Enterprise เพื่อสร้างผลลัพธ์ทางสังคมอย่างเป็นรูปธรรม จัดตั้งหน่วยงาน วิสาหกิจเพื่อสังคมแบบไม่แสวงหากำไร ขับเคลื่อนกิจกรรม, โปรเจกต์เพื่อสังคม ให้มีความต่อเนื่อง 

เป็นที่มาของการจัดตั้ง ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร ใช้พืชเศรษฐกิจอย่างกาแฟ มาเชื่อมโยงเกษตรกรและทุกภาคส่วนที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ ยกระดับเศรษฐกิจฐานรากร่วมกัน

เพื่อสร้างความยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้กับชุมชนและสังคม ในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ให้เติบโตได้ด้วยตนเอง เป็นต้นแบบการทำงานของพืชเศรษฐกิจไทย

'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

จากข้อมูลพบว่าการปลูกกาแฟช่วยอนุรักษ์ป่าในภาคเหนือมากว่า 3 ทศวรรษ แก้ปัญหาการย้ายถิ่นฐาน สร้างอาชีพและรายได้มั่นคงในชุมชน ลดการทำลายป่า

ยกระดับคุณภาพชีวิต จากการเพิ่มมูลค่ากาแฟ 3-5 เท่าตัว (จาก 70 บาท เป็น 210-350 บาท/กก.) สร้างต้นแบบพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูง

แสนสิริ วางแผนธุรกิจเพื่อสังคมที่จะตอบโจทย์เรื่องนี้ร่วมกับ ไร่แสนชัย และ บีนส์ คอฟฟี่ โรสเตอร์ และที่ปรึกษาของสมาคมกาแฟพิเศษ

เปิดตัว ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร พร้อมไร่กาแฟต้นแบบบนพื้นที่กว่า 16 ไร่ ขึ้นที่อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่

หน่วยงานนี้จะทำหน้าที่รวบรวมทุกองค์ความรู้ตั้งแต่ ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ ไว้ในที่เดียว ทำงานร่วมกับเกษตรกรอย่างใกล้ชิด ถ่ายทอดความรู้ ทดลอง พัฒนา และเพาะสายพันธุ์กาแฟพิเศษ

ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ มีความรู้เกี่ยวกับการปลูกกาแฟ การเก็บเกี่ยว กระบวนการแปรรูป ผลผลิตเพิ่มขึ้น นำมาพัฒนาการปลูกกาแฟของตัวเอง เกิดการรวมกลุ่มกัน ให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ

'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

อีกทั้งยังมีเป้าหมาย สร้าง แรงดึงดูดกลับบ้าน เมื่อกาแฟพิเศษมีราคาดี มีตลาดที่มั่นคง ชุมชนมีรายได้ที่ยั่งยืนสูงขึ้นจะกลายเป็น แม่เหล็ก ดึงดูดให้คนหนุ่มสาวที่จากบ้านไปเป็นแรงงานในพื้นที่ต่าง ๆ คืนถิ่น กลับมาสานต่ออาชีพเกษตรกรรมด้วยความภาคภูมิใจ

ตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปี  (2569–2572) จะบรรลุเป้าหมายเป็น ศูนย์ต้นแบบ หรือ Sustainable Model ที่มีระบบถ่ายทอดองค์ความรู้ ตั้งแต่การปลูก, การแปรรูป (ผ่านนวัตกรรมอย่าง Biochar และการตรวจสายพันธุ์), การสร้างผลิตภัณฑ์ร่วมกับชุมชน, การวางระบบตลาดกลางที่ยุติธรรม การบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่

และขยายผลผลักดันองค์ความรู้ด้านกาแฟให้เป็นหลักสูตรในระดับมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือ 

เป็นแหล่งรวบรวมสายพันธุ์กาแฟเพื่อศึกษา ทดลอง และกระจายพันธุ์ เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมกาแฟไทยกับนานาชาติ ยกระดับกาแฟพิเศษไทยสู่มาตรฐานระดับสากล"

'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

  • ต้นน้ำ : ความรู้และการปลูกที่มีคุณภาพ

แสนชัย จูเปาะ เจ้าของไร่ Saen Chai Estate เกษตรกรต้นแบบ อ.กัลยาณิวัฒนา กล่าวว่า กาแฟไทยไม่ได้แค่ดีขึ้นในเชิงเทคนิค แต่ดีขึ้นในมิติของวัฒนธรรม ความเข้าใจ และความเกื้อกูล เราเห็นชุมชนที่แข็งแรงเติบโตไปด้วยกัน

"กาแฟเป็นพืชที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยปกป้องคุณภาพดิน แหล่งน้ำ และระบบนิเวศโดยรอบ

การปลูกกาแฟคุณภาพสูงด้วย Eco Farming ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยใช้ระบบปลูกใต้ร่มไม้ในป่า ซึ่งกาแฟอาราบิก้าต้องการเงาของต้นไม้บนที่สูง ช่วยป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า

ในฐานะตัวแทนเกษตรกรต้นน้ำ ประสบความสำเร็จจากการปลูกกาแฟคู่กับป่า สร้างรายได้สูงภายใต้แนวคิดไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

ผลผลิตของการปลูกกาแฟใต้ต้นไม้อาจจะน้อยกว่าการปลูกกลางแจ้ง แต่ข้อดีคือผลผลิตจะสม่ำเสมอและไม่ค่อยมีโรค

ในขณะที่การปลูกกลางแจ้งได้ผลผลิตเยอะแต่มีโรคมาก เราจึงต้องเน้นที่การเพิ่มมูลค่าแทนการเพิ่มปริมาณ

'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

Cr. Kanok Shokjaratkul

เราต้องปลูกกาแฟสายพันธุ์ที่ได้ราคาดีที่สุดและตลาดต้องการ โดยการแยกสายพันธุ์กาแฟ เช่น Geisha, Jaba ซึ่งแต่ละสายพันธุ์จะมีมูลค่าที่แตกต่างกัน

โมเดลนี้จะทำให้ป่าอยู่ได้ กาแฟอยู่ได้ และคนอยู่ได้ ที่สำคัญที่สุดคือ กาแฟพิเศษ จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าหรือมากกว่าเมื่อเทียบกับกาแฟทั่วไป

ศูนย์การเรียนรู้ที่เรากำลังจะทำ จะเป็นทั้งการปลูกแบบกลางแจ้งครึ่งหนึ่งและในร่มครึ่งหนึ่ง เพื่อให้คนมาเรียนรู้ได้ทั้งสองแบบ

การก่อตั้งศูนย์ฯ แห่งนี้ เป็นการลงทุนในคุณค่าทางสังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะนี่คือการสร้างโมเดลที่สามารถเยียวยาสังคม และฟื้นคืนผืนป่า ได้อย่างยั่งยืน"

'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

Cr. Kanok Shokjaratkul

  • กลางน้ำ : การเพิ่มคุณค่าและควบคุมคุณภาพ

บริรักษ์ อภิขันติกุล ที่ปรึกษาโครงการศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมกาแฟพิเศษไทย กล่าวว่า ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้จะเข้ามาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปคือองค์ความรู้ ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายในการปลูกกาแฟบ้านเรา

"เราจะรวบรวมความรู้และเผยแพร่อย่างเข้าถึงได้ง่าย ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ความรู้เหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่ Farm Management (การจัดการสวนกาแฟ), แนวทางการ Process กาแฟ, ไปจนถึงการตวรจสอบสายพันธุ์

เราอยากให้เกษตรกรไทยเข้าใจวิธีการผลิต และการต่อยอดไปสู่ กาแฟพิเศษ 

โดยเริ่มตั้งแต่ กระบวนการคัดเลือกเมล็ด การตากกาแฟ และการจัดการของเสีย เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้กาแฟธรรมดากลายเป็น Specialty ที่มีคะแนน 85+ และราคาสูงขึ้น 3-5 เท่า

ซึ่งเกษตรกรไทยส่วนใหญ่ยังขาดความรู้และเครื่องมือในการควบคุมคุณภาพ 

'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

เรามั่นใจว่าศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจรนี้ จะเป็นการเซ็ตมาตรฐานการทำงานของเราให้เข้มข้นขึ้น เพื่อให้เกษรตกรและชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น สร้างความแข็งแกร่งกับอาชีพ 

นอกจากนี้ยังเป็นช่องทางสนับสนุนการขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของเกษตรกร เช่น เมล็ดกาแฟ, น้ำผึ้ง หรือหัตถกรรม ทำให้เกิดระบบที่ครบวงจรตั้งแต่ความรู้จนถึงการขาย

เป้าหมายคือการสร้างความยั่งยืนทั้งเชิงธรรมชาติและคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งรวมความรู้ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน"

'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

Cr. Kanok Shokjaratkul

  • ปลายน้ำ: การสร้างมูลค่าเพิ่ม

อัครินทร์  ศิวพรพิทักษ์ หนี่งในผู้ก่อตั้งบีนส์ คอฟฟี่ โรสเตอร์ กล่าวว่า ที่บ้านมีไร่กาแฟ และทำโรงคั่วเอง จนกระทั่งมาร่วมกับเพื่อน ๆ ทำร้านบีนส์

"กาแฟที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของรสชาติ แต่ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย

ตลาดโลกยอมรับคุณภาพกาแฟไทย แต่เราต้องช่วยกันสร้างระบบให้เกษตรกรเข้าถึงมาตรฐานนั้นได้

ในฐานะผู้คั่วกาแฟ เราหวังว่าศูนย์แห่งนี้จะสามารถยกคุณภาพกาแฟไทยให้ไปสู่ระดับโลกได้ คือการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของเกษตรกร รวมทั้งการแปรรูป (Process) ให้มีคุณภาพสูง

เราต้องการให้ผู้ซื้อจากต่างชาติมาสนใจเรามากขึ้นในราคาที่เป็นธรรมและสูงกว่าทั่วไป

ศูนย์แห่งนี้ยังเป็นโอกาสในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Farm Stay) เพื่อให้คนเข้ามาเรียนรู้กระบวนการผลิตกาแฟพิเศษอย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะสร้างรายได้เสริมให้ชาวไร่ และผู้เยี่ยมชมก็สามารถเรียนรู้กระบวนการผลิตกาแฟได้ตั้งแต่ต้นจนจบในที่เดียว"

'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

Cr. Kanok Shokjaratkul

สมาคมกาแฟพิเศษไทย ระบุว่าตลาดกาแฟพิเศษไทยมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี (รวมตลอด ecosystem จนถึงธุรกิจร้านกาแฟ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง) และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

ส่วนใหญ่ส่งออกไปยังประเทศในยุโรป สหรัฐอเมริกา และเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งมีความต้องการกาแฟคุณภาพสูงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

กาแฟไทย เป็นที่ต้องการของตลาดโลก ด้วยคุณภาพ เรื่องราว และคุณค่าที่อยู่เบื้องหลัง

การส่งเสริมกาแฟไทยจึงไม่ใช่แค่การสร้างรายได้ให้เกษตรกร แต่เป็นการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน .

'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน .

'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน .

'ศูนย์การเรียนรู้กาแฟพิเศษครบวงจร' โปรเจกต์ธุรกิจเพื่อสังคมที่ยั่งยืน