นักเขียนดัง แนะวิธีสร้างคอนเทนต์ในงาน 'Book Symposium'

นักเขียนดัง แนะวิธีสร้างคอนเทนต์ในงาน 'Book Symposium'

ซีเอ็ด x PUBAT x กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเวที 'Book Symposium' เชิญนักเขียนคนดังมาแลกเปลี่ยนความคิด ถ่ายทอดแรงบันดาลใจ ในงาน 'มหกรรมหนังสือระดับชาติ' ครั้งที่ 30

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม, สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) และ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนา Book Symposium

ภายใต้แนวคิด Read to Learn, Read to Live : อ่านเพื่อเรียน อ่านเพื่อรู้ อ่านเพื่อชีวิต เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ณ ห้องประชุม MR 202 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

เพื่อเปิดเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนความคิด ถ่ายทอดแรงบันดาลใจ และสะท้อนคุณค่าของหนังสือในยุคดิจิทัล ภายในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30 แบบเต็มวัน

ช่วงเช้า เปิดเวทีด้วยหัวข้อ (R)Lead, Learn, Light : อ่านให้เป็น เรียนให้รู้ ส่องอนาคตไทย โดย ดร.อาทิตยา ปัญญา, ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์, ดร.สุพจน์ ศรีนุตพงษ์, ดร.มีโชค ทองไสว

นักเขียนดัง แนะวิธีสร้างคอนเทนต์ในงาน 'Book Symposium'

เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและการเรียนรู้เชิงปฏิบัติแก่ครู, ผู้บริหารการศึกษา, บุคลากรทางการศึกษา และผู้เข้าร่วมงานสัมมนา ได้แลกเปลี่ยนมุมมองและแนวคิดจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ

แนวคิดที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของการอ่าน การพัฒนาทักษะผู้นำ การบ่มเพาะศักยภาพเยาวชนไทย

ทำให้เกิดการต่อยอดความรู้ ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านเทคโนโลยี และมีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ก่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้

นักเขียนดัง แนะวิธีสร้างคอนเทนต์ในงาน 'Book Symposium'

ช่วงบ่าย เปิดเวทีหัวข้อ Fireside Talk และ Panel Talk โดย รวิศ หาญอุตสาหะ CEO บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Mission to the Moon สื่อธุรกิจออนไลน์ เป็นนักเขียนที่มีผลงานหนังสือด้านการตลาดถึง 7 เล่ม

"จุดเริ่มต้นของการเป็นนักเขียนของผม มันบังเอิญมาก เมื่อก่อนตอนที่บริษัทเล็กมากและหาคนทำงานยาก ผมเลยคิดว่าจะทำอย่างไรดี สมัยนั้นเป็นยุคเขียนบล็อก ผมเลยคิดว่าถ้าเราเขียนเรื่องที่เราชอบ และทิ้งอีเมลไว้ท้ายบทความ เผื่อมีคนที่ชอบแนวคิดนี้สนใจอยากร่วมงานก็จะส่งอีเมลมา ผมก็เขียนไปเรื่อย ๆ เพราะสนุกดี และได้แชร์บทความลงใน Facebook ด้วย

วันหนึ่งมีคนจากสำนักพิมพ์โทรมาถามว่าสนใจอยากออกหนังสือไหม จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้ทำหนังสือ เล่มแรก จริง ๆ แล้วผมมีความฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็น นักเขียน

การเขียนหรือการกลั่นกรองความคิดออกมาเป็นบทความหรือหนังสือ ถ้ามีเดดไลน์ก็จะดีมาก ไม่งั้นมันไม่จบ สำหรับผม เรื่องราวส่วนใหญ่มักจะมาในจังหวะที่เราไม่ได้อยู่หน้าคอมพิวเตอร์

อาจจะเดินอยู่ อาบน้ำอยู่ มันจะมีเรื่องผุดขึ้นมา ถ้ามีไอเดียปิ๊งแวบขึ้นมา ผมต้องจดไว้ทันที ไม่อย่างนั้นลืมหมดเลย บางทีถึงขั้นต้องอีเมลหาตัวเอง

พอได้หัวเรื่องหรือ Big Idea แล้ว ผมจะเริ่มทำเป็น bullet point ว่าอยากจะพูดเรื่องอะไรบ้าง จากนั้นจึงค่อยกลายเป็นตัวอักษรที่สวย ๆ ทีหลัง

งานเขียนของผม สิ่งที่สำคัญมากคือ ต้องมีตัวอย่าง หรือเรื่องเล่าประกอบ เพื่ออธิบายประเด็นที่เราต้องการนำเสนอ เช่น เรื่องการสร้างนวัตกรรมจากมือสมัครเล่น ไม่ใช่นักวิจัยระดับโลกอย่างเดียว

ส่วนเวลาที่คิดไม่ออกหรือเกิดอาการ ตัน บางทีเป็นเดือน ๆ ผมรู้สึกว่าต้อง ไม่พยายาม ยิ่งพยายามยิ่งคิดไม่ค่อยออก ควรไปทำอย่างอื่น หรือไปพักผ่อนให้เพียงพอ เดี๋ยวของใหม่ ๆ มันจะเข้ามาในหัวเอง

ทุกวันนี้ AI มีบทบาทมาก ในฐานะนักเขียน ผมยอมรับว่า AI ช่วยเรื่องการหาข้อมูลได้เยอะมาก มันทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยวิจัยที่ดี เช่น ช่วยหาตัวอย่างที่สอดคล้องกับเรื่องที่เราเขียน

แต่สำหรับการทำงานเขียน ผมพยายามไม่ใช้ เพราะพออ่านต้นฉบับที่ AI ช่วยเขียนแล้ว มันไม่ใช่ภาษาเราเลย มันไม่เหมาะกับงานเขียน เพราะงานเขียนมีความเป็น Original และเป็นศิลปะที่ควรผ่านการกลั่นกรองของเรา

นอกจากงานเขียนแล้ว ผมยังทำ Podcast ด้วย จุดเริ่มต้นมาจาก 7 ปีที่แล้ว ผมรู้สึกว่าตัวเองต้องอัปเดตความรู้ให้ต่อเนื่อง แล้วพบว่าการเล่าเรื่องผ่านเสียงมันง่ายดี

เวลาที่เราเล่าเรื่องที่เราอ่านมา หรือไปคุยกับใครมา เราจะเข้าใจเรื่องนั้นมากขึ้น ตอนแรก ๆ ก็ไม่มีคนฟัง แต่พอหยุดทำไป 2-3 วัน ก็มีคนส่งข้อความมาถามว่าทำไมไม่ลง

นั่นเป็นสัญญาณว่ามีคนฟังอยู่ ก็เลยทำมาเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่ามันเป็นกึ่ง ๆ หน้าที่ที่ต้องทำทุกวัน เพราะมีคนรอฟัง

คำแนะนำที่อยากฝากคือ งานสร้างสรรค์ต้องการเวลาและความอดทนอย่างมาก คนส่วนใหญ่รอไม่ไหวที่จะเห็นผลลัพธ์ คุณไม่จำเป็นต้องสนใจว่าคนจะดูงานของคุณเยอะแค่ไหน

เพราะ 100 คลิปแรก หรือ 100 งานแรก มักจะเป็นแค่จุดสตาร์ทเท่านั้น ต้องอดทนทำไปเรื่อย ๆ เหมือนวิ่งมาราธอน และต้องหมั่นเก็บต้นทุนความรู้จากการอ่าน ผมเชื่อว่าการอ่านที่หลากหลายจะช่วยยกระดับสมองของเราได้"

นักเขียนดัง แนะวิธีสร้างคอนเทนต์ในงาน 'Book Symposium'

นิ้วกลม (สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์) ศิลปินศิลปาธร ปี 68 นักเขียนและพิธีกรชื่อดัง ผู้มีผลงานหนังสือออกมามากมาย

"จุดเริ่มต้นของการเป็นนักเขียนของผมน่าจะบ่มเพาะมาจากการอ่าน พอเราอ่านหนังสือเยอะ ๆ ก็รู้สึกคันไม้คันมือ หนังสือมันมหัศจรรย์มาก มันกระตุ้นจิตใจเราได้ การเขียนก็เหมือนกับการหายใจเข้าออก พอเราสูบตัวหนังสือเข้าไปเยอะ ก็อยากจะปล่อยออกมาบ้าง

สิ่งที่ทำให้ผมเขียนมาได้อย่างยาวนานเพราะมันกลายเป็นชีวิตไปแล้ว ทุกวันนี้ถ้าให้ผมไม่เขียนหนังสือจะยากกว่าให้ผมเขียนทุกวัน

การเขียนมันเหมือนกับการที่เราคุยกับตัวเองไปเรื่อย ๆ เพียงแค่ใช้ตัวอักษรเป็นอุปกรณ์ในการเล่นสนุก ผมคิดว่าคนเรามีความคันอยากจะทำอะไรบางอย่าง แต่เราไม่กล้า เกา (ทำ) มัน ถ้าเรา เกา โดยไม่กลัว เราจะเริ่มเกาสวยขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสุดท้ายการเกาเล่น ๆ ก็อาจกลายเป็นการ เกลา จนสวยงามได้

เวลาเขียนจะเขียนตามใจตัวเองหรือคิดถึงคนอ่าน ? สำหรับผม ต้องจับใจตัวเองให้ได้ก่อน คือเราอยากเขียนแบบนี้ก็เขียน ผมอยากทดลองกับมันก็ทำ

ผมคิดว่าความจริงแท้ของคน ๆ นั้น จะทำให้งานชิ้นนั้นมีชีวิต ซึ่งสำคัญกว่าความสมบูรณ์แบบ เราไม่ได้ต้องการความงามหมดจด เราต้องการสิ่งที่ปรากฏขึ้นจากชีวิตของคน ๆ หนึ่ง ผมเชื่อว่างานที่ออกมาจากใจเราจะไปโดนใครบางคนที่รักงานนั้นมาก เพราะใจเขากับใจเรามาแตะกันพอดี

ในทุกวันนี้ AI มีบทบาทมาก เราต้องไม่นิยามตัวเองแค่เป็นนักเขียน ถ้าเรายังรักการสื่อสารและรักการสร้างสรรค์ เราก็ต้องพร้อมปรับตัวไปเป็นอย่างอื่นด้วย เช่น เป็น podcaster หรือ TikToker

ผมคิดว่าใน 5-10 ปีข้างหน้า จำนวนการอ่านหนังสืออาจจะลดลง เพราะ AI สามารถสรุปหนังสือได้ดีมาก แต่ถ้าเราไม่จำกัดตัวเองว่าต้องสร้างรายได้ผ่าน Pocketbook เท่านั้น เราก็พร้อมที่จะปรับตัว

จุดเริ่มต้นที่ผมทำ Podcast เพราะผมมองว่าชีวิตเราต้องมี สนามซ้อม และ สนามจริง การทำ Podcast มันคล้ายกับการทบทวนความคิดตัวเอง เราได้วอร์มหัวสมองและวอร์มภาษา

การคิดไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือการพูด คือการเรียบเรียงความคิด หลายครั้งที่สนามซ้อมมันกลายไปเป็นสนามจริง การทำบ่อย ๆ ช่วยฝึกสกิลการพูดได้อย่างมหาศาล

คำแนะนำที่อยากฝากคือ การเขียนไม่ควรถูกมองว่าเป็นงาน แต่เป็น กิจกรรม ผมอยากชวนให้ทุกคนเขียน Morning Pages (การเขียนในตอนเช้า) เหมือนการขับถ่ายทางความคิด เพื่อบำบัดจิตใจ เขียนเพื่อระบายออกมาโดยไม่กังวลว่าใครจะได้อ่านหรือไม่ การเขียนคือเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ที่รับฟังเราได้ทุกเรื่อง และเราไม่สามารถปล่อยให้เพื่อนคนนี้หายไปจากชีวิตได้"

นักเขียนดัง แนะวิธีสร้างคอนเทนต์ในงาน 'Book Symposium'

ศาสตราจารย ดร.นภดล ร่มโพธิ์ อาจารย์สาขาวิชาบริหารการปฏิบัติการ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิศวกร นักเขียน เจ้าของเพจ Nopadol’s Story และรายการพอดแคสต์

"จุดเริ่มต้นของการเป็นนักเขียนของผม ต้องให้เครดิตคุณพ่อครับ ท่านเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ตอนเด็ก ๆ สมัยที่ยังไม่มีโซเชียลมีเดีย ผมเริ่มอ่านจากตู้หนังสือของคุณพ่อ เริ่มทำหนังสือพิมพ์เขียนมือ ขายให้คุณแม่เล่มละบาท คุณแม่ก็ยังเก็บไว้

การเขียนอยู่ในตัวเรามาตลอด จนกระทั่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ต้องเขียนตำรา แต่ผมมาอินจริง ๆ เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา ที่เริ่มเขียนแนวพัฒนาตนเอง

สิ่งที่ทำให้เขียนมาได้อย่างยาวนาน คือ Input เมื่อมี Input (การอ่านหรือประสบการณ์ดี ๆ) เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็จะมี Output อย่างต่อเนื่อง ผมรู้สึกว่ามันดีจังที่อยากให้คนอื่นรู้ อยากให้เขารู้สึกดีเหมือนที่เราเองรู้สึกดี

เวลาเขียนเราควรเขียนตามใจตัวเอง หรือคำนึงถึงสิ่งที่คนอ่าน? ผมไม่เคยเขียนมาจากโจทย์ว่าตอนนี้เทรนด์นี้กำลังมา เราต้องไปจับเทรนด์

ผมเขียนเพราะผมอยากพูดเรื่องนี้ ผมรู้สึกว่ามันดีกับชีวิตผม เราต้องถ่ายทอดเรื่องที่เป็นประโยชน์ให้คนอ่านฟัง ซึ่งจะทำให้คนอ่านรู้สึกเองว่าเราถ่ายทอดด้วยความจริงใจ

ทุกวันนี้ AI มีบทบาทมาก ผมชอบ AI นะ แต่มุมมองส่วนตัวคือผมไม่เคยใช้ AI เขียนให้เลย เพราะผมชอบ กระบวนการ ในการเขียน ทุกครั้งที่เราเขียน มันทำให้เราได้คิดเยอะมาก และมันไปตกผลึกเรื่องอื่นด้วยซ้ำ

ผมจึงอยากเชียร์ให้เขียนเถอะ แต่ใช้ AI เป็นเครื่องมือได้ เช่น ให้หาข้อมูลหรือตัวอย่างเจ๋ง ๆ อย่างไรก็ตาม เราต้องยอมรับว่าในอนาคต AI อาจจะสามารถเลียนแบบสไตล์การเขียนของเราจนแยกไม่ออกได้ ซึ่งจะทำให้ตลาดของนักเขียนอาจจะน้อยลง

จากนั้นผมก็เริ่มทำ Podcast เพราะติดตามคุณรวิศนี่ล่ะ ผมไม่ชอบ YouTube เพราะต้องออกหน้า Podcast ใช้แค่เสียงจึงง่ายกว่า การพูดมันง่ายกว่าเขียน เพราะมันไม่ต้องใช้ภาษาที่เป็นทางการมากนัก เหมือนคุยกับเพื่อน ผมทำมาจนถึงวันนี้ 2,654 ตอน ก็ยังมีคนฟัง และมันทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น

คำแนะนำที่อยากฝากคือ เขียนไปเถอะ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะห่วย เพราะมันจะห่วยอยู่แล้ว อย่ากลัวความล้มเหลว ถ้าเราชอบมันจริง ๆ สุดท้ายมันจะกลายเป็น นิสัย (Habit) ไม่ใช่แค่มี วินัย (Discipline) และขอให้ทำในสิ่งที่รัก"

นักเขียนดัง แนะวิธีสร้างคอนเทนต์ในงาน 'Book Symposium'

  • ช่วยกันส่งเสริมการอ่านและหนังสือ

รุ่งกาล ไพสิฐพานิชตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ซีเอ็ดมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

"ผ่านการส่งเสริมให้คนไทยเห็นคุณค่าของ การอ่าน ในทุกมิติ การจัดงาน Book Symposium ครั้งนี้เป็นอีกบทบาทสำคัญของซีเอ็ด ในการเปิดพื้นที่ให้ครู ผู้บริหารการศึกษา นักเขียน สำนักพิมพ์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ และประชาชนทั่วไป ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเห็นมุมมองจากผู้ทรงคุณวุฒิในหลายสาขา เพื่อต่อยอดความรู้สู่การพัฒนาคนและสังคมไทยอย่างยั่งยืน

ซีเอ็ดเชื่อมั่นเสมอว่า หนังสือ คือพลังสำคัญในการสร้างความรู้ แรงบันดาลใจ และสร้างสังคมไทยให้ก้าวไปข้างหน้า การจัดงานในครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันผลักดันให้ การอ่าน กลายเป็นวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึกในสังคมไทย"

ณัฐกร วุฒิชัยพรกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเสวนาและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเวทีนี้ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ

"เป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ และเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับทั้งบุคลากรทางการศึกษา บุคลากรในอุตสาหกรรมหนังสือ และประชาชนผู้รักการอ่าน เพื่อร่วมกันต่อยอดเป็นพลังขับเคลื่อนการศึกษาและวัฒนธรรมการอ่านของประเทศต่อไปในอนาคต"

นักเขียนดัง แนะวิธีสร้างคอนเทนต์ในงาน 'Book Symposium' .

นักเขียนดัง แนะวิธีสร้างคอนเทนต์ในงาน 'Book Symposium'