จากเลนส์สู่กลางใจ ภาพทรงจำ ‘แม่แห่งแผ่นดิน’ ของ ‘นภันต์ เสวิกุล’

จากเลนส์สู่กลางใจ ภาพทรงจำ ‘แม่แห่งแผ่นดิน’ ของ ‘นภันต์ เสวิกุล’

เมื่อภาพมีชีวิต...และความทรงจำมีลมหายใจ 7 ปีแห่งการถวายงานของ “นภันต์ เสวิกุล” ใต้ร่มพระเมตตา “พระพันปีหลวง” แม่ของแผ่นดินไทย

KEY

POINTS

  • นภันต์ เสวิกุล อดีตช่างภาพตามเสด็จฯ ถ่ายทอดความทรงจำ และเรื่องราวเบื้องหลังพระบรมฉายาลักษณ์ตลอด 7 ปีที่ได้ถวายงานสมเด็จพระพันปีหลวง
  • เผย 3 พระบรมฉายาลักษณ์ที่ประทับใจที่สุด ได้แก่ ภาพทรงช่วยเหลือหญิงชรา, ภาพทรงรับแตงโมจากชาวบ้าน และภาพทรงอุ้มลูกค่าง ซึ่งสะท้อนถึงพระมหากรุณาธิคุณ และพระเมตตา
  • บอกเล่าถึงพระราชจริยวัตรอันงดงามที่ได้สัมผัส เช่น การทรงวางพระองค์อย่างเสมอภาคกับราษฎร และหัวใจของนักอนุรักษ์ ซึ่งทำให้ซาบซึ้งในความเป็น ‘แม่แห่งแผ่นดิน’ อย่างแท้จริง

หนึ่งชัตเตอร์อาจหยุดเวลาไว้ชั่วนิรันดร์ แต่สำหรับพระบรมฉายาลักษณ์แห่งองค์พระประมุขแล้วนั้น ทุกภาพหาได้เป็นเพียงบันทึกทางประวัติศาสตร์ไม่ หากแต่คือ ประจักษ์พยานแห่งพระราชกรณียกิจ คือ ภาพสะท้อนของพระราชจริยวัตรอันงดงาม และคือ บทบันทึกแห่งสายใยความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับพสกนิกรชาวไทยที่มิอาจประเมินค่าได้

เบื้องหลังภาพประวัติศาสตร์เหล่านั้น คือ ดวงตา และหัวใจของเหล่า ช่างภาพตามเสด็จ ผู้ถวายงานอยู่เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิด หนึ่งในบุคคลผู้มีโอกาสได้บันทึกช่วงเวลาอันล้ำค่านั้นคือ นภันต์ เสวิกุล อดีตช่างภาพผู้ตามเสด็จ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นานถึง 7 ปีเต็ม วันนี้ กรุงเทพธุรกิจจะพาย้อนกลับไปในความทรงจำของเขา เพื่อสัมผัสเรื่องราวที่ไม่เคยเลือนหาย และเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความหมายของคำว่า “แม่แห่งแผ่นดิน” ผ่านสายตาของผู้ที่เคยเฝ้ามองพระองค์อย่างสุดหัวใจ

 

 

 

 

จากรถคันที่ 40 สู่เบื้องพระยุคลบาท

จุดเริ่มต้นบนเส้นทางสายประวัติศาสตร์ของ นภันต์ เสวิกุล มิได้เริ่มขึ้นจากตำแหน่งช่างภาพส่วนพระองค์ในทันที หากแต่เป็นภารกิจในฐานะคนทำงานของสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดทำสื่อมัลติวิชัน เรื่องราวพระปฐมกษัตริย์แห่งบรมราชจักรีวงศ์ และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร การตามเสด็จฯ ในยุคแรกนั้น เขาเปรียบเปรยอย่างเห็นภาพว่า “ตามเสด็จนี่เหนื่อยมากเลยนะ เพราะเราต้องอยู่นอกขบวน ประมาณรถคันที่ 40 น่ะ”

ทว่าผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งฉายด้วยเครื่องฉายถึง 12 เครื่องบน 6 จอ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า และสะพานพุทธฯ ได้สร้างความโจษจันไปทั่วเมือง จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่เขากำลังเล่นกอล์ฟอยู่ที่สนามบางพระ ก็มีรถจากวังมาเชิญตัว ด้วยมีพระราชเสาวนีย์โปรดให้เข้าเฝ้าฯ เพื่อนำผลงานไปฉายถวายให้ทอดพระเนตร ณ วังไกลกังวล “เราตกใจ ตกใจมาก ก็กลับมาเตรียมตัว” นภันต์ เล่าถึงความรู้สึกในวันนั้น

จากเลนส์สู่กลางใจ ภาพทรงจำ ‘แม่แห่งแผ่นดิน’ ของ ‘นภันต์ เสวิกุล’

หลังจากการฉายถวาย สมเด็จพระพันปีหลวงทรงมีพระราชปฏิสันถาร และทรงมีรับสั่งถามถึงเทคนิคต่างๆ ก่อนจะตรัสถามในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด

“ท่านก็ถามว่าท่านกำลังทำละครเรื่องหนึ่ง อยากทำให้เห็นสมเด็จพระศรีสุริโยไทขาดคอช้าง ทำได้ไหม ก็ตอบว่าได้ไว้ก่อน โดยที่ยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร”

ด้วยความสามารถ และความมุ่งมั่น ผลงานสำเร็จลุล่วงด้วยดี และนั่นคือ จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้เขาได้รับโอกาสตามเสด็จฯ ไปในทุกที่ จากรถคันที่ 40 ในขบวน เขาก็ได้เลื่อนมาอยู่ “รถคันที่ 3” การได้เข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิด ทำให้เขาได้เริ่มสังเกต และซึมซับเรื่องราวต่างๆ ตลอดระยะเวลา 7 ปีแห่งการถวายงาน

สามพระบรมฉายาลักษณ์บันลือโลก

เมื่อถูกถามถึงพระบรมฉายาลักษณ์ที่ประทับใจที่สุด นภันต์ยอมรับว่าเป็นการเลือกที่ยากยิ่ง “สามภาพ...ยาก ผมฉายพระรูปท่านเยอะมาก เยอะที่สุดในชีวิต” แต่ที่สุดแล้ว เขาก็ได้เลือกสามภาพที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ และหัวใจของเขาเสมอมา

ภาพแรก คือ ภาพที่ทรงหยุดขบวนรถพระที่นั่งกลางคัน เพื่อเสด็จฯ ลงไปรับหญิงชราที่เจ็บป่วย

“รูปนี้เพราะเราอยู่ในเหตุการณ์ที่ท่านให้คนหยุดรถ แล้วบังเอิญวันนั้นผมอยู่ในรถพระที่นั่ง ผมนั่งอยู่แถวหลังของรถพระที่นั่ง ผมจึงลงมาถ่าย”

ภาพนั้นได้บันทึกชั่วขณะแห่งพระมหากรุณาธิคุณที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยปราศจากการปรุงแต่งใดๆ

ภาพที่สอง คือ ภาพที่ทรงแย้มพระสรวลอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ขณะทรงรับแตงโมจากชาวบ้านที่นำมาทอดเกล้าฯ ถวาย เบื้องหลังรอยแย้มพระสรวลนั้นคือ พระปรีชาสามารถอันลึกซึ้ง

“ท่านก็ถาม ท่านสักคนที่เอามา แตงโมนี้ปลูกได้เยอะไหมจ๊ะ...จริงๆ แล้วท่านก็รู้แล้วว่าเขามีกินไหม ท่านก็จะมีสูตรคำนวณ”

เขาบอกว่าไม่ใช่แค่การทักทาย แต่คือ การเก็บข้อมูลเพื่อประเมินคุณภาพชีวิตของราษฎรอย่างแยบคาย

และภาพที่สาม คือ ภาพที่ทรงอุ้มลูกค่างตัวน้อยขนสีทองไว้ในอ้อมพระกรด้วยความรัก และเอ็นดู

“เรามองเห็นเลยว่าท่านเอ็นดู” นภันต์ กล่าว พระเมตตาที่แผ่ไพศาลไปถึงสรรพสัตว์นี้เองที่ทำให้ภาพดังกล่าวได้รับการยอมรับในระดับสากล จนองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ได้ขอพระราชทานนำไปเป็นภาพปกหนังสือ

จากเลนส์สู่กลางใจ ภาพทรงจำ ‘แม่แห่งแผ่นดิน’ ของ ‘นภันต์ เสวิกุล’

มากกว่าภาพที่ทรงจำ พระราชจริยวัตร ‘แม่แห่งแผ่นดิน’

นอกเหนือจากภาพที่มองเห็นด้วยตา สิ่งที่นภันต์ได้สัมผัส และบันทึกไว้ในหัวใจคือ พระราชจริยวัตรอันงดงามในทุกมิติ เขายังจดจำเหตุการณ์ที่ชาวบ้านนำนกเงือกมาถวาย โดยหวังให้ทรงนำขนไปทำพระมาลา แต่พระองค์กลับมีรับสั่งว่า “ฉันอยากเห็นเขาเป็นๆ และไม่อยู่ในกรงมากกว่า” ซึ่งนภันต์ในฐานะนักอนุรักษ์คนหนึ่งกล่าวว่า “ประโยคเดียวจบ” มันคือ บทสรุปที่ยิ่งใหญ่ถึงหัวใจแห่งการอนุรักษ์ที่อยู่ในพระองค์

การวางพระองค์กับราษฎรคือ อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความประทับใจอย่างมิรู้ลืม “คุณจะไม่เชื่อเลยว่ามีจังหวะของการยกย่องในวัยวุฒิเมื่อท่านพูดกับคนแก่ โดยที่ท่านไม่ได้ถือพระองค์ว่าท่านเป็นราชินี” และที่สำคัญที่สุดคือ “ท่านไม่เคยยืนเหนือราษฎร ท่านไม่ก้มพูดกับราษฎร แค่นี้ก็ประทับใจจะแย่แล้ว” ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงยึดถือเสมอมา

อีกหนึ่งภาพจำที่ประทับอยู่ในใจพสกนิกรคือ พระสิริโฉมอันงดงามในฉลองพระองค์ผ้าไทย แม้จะเสด็จฯ ไปในถิ่นทุรกันดารเพียงใดก็ตาม นภันต์ได้ให้มุมมองเบื้องหลังความงามนั้นซึ่งเปี่ยมด้วยปรัชญาอันลึกซึ้งว่า

“ท่านก็ใส่เสื้อซ้ำนะ...เราจำได้ว่าไปที่ไหนแล้วฉลองพระองค์ชุดไหน การที่จำแบบนี้ทำให้เรารู้ว่าท่านก็ใส่เสื้อซ้ำ แต่ท่านจะแต่งตัวสวย ก็คนสวย ก็ต้องแต่งตัวสวย และท่านก็ไม่ได้ไปซื้อคอลเลกชันฝรั่งมา ท่านใช้ผ้าไทยตลอด ผ้าท่านเองด้วยซ้ำ...ท่านรับสั่งเสมอเลยว่า ท่านเป็นพระราชินี คนเดินทางไกล บางคนข้ามเขามา บางคนมาค้าง เขาก็อยากเห็นฉันสวย ฉันก็ต้องสวยให้เขาเห็น ผู้หญิงก็ต้องอยากสวย แล้วยิ่งท่านเป็นพระราชินีก็ต้องการให้ประชาชนประทับใจ นี่คือ งานของท่าน และท่านก็ไม่ได้ใส่ฉลองพระองค์ที่พิสดาร ก็เป็นเสื้อผ้าไหมธรรมดา ยิ่งหลังๆ ช่วงท้ายๆ ที่ผมทำงาน จะต่างจากช่วงปีแรกๆ ที่รองเท้าฉลองพระบาทส้นสูง ก็เป็นฉลองพระบาทลำลอง เป็นรองเท้าวอร์มธรรมดาที่มีขายในท้องตลาด อาจจะมียี่ห้อบ้าง ไม่ใช่นันยางแบบพระเจ้าอยู่หัว”

ความผูกพัน และความจงรักภักดีที่เกิดขึ้นนั้นลึกซึ้งเกินกว่าคำบรรยาย นภันต์กล่าวทิ้งท้าย ด้วยความรู้สึกจากใจจริงว่า “ผมตอบไม่ถูก แต่ผมไม่แปลกใจถ้าทหารเสือราชินีทั้งหลายทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อถวายพระองค์ท่านได้ ผมก็ทำงานถวายชีวิตได้ ท่านรับสั่งอะไรมา ยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหน ผมทำหมด” เพราะทั้งหมดที่ได้สัมผัสมาตลอด 7 ปีนั้น สรุปเป็นคำพูดสั้นๆ แต่สื่อความหมายอันยิ่งใหญ่ได้ว่า “ท่านเป็นแม่ของแผ่นดินโดยแท้”

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์