‘หนังสือทำมือ’ Zine และการออกร้าน Zine Fair ของคน Gen Z Gen Y

มารู้จักกับ ‘หนังสือทำมือ’ ในยุคดิจทัล หรือ Zine ของคน Gen Z ที่ใคร ๆ ก็เป็นศิลปินออกผลงานที่ตัวเองอยากนำเสนอได้ ไม่จำกัดทั้งเนื้อหาและรูปแบบ
KEY
POINTS
- ซีน (Zine) คือหนังสือทำมืออิสระที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มศิลปินได้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเนื้อหาและรูปแบบ
- งานซีนแฟร์ (Zine Fair) เช่น 'พับเพียบซีนแฟร์' ถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่ให้ศิลปิน Gen Z และ Gen Y ได้นำผลงานมาจัดแสดงและจำหน่าย และสร้างคอมมูนิตี้สำหรับคนรักหนังสืออิสระ
- ซีนในปัจจุบันมีความแตกต่างจากหนังสือทำมือในอดีต โดยเน้นความหลากหลายทางภาพ มีขนาดเล็ก ต้นทุนต่ำ และมักมาพร้อมสินค้าอื่น ๆ เช่น สติกเกอร์ หรือโปสการ์ด
หนังสือทำมือ หรือ Zine ในยุค 2025 มีเนื้อหา หน้าตา รูปแบบ การออกแบบ การผลิต แตกต่างจากเมื่อ 20 กว่าปีก่อน เต็มไปด้วยสีสันจนแสบตา
เราได้ไปร่วมงาน พับเพียบซีนแฟร์ (Pubpeab Zine Fair) ตลาดนัดของคนทำ Zine (หนังสือทำมือและงานศิลปะ) เมื่อวันที่ 6-7 กันยายน 2568 ณ GalileOasis
ภายในงาน จัดเป็นซอยเล็ก ๆ ประกอบไปด้วยโต๊ะวางจำหน่าย 14 บูธ เต็มไปด้วยหนังสือ รูปภาพ สติ๊กเกอร์ สมุด พวงกุญแจ สิ่งของน่ารัก กระจุกกระจิก มากมายหลากหลายแบบ แล้วแต่ศิลปินจะจินตนาการหรือสร้างสรรค์อะไรออกมา
ตั้ม-วุฒิพล อุจจธรรมรัตน์ Zine Artist และ Graphic Designer ผู้จัดงานนี้ ร่วมกับ GalileOasis เล่าถึงที่มาให้ฟังว่า งานนี้คือการรวมกลุ่มของคนทำ หนังสือทำมือ หรือ Zine
Cr. Kanok Shokjaratkul
"คำว่า Zine มาจาก Fanzine ไม่ใช่แมกกาซีนที่ผลิตโดยสำนักพิมพ์ แต่เป็นสิ่งที่บุคคลธรรมดาหรือใครก็สามารถผลิตได้ โดยไม่มีกฎเกณฑ์หรือกรอบจำกัดใด ๆ ทั้งสิ้น
มันมีความอิสระในการผลิตสูงมาก ศิลปินสามารถเล่าเรื่องอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด ภาพถ่าย หรืองานเขียน ในสไตล์ของตัวเองโดยไม่มีขีดจำกัด
Cr. Kanok Shokjaratkul
Zine เป็นสื่อสิ่งพิมพ์อิสระ ที่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มศิลปินเลือกใช้ เหตุผลคือ ต้นทุนการผลิตหนังสือเป็นเล่มค่อนข้างสูง การทำ Zine ที่เป็นชิ้นเล็ก ๆ และขายในราคาที่น่ารัก ทำให้พวกเขาสามารถหารายได้ได้ จึงเป็นที่มาของงาน พับเพียบซีนแฟร์"
- แรงจูงใจของการจัดงาน
ดูเหมือนว่า หนังสือทำมือ ที่เราเคยรู้จัก เมื่อ 20 ปีก่อน กับ Zine ในปัจจุบัน มีความแตกต่างกัน เพราะหนังสือทำมือ มีแต่รูปเล่มหนังสือ และตัวหนังสือ
"แรงจูงใจในการจัดงานนี้ ผมเห็นว่าเด็กและคนรุ่นใหม่จำนวนมากให้ความสนใจในการทำ Zine แต่ไม่มีพื้นที่ในการแสดงออกหรือพื้นที่การขาย เมื่อไม่มีพื้นที่ขาย พวกเขาก็คิดว่าผลิตมาแล้วจะไปขายที่ไหน ไม่มีคนเห็น แล้วจะผลิตไปทำไม
Cr. Kanok Shokjaratkul
ผมจึงอยากสร้างงานนี้ขึ้นมาเพื่อสร้างพื้นที่รองรับและสนับสนุนคอมมูนิตี้ (community) นี้ ให้เป็นตลาดนัดเล็ก ๆ ที่รวมกลุ่มคนทำ Zine คนรักกระดาษ คนรักการทำหนังสืออิสระ เข้าไว้ด้วยกัน ให้ศิลปินได้มารู้จักกัน และอาจได้ร่วมงานกันในอนาคต
การจัดงาน Zine ในปัจจุบันก็มีหลายงาน เช่น Zine & Zeek Market ที่จัดโดย GalileOasis หรือกลุ่ม Zine ที่เชียงใหม่ และกลุ่มอื่น ๆ ทั่วประเทศ รวมถึงร้าน Spacebar Zine ซึ่งเป็นร้านแรกและร้านเดียวในเมืองไทยที่มีหนังสือ Zine อยู่ค่อนข้างเยอะ
Cr. Kanok Shokjaratkul
เราแจ้งข่าวไปว่าจะมีการจัดงาน Zine Fair พวกเขาก็สมัครกันเข้ามา เราก็พิจารณาจาก
1. รูปเล่ม ลักษณะงาน ประเภทกระดาษ วิธีเย็บเล่ม รูปแบบการพับที่น่าสนใจ บางเล่มเป็นหนังสือแต่เปิดมามีป๊อปอัพพลิกขึ้นมา เราต้องการงานที่ไม่ใช่แค่หนังสือธรรมดา ต้องมีเลเยอร์ที่น่าสนใจ
2. เนื้องาน หากเป็นนักวาด เขาเล่าเรื่องแบบไหน ถ้าเป็นช่างภาพ ภาพแบบไหนที่เขาเลือกมาใช้ หรือถ้าเป็นนักเขียน เขาเลือกเขียนเรื่องอะไร
เราไม่ได้จำกัดรูปแบบ สไตล์ หรือขนาด จะเป็นกระดาษแผ่นเดียวพับเป็นเล่ม หรือจะเย็บเป็นเล่มก็ได้ Zine หมายถึง สิ่งที่เป็นอิสระ จะเป็นอะไรก็ได้ เป็นอัลบั้มรูปเล็ก ๆ ที่สอดรูปภาพก็ได้ ตราบใดที่ศิลปินทำเอง ผลิตเอง ขายเอง ก็ถือว่าเป็น Zine แล้ว
ในงานนี้ เรามี Zine ที่มีเนื้อหาหลากหลายมาก เช่น เรื่องอาหาร สัตว์เลี้ยง ธรรมชาติ เรื่องเพศ การเรียกร้องสิทธิของผู้หญิง (Feminist) มีโต๊ะหนึ่งเป็นธีมนี้ มาจากขอนแก่น
ลักษณะงานส่วนใหญ่จะเป็น งานวาด เนื่องจากเมืองไทยมีนักวาดเยอะ และงานคอนเทนต์ (Content) ก็เยอะ เรื่องที่เขานำเสนอ อาจเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว หรือเรื่องเพศ
นอกจากนี้ก็มีสินค้าอื่น ๆ ด้วย เช่น สติกเกอร์, พรินท์, โปสการ์ด, พวงกุญแจ, ของใช้, เครื่องเขียน ซึ่งเป็นเมิร์ช (merchandise) จากงาน
Cr. Kanok Shokjaratkul
งาน Zine จะมีความ กุ๊กกิ๊ก น่ารัก แต่งาน หนังสือทำมือ ในสมัยก่อน จะซีเรียสกว่า เป็นหนังสือเล่ม มีตัวหนังสือเยอะ
Zine ทำง่าย ขายง่าย เก็บง่าย หนังสือเล่มเล็ก ๆ เหล่านี้ไม่ต้องมีชั้นหนังสือ ผมเคยคุยกับคนฮ่องกง เขาเล่าว่าคนฮ่องกงอยู่แฟลตเล็ก ๆ ที่เก็บของมีน้อย หนังสือเล่มใหญ่ไม่มีที่เก็บ ทำให้พวกเขาหันมาทำสมุดเล่มเล็ก ๆ แทน เป็นการแก้ปัญหาเรื่องพื้นที่ นอกจากนี้ Zine ยังสามารถแชร์ต่อให้เพื่อนได้ ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้
Cr. Kanok Shokjaratkul
ในงาน พับเพียบซีนแฟร์ มีทั้งหมด 14 โต๊ะ บางโต๊ะมีศิลปิน 2 คนนั่งด้วยกัน เป็นการแชร์โต๊ะแบบครึ่ง ๆ ผมอยากให้มีระบบการแชร์โต๊ะแบบนี้ เพราะในต่างประเทศ เช่น ยุโรปหรืออเมริกา ก็มี Zine Fair เกือบทุกอาทิตย์ทั่วประเทศ และมีการแชร์โต๊ะกัน เพราะบางคนอาจมีของน้อย แค่เล่มเดียว การแชร์โต๊ะยังช่วยสร้าง Connection ระหว่างศิลปินที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ซึ่งอาจนำไปสู่การร่วมมือกันสร้างผลงานในอนาคต
ผมเคยทำหนังสือภาพ Coffee Table Book จนกระทั่งมันเริ่มขายไม่ได้ ก็ลองลดขนาดให้เล่มเล็กลง ถือง่ายขึ้น มีราคาน่ารักขึ้น ปรากฏว่าคนเริ่มสนใจ ซื้อ และสะสมมากขึ้น
Cr. Kanok Shokjaratkul
ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติที่ซื้อผ่านเว็บไซต์ ส่วนคนไทยมักซื้อตามงานต่าง ๆ เพราะเขาอยากเห็นของจริง ในงานนี้มีผลงานของผมและน้องที่ผมชวนมาจากหนองคายมาร่วมโต๊ะด้วย
ปีที่แล้วผมได้ไปร่วมงาน printPRINT eEdition 1 Art book fair แตกต่างจากงาน Zine Fair ตรงที่ Art Book จะเป็นเล่มที่หนาขึ้นหน่อย มีเนื้อหาลึกซึ้ง ใช้เวลาอ่านเยอะกว่า
กำลังจะมีงาน printPRINT eEdition 2 Art book fair ในเดือนพฤศจิกายนนี้ แล้วก็มีงาน Bangkok Art Book Fair ในเดือนธันวาคม ที่เน้นความเป็นรูปเล่มและเนื้อหาที่จริงจังมากขึ้น อาจมีสำนักพิมพ์มาร่วมด้วย"
Cr. Kanok Shokjaratkul
- Zine ของ double-T
บิว-ธนาภา เตชะพานิช Freelance Artist ที่มาร่วมงานพับเพียบซีนแฟร์ เล่าว่า รู้ว่าจะมีการจัดงานนี้จากพี่ตั้ม-วุฒิพล เพื่อเป็นพื้นที่ให้คนที่ทำ หนังสือทำมือ หรือ Zine หนังสือที่ทำกันเอง ตีพิมพ์เอง ได้มีโอกาสนำผลงานออกมาขาย
"เริ่มจากการเปิดรับสมัครคนที่มาออกบูธ แล้วเขาก็คัดเลือกว่าใครเหมาะสมที่จะมาออกบูธบ้าง ส่วนมากจะเป็นคนที่มีผลงานทำ Zine มาแล้วอย่างน้อย 1-2 เล่ม เขาให้ส่งตัวอย่างผลงานเข้าไปเพื่อพิจารณา บิวก็ส่งเล่มต่าง ๆ เข้าไป
Cr. Kanok Shokjaratkul
ที่บูธนี้ มีผู้ร่วมงานทั้งหมด 5 คน เป็นเพื่อนที่เรียนจบจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขา Communication Design 4 คน และก็บิวจากมหาวิทยาลัยศิลปากร คณะจิตรกรรม 1 คน
วันนี้นำงานมา 5 เล่ม เป็นงานที่เน้นภาพเป็นหลัก และมีบทกวีประกอบด้วยด้วย เล่มแรกชื่อว่า Journey on Daydreams มีตัวละครชื่อ GU แปลว่า อิสระ ในภาษาญี่ปุ่น GU เปรียบเสมือนตัวแทนของความฝันและความอิสระในวัยเด็ก ที่เราอยากทำอะไรก็ได้ อยากคิดอะไรก็ได้ มีจินตนาการกว้างไกล แต่เมื่อเราโตขึ้น เราอาจจะรู้สึกว่าความเป็นเด็กของเรามันตายไปแล้ว แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้ตาย
Cr. Kanok Shokjaratkul
วันหนึ่งเมื่อเราได้ทำตามความฝัน เราก็จะได้เจอ GU หรือความฝันของเราอีกครั้ง ในเล่มนี้ GU จะเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ และมีบทกวีที่สะท้อนมุมมองออกมา บทกวีและภาพประกอบบิวเขียนเองทั้งหมด บางส่วนเป็น หน้ายาว สามารถพับเปิดออกได้ เพื่อให้เห็นภาพเต็ม ๆ
เราศึกษาขั้นตอนการพิมพ์จากอินเตอร์เน็ท แล้วไปปรึกษาโรงพิมพ์ว่า เราอยากดีไซน์เล่มแบบนี้ ต้องเตรียมไฟล์แบบไหน เพราะตอนที่เรียน Fine Art ไม่มีสอน ต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด
Cr. Kanok Shokjaratkul
Zine มีหลายรูปแบบ มีทั้งที่เป็นหนังสือจริง ๆ ที่เย็บกี่แบบนี้ หรือเป็นแค่แผ่นพับก็ได้ หลัก ๆ คือ การเล่าอะไรสักอย่างที่เราสนใจ ก็เป็น Zine ได้แล้ว หรืออะไรที่เป็นงานทำมือทั้งหมดก็เรียกว่า Zine ได้
แต่ละเล่ม จะพิมพ์ไม่เกิน 200 เล่ม อย่าง Journey on Daydreams พิมพ์ 100 เล่ม อีกเล่มพิมพ์ 200 เล่ม อีกสองเล่มพิมพ์ 150 เล่ม แล้วก็มีอีกเล่มหนึ่งเขียนเสร็จแล้วแต่พิมพ์ไม่ทัน ค่อยไปออกงานหน้า ติดตามผลงานบิวได้ที่ double-T ทั้ง IG, X และ Facebook"
สำหรับคนที่สนใจ Zine แต่ไม่ได้มาร่วมงาน พับเพียบซีนแฟร์ หลังจากจบงานแล้ว จะนำ Zine ของตัวเองมาฝากขายไว้ที่ร้าน Spacebar Zine ที่ GalileOasis ร้านเปิดทุกวัน ปิดวันอังคาร
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul







