ช่องว่างธุรกิจ Aging Society โอกาสของคนเข้าใจและเข้าถึงกลุ่มสูงวัย

ช่องว่างธุรกิจ Aging Society โอกาสของคนเข้าใจและเข้าถึงกลุ่มสูงวัย

ช่องว่างทางตลาดของสังคมสูงวัย (Aging Society) ยังแทรกตัวได้อีกมาก ไม่ว่าเรื่องสินค้า บริการและอุปกรณ์ต่างๆ ขอเพียงได้มาตรฐาน ราคาไม่สูงเกินเอื้อม

ว่ากันด้วยตัวเลขสถิติ ไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่ปี 2565  และในปี 2567 กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย รายงานว่า มีกลุ่มผู้สูงวัย 60-69 ปีมากที่สุดประมาณ 59.3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกลุ่มอายุ 70-79 ปี อยู่ที่ 29.8 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มอายุ 80 ปีขึ้นไปมีประมาณ 10.9 เปอร์เซ็นต์ ส่วนข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขคาดว่า ปี 2568 จะมีจำนวนผู้สูงอายุกว่า 14.4 ล้านคน  

กลุ่ม Aging Society เป็นกลุ่มใหญ่ที่มีกำลังซื้อ และเรื่องสุขภาพต้องมาก่อนเรื่องอื่น ในปี 2566 ทางทีดีอาร์ไอ รายงานว่า กลุ่มผู้สูงวัยใช้จ่ายกว่า 2.18 ล้านล้านบาท และปี 2576 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 3.5 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะเรื่องอาหาร สุขภาพ ที่อยู่อาศัย และไลฟ์สไตล์

ที่เห็นได้ชัดในตอนนี้ คือ ความต้องการที่อยู่อาศัย ที่มีสถานพยาบาล แพทย์ ผู้ดูแล สิ่งอำนวยความสะดวกและกิจกรรมที่หลากหลาย รวมถึงรูปแบบที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต 

อย่าลืมว่า กลุ่มนี้รวมๆ แล้วมีมากกว่า 15 ล้านคน ในกลุ่มใหญ่ยังมีกลุ่มยิบย่อย กลุ่มคนที่อยากออกไปดื่มไวน์นอกบ้าน เต้นรำ ร้องเพลงฝรั่งในแบบที่พวกเขาชอบ เที่ยวบาร์ที่ไม่ใช่สถานรวมตัวของวัยรุ่นและวัยทำงาน ซึ่งกลุ่มนี้คงต่างจากกลุ่มเที่ยววัด ชมสวน เต้นลีลาศ นั่งสมาธิฯลฯ  

ลองนึกดูว่า ในยุคสังคมสูงวัย เคยมีใครคิดไหมว่า การจัดระเบียบบ้านจะกลายเป็นธุรกิจที่มีคนจองคิวข้ามปี และส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่ชอบสะสมของและเก็บมาทั้งชีวิต เพราะไม่กล้าทิ้ง หรือธุรกิจคอนเสิร์ตยุค 90  คนกลุ่มไหนที่เข้าร่วมกิจกรรม

ขณะที่อินฟลูเอนเซอร์รุ่นใหม่ตามล่าเช็คอินสถานที่เที่ยว กิน ดื่มใหม่ๆ หรือย่านเก่า แนะนำในโซเชียลมีเดียมีให้เห็นทุกวัน ก็ยังโด่งดังสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้ และยังมีอินฟลูเอนเซอร์รุ่นเก๋าที่เข้าถึงกลุ่ม Aging Society แทรกตัวอยู่ในออนไลน์ แต่น้อยมาก ก็สามารถมีรายได้และความภูมิใจจากการสร้างโอกาสให้ตัวเอง 

ขอย้ำว่า ยังมีกลุ่มสูงวัยเท่ๆ คูลๆ จำนวนมากที่มีไลฟ์สไตล์ไม่ต่างจากคนหนุ่มสาว และมีกำลังซื้อ  บางทีนึกอยากออกไปเต้นรำสุดสวิง ก็หาเพื่อนทำกิจกรรมไม่ได้ หรืออยากออกไปเที่ยวผจญภัย เล่นกีฬาในแบบที่เหมาะกับตัวเอง  ก็ไม่ค่อยมีกิจกรรมที่ตอบสนองความต้องการ หรือพื้นที่ให้รวมตัวกัน จึงต้องหาเพื่อนเที่ยวทางออนไลน์ หรือเที่ยวคนเดียวก็สนุกได้ 

 ส่วนอาชีพสำหรับคนวัยเกษียณที่ห้างร้านรับคนกลุ่มนี้เข้าทำงานก็มีข้อจำกัด ไม่ได้เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ใช้ศักยภาพเต็มที่ ไม่ว่าเต็มเวลาหรือฟรีแลนด์ ทั้งๆ ที่บางคนมีทักษะที่เอไอหรือคนหนุ่มสาวทำไม่ได้ ยกตัวอย่างทักษะหนึ่งเดียวแบบป้าตา จำเนียร เอี่ยมเจริญ เชฟอาหารมังสวิรัติกลางป่าที่เชียงใหม่ มีคนอยากมาเรียนทำอาหารกับเธออีกมากมาย และในสังคมไทยยังมีคนที่มีทักษะเฉพาะตัวแบบนี้อีกและน่าเสียดายที่ไม่มีคนเชื่อมร้อยต่อยอดองค์ความรู้

ธุรกิจกลุ่มนี้ ยิ่งแตกหน่อได้ไว ย่อมได้เปรียบ ขอยกอีกตัวอย่าง คนทำธุรกิจกลุ่มนี้ Joy Ride Thailand ลูกรับจ้าง  หลานจำเป็น พาผู้สูงอายุไปหาหมอ พวกเธอไม่ได้เริ่มจากคำว่ากำไร แต่เริ่มจากอยากทำเพื่อคนอื่นและสังคม

ปัจจุบันพัฒนารูปแบบจนเป็นที่ยอมรับ มีคนจองคิวยาวทุกวัน และมีธุรกิจขับรถพาคนสูงวัยไปหาหมอมากขึ้น ซึ่งเป็นที่ต้องการในสังคม ที่สำคัญคือ ต้องสร้างระบบที่ดี สร้างความไว้วางใจ และราคาสมเหตุสมผล 

ในยุคที่การฮีลใจสามารถตอบสนองความรู้สึกลึกๆ ด้านใน จึงสามารถสร้างรายได้ให้เจ้าของธุรกิจ ไม่ว่าเรื่องจิตบำบัด, เสียงบำบัด, เทคนิคการรับฟัง,สุนทรียะสนทนา ,ศิลปะบำบัด และการเย็บปักถักร้อย ฯลฯ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยสร้างรายได้ และไม่ได้เฟื่องฟูเหมือนปัจจุบัน

เหมือนเช่นที่กล่าวมา ธุรกิจเพื่อผู้สูงวัยยังมีช่องว่างอีกร้อยแปดพันเรื่อง ขอเพียงมีระบบรองรับ ปรับมายเซ็ต สร้างทางเลือกที่แตกต่างเพราะคนสูงวัยบางกลุ่มก็ไม่ได้อยากไปเที่ยววัด ชมสวน ฯลฯ อาจจะอยากไปดำน้ำดูปะการัง หรือเต้นรำริมทะเลในคืนพระจันทร์เต็มดวง ก็เป็นได้