วรรณกรรมใน 'ธีรรัชสมัย' พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระอัจฉริยภาพ วรรณกรรม พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในงานสัปดาห์หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า
KEY
POINTS
- พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์วรรณกรรมไว้กว่า 1,200 เรื่อง ถือเป็นนักประพันธ์ที่มีผลงานมากที่สุดในประเทศไทย โดดเด่นด้วยความหลากหลายทั้งรูปแบบ เนื้อหา และที่มาของเรื่อง
- ทรงใช้พระราชนิพนธ์เป็นเครื่องมือสื่อสารพระราชดำริเพื่อพัฒนาประเทศ โดยมีพระราชทัศนะว่าวรรณคดีคือ "อาภรณ์ประดับบ้านเมือง" และเป็นเครื่องหมายของชาติที่มีอารยธรรม
- พระปรีชาสามารถด้านวรรณกรรมเป็นผลจากการศึกษาอย่างลึกซึ้งกับพระอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ การโปรดการอ่านหนังสือทุกประเภท และความสนพระราชหฤทัยในศิลปะการละคร
- ทรงริเริ่มสร้างสรรค์วรรณกรรมรูปแบบใหม่ๆ โดยการผสมผสานขนบวรรณศิลป์ไทยเข้ากับอิทธิพลตะวันตก เช่น การนำฉันท์มาแต่งบทละครพูด (มัทนะพาธา) หรือการดัดแปลงบทละครของเชกสเปียร์เป็นละครรำ
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล เสด็จไปหอวชิราวุธนุสรณ์ ภายในบริเวณหอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี ทรงฟังการเสวนาในหัวข้อ วรรณกรรมธีรรัชสมัย ส่วนหนึ่งของ งานสัปดาห์พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า เฉลิมพระเกียรติในอภิลักขิตสมัย 100 ปี วันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช 2568
ประจวบวาระ 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และ 100 ปี วันสถาปนา พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568
เป็นกิจกรรมที่จัดโดย มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร
เพื่อเชิดชูพระราชคุณูปการในด้านอักษรศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า
Cr. มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ ร.6
ดร. ใกล้รุ่ง อามระดิษ อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งในด้านศิลปวรรณกรรม
"ทรงพระราชทานบทพระราชนิพนธ์มากกว่า 1,200 เรื่อง ให้กับประเทศชาติและประชาชน ตัวเลขนี้มาจากการรวบรวมของคณะกรรมการรวบรวมและค้นคว้าเกี่ยวกับพระราชนิพนธ์ของพระองค์ ด้วยจำนวนผลงานที่มากมายขนาดนี้ กล่าวได้ว่า พระองค์ทรงเป็นนักประพันธ์ที่มีผลงานมากที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว
Cr. Kanok Shokjaratkul
ทรงมีพระราชอัธยาศัยที่โปรดด้านการประพันธ์ และมีพระราชประสงค์ให้พระราชนิพนธ์เป็นเครื่องมือสื่อสารพระราชดำริในด้านต่าง ๆ ไปยังประชาชน เพื่อให้ทุกคนร่วมมือกันในการพัฒนาประเทศ
ทรงมีพระราชทัศนะว่า กวีและวรรณคดีคือ "อาภรณ์ประดับบ้านเมือง" ดังที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในเรื่องพระนลคำหลวงว่า "ชาติที่รุ่งเรืองย่อมไม่ไร้กวี เพราะหากไร้กวี ชาติก็จะถูกเยาะเย้ยและขาดความสง่างาม"
Cr. Kanok Shokjaratkul
พระองค์ทรงเชื่อว่า ชาติที่มีความเจริญทางอักษรศาสตร์ย่อมได้รับการยกย่องว่าเป็นชาติที่มีอารยะและได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ด้วยเหตุนี้เอง พระองค์จึงทรงพยายามพระราชนิพนธ์วรรณคดีประเภทต่าง ๆ ออกมาอย่างมากมาย
พระราชนิพนธ์ของพระองค์ไม่เพียงแต่มีปริมาณมาก แต่ยังเปี่ยมด้วยคุณภาพ จนประชาชนถวายพระราชสมัญญานามว่า พระมหาธีรราชเจ้า"
Cr. Kanok Shokjaratkul
- สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการศึกษา
นอกเหนือจากพระราชพรสวรรค์ส่วนพระองค์แล้ว ปัจจัยที่ทำให้พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถสูงมากทางด้านภาษา เป็นผลมาจากการได้เรียนกับพระอาจารย์ที่มีความรู้และความสามารถสูงหลายท่าน ได้แก่
• พระยาอิศรพันธุ์โสภณ (หม่อมราชวงศ์หนู อิศรางกูร) เป็นพระอาจารย์คนแรกเมื่อพระชนมายุ 8 พรรษา ท่านมีความรู้ภาษาไทยและบาลีดีเยี่ยม และเป็นกวีผู้แต่งโคลงภาพรามเกียรติ์ที่วัดพระแก้วกว่า 100 บท พระองค์ทรงรำลึกถึงพระอาจารย์ท่านนี้ในบทไหว้ครูของพระนลคำหลวงว่าได้ "เพาะนิสัยให้ชอบพร้อมโคลงกลอน"
• พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ครูภาษาไทยคนสำคัญที่สุดของกรุงรัตนโกสินทร์ ผู้แต่งแบบเรียนหลวงชุดมูลบทบรรพกิจ
Cr. Kanok Shokjaratkul
• มร. โรเบิร์ต มอร์ ผู้จบจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เป็นอาจารย์ใหญ่คนแรกของโรงเรียนราชกุมาร ถวายพระอักษรภาษาอังกฤษ ภายหลังได้เป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการและสาธารณสุขของอังกฤษ
• พระมนตรีพจนกิจ (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล) หรือ เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี ทรงเป็นพระอภิบาลและพระอาจารย์ถวายพระอักษรภาษาและวัฒนธรรมไทย เมื่อครั้งที่ประทับอยู่ที่อังกฤษ ท่านยังเป็นผู้แต่งหนังสือเรื่อง สมบัติผู้ดี
• มร. โรเมอออง พระอาจารย์สอนภาษาอังกฤษระดับมัธยม ณ พระตำหนัก ทำให้ทรงได้อ่านวรรณคดีของกวีสำคัญของอังกฤษ โดยเฉพาะเชกสเปียร์
• เมสิเยร์ บูเย่ต์ พระอาจารย์สอนภาษาละตินและฝรั่งเศส
Cr. Kanok Shokjaratkul
อีกปัจจัยหนึ่งคือ ทรงโปรดการทรงพระอักษรทุกประเภท ทรงอ่านหนังสือทุกชนิด ตั้งแต่หนังสือพิมพ์ นิทาน นิยาย ทั้งใหม่และเก่า วรรณคดีโบราณ
มีบันทึกจากพระอภิบาลว่า แม้ประทับที่อังกฤษ พระองค์ก็มักจะเลี่ยงการออกไปข้างนอกเพื่ออยู่ อ่านหนังสือพิมพ์ อ่านนิทานในสมุดแมกกาซีนต่าง ๆ กับทรงชอบเขียนหนังสือ คือแต่งเรื่องละคร การอ่านอย่างกว้างขวางนี้เป็นแหล่งความรู้และความคิดที่สำคัญที่สุดสำหรับพระราชนิพนธ์ของพระองค์
และที่น่าทึ่งคือ พระองค์ทรงเริ่มแต่งและแปลหนังสือตั้งแต่อายุน้อยมาก
• พระชนมายุ 11 พรรษา ทรงแปลบทประพันธ์บางตอนจากโอเปร่าเรื่องมิกาโด
• พระชนมายุ 12 พรรษา ทรงแต่งเรื่องสั้นชื่อ ไม่กลัวผี ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ราชกุมาร
• พระชนมายุ 15 พรรษา ทรงแต่งบทละครเป็นภาษาอังกฤษเรื่อง Miss Honneybone และจัดแสดงด้วย หลังจากนั้นทรงพระราชนิพนธ์บทละครและร้อยกรองภาษาอังกฤษอีกมากมาย
Cr. Kanok Shokjaratkul
ทรงพระราชนิพนธ์อย่างต่อเนื่องตลอดพระชนมชีพ จนกระทั่งเสด็จสวรรคต คุณค่าและความไพเราะในพระราชนิพนธ์เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงสนพระราชหฤทัยด้านศิลปะการละครเป็นพิเศษ ทรงโปรดการทอดพระเนตรละคร ทั้งของเชกสเปียร์ ละครโบราณ และละครสมัยใหม่ในอังกฤษและประเทศอื่น ๆ ที่เสด็จประพาส
ทรงร่วมแสดงและจัดแสดงละครเองด้วย ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างศิลปะการละครกับวรรณคดี ทำให้พระองค์ได้ฝึกฝนทั้งการแต่งและการกำกับการแสดง
ผลงานพระราชนิพนธ์ด้านบทละครมีจำนวนมากจนอาจกล่าวได้ว่า พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของการละครสมัยใหม่ของประเทศไทย
ทรงโปรดหนังสือพิมพ์และทรงออกหนังสือพิมพ์หลายฉบับมาก ซึ่งเป็นเวทีสำคัญของวรรณกรรมไทยรูปแบบใหม่ในยุคนั้น
Cr. Kanok Shokjaratkul
ลักษณะอันโดดเด่นของพระราชนิพนธ์ มี 3 ประการ
1. มีความหลากหลายในหลายด้าน ทั้งลักษณะและรูปแบบการประพันธ์ ที่มาและเนื้อหาของเรื่อง
2. เนื้อหามีความลึกซึ้งให้ความรู้ กระตุ้นความคิด ให้ความเข้าใจชีวิตและสังคม และอบรมบ่มนิสัย
3. ปลูกฝังค่านิยมและพระราชดำริทางอ้อม ผ่านเรื่องราวสมัยใหม่
Cr. Kanok Shokjaratkul
ความหลากหลายด้านลักษณะและรูปแบบการประพันธ์
ทรงเชี่ยวชาญทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง ทั้งสารคดีและบันเทิงคดี
ทรงแต่งฉันทลักษณ์ได้ทุกประเภท ตั้งแต่แบบโบราณไปจนถึงพื้นบ้าน ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ
ร้อยแก้วบันเทิงคดี ทรงพระราชนิพนธ์ตั้งแต่ นิทานสำหรับเด็ก เช่น มนุษย์สรวยหรือไม่สรวย เรื่องสั้น แนวสนุกขบขัน เช่น ยาตัวเบา (ล้อเลียนคนอ้วนกินยาลดความอ้วนแล้วลอยได้), สุนทรความตามสวัสดิรักษา (ล้อเลียนคนเห่อไทยจนเกินเหตุ), รายงานการประชุมปาลิเมนต์สยาม (ล้อเลียนผู้เรียกร้องรัฐสภา), นวนิยาย หัวใจชายหนุ่ม (นวนิยายรูปแบบจดหมายเรื่องแรกของไทย), นิทานทองอิน (นิยายสืบสวนสอบสวน แรงบันดาลใจจากเชอร์ล็อก โฮมส์) รวมถึง บทละครพูดร้อยแก้ว เช่น หัวใจนักรบ, โพงพาง, จัดการรับเสด็จ
ร้อยแก้วสารคดี ทรงพระราชนิพนธ์ บทความแสดงความคิดเห็น เช่น โคลนติดล้อ, เมืองไทยจงตื่นเถิด ข้อเขียนให้ความรู้ เช่น กันป่วย (เรื่องดูแลสุขภาพ) หนังสือวิชาการ เช่น บ่อเกิดรามเกียรติ์ (งานวิจัยเรื่องแรก ๆ ของไทย) สารคดีท่องเที่ยว เช่น เที่ยวเมืองพระร่วง และ บทความล้อเลียนเสียดสี เช่น โสตธรรมจริยา (ล้อเลียนคนเห่อฝรั่ง)
Cr. Kanok Shokjaratkul
ร้อยกรอง ทรงพระราชนิพนธ์ในฉันทลักษณ์ทุกประเภท
- โคลง เช่น โคลงสุภาษิตพระราชนิพนธ์, โคลงสุภาษิตพระร่วง, โคลงโลกนิติจำแลง
- โคลงและร่าย เช่น ลิลิตพายัพ, ลิลิตนารายณ์สิบปาง
- โคลงและกาพย์ เช่น กาพย์เห่เรือ, กาพย์ฉบัง 16 อธิบายความหมายของธงไตรรงค์
- กลอน : สักวา เช่น สักวาหน้าหนาว, เสภา เช่น เสภาสามัคคีเสวก, นิราศ เช่น นิราศพระมะเหลเถไถ นิราศพระประแดง, บทละคร เช่น ศกุนตลา, สาวิตรี, ท้าวแสนปม, เวนิสวานิช
- กาพย์ เช่น เครื่องหมายแห่งธงไตรรงค์
- ฉันท์ เช่น มงคลสูตรคำฉันท์
- กาพย์และฉันท์ เช่น มัทนะพาธา
- รวมฉันทลักษณ์ทุกประเภท เช่น พระนลคำหลวง
Cr. Kanok Shokjaratkul
ความหลากหลายใน บทละครร้อยกรอง เพียงประเภทเดียว มีทั้ง
- บทเบิกโรง เช่น นรสิงหาวตาร, ฤๅษีเสี่ยงลูก
- บทโขน จากรามเกียรติ์ เช่น พระรามตามกวาง, สีดาหาย, จองถนน
- บทละครรำ เช่น ศกุนตลา, ท้าวแสนปม
- บทละครดึกดำบรรพ์ เช่น ศกุนตลา
- บทละครร้อง เช่น สาวิตรี
- บทละครพูดสลับลำ เช่น วิวาหพระสมุท
- บทละครพูดคำกลอน เช่น พระร่วง
- บทละครพูดคำฉันท์ เช่น มัทนะพาธา
- บทละครสังคีต เช่น วั่งตี่ มิกาโด้
Cr. Kanok Shokjaratkul
ความหลากหลายในภาษาต่างประเทศ ทรงแต่งบทละครพูดภาษาอังกฤษ เช่น Miss Honneybone, Lines and Rudd, Isabel ทรงแต่งบทกวีภาษาอังกฤษตามแบบอังกฤษ เช่น A Lover's Dilemma ทรงแปลพระราชนิพนธ์ของพระองค์เองเป็นภาษาอังกฤษ เช่น The Earl of Clever House จากเรื่อง น้อยอินทรเสน ทรงแปล มัทนะพาธา เป็นร้อยแก้วและร้อยกรองแบบอังกฤษ (แต่ไม่จบ)
ความหลากหลายด้านที่มาและเนื้อหาของเรื่อง
จากจินตนาการและสภาพสังคมร่วมสมัย มัทนะพาธา ทรงคิดพล็อตเรื่องนางฟ้าถูกสาปเป็นดอกไม้ด้วยพระองค์เอง หัวใจชายหนุ่ม เกิดจากการสังเกตคนไทยที่กลับจากต่างประเทศแล้วลืมวัฒนธรรมไทย ทรงต้องการชี้ให้เห็นการรับวัฒนธรรมฝรั่งอย่างรู้จักเลือกและผสมผสาน ลัทธิเอาอย่าง และ รายงานการประชุมปาลิเมนต์สยาม ก็มาจากข้อสังเกตพฤติกรรมการเอาอย่างฝรั่งและการเรียกร้องรัฐสภาในเวลาที่ยังไม่พร้อม
Cr. Kanok Shokjaratkul
จากนิทาน ตำนาน และวรรณคดีไทยโบราณ พระร่วง มาจากตำนานพระร่วง ท้าวแสนปม มาจากตำนานกำเนิดพระเจ้าอู่ทอง กำเนิดกรุงศรีอยุธยา, โคลงสุภาษิตพระร่วง มาจากสุภาษิตพระร่วง วรรณคดีสมัยสุโขทัย, โคลงโลกนิติจำแลง มาจากโคลงโลกนิติโบราณ
จากเทพปกรณัมและวรรณกรรมเอกของโลก ทั้งตะวันออกและตะวันตก เช่น บทละครพูดสลับรำเรื่อง วิวาหพระสมุท การสังเวยเจ้าหญิงให้กับเจ้าสมุทรมาจากตำนานเรื่องเพอร์ซิอุสในเทพปกรณัมกรีก, ศกุนตลา มาจากบทละครของกวีเอกอินเดียกาลิทาส, ปรียทรรศิกา มาจากกวีเอกของอินเดีย, สาวิตรี เป็นตอนย่อยในมหากาพย์มหาภารตะของอินเดีย, ตามใจท่าน มาจาก As You Like It ของวิลเลียม เชกสเปียร์, เวนิสวานิช มาจาก The Merchant of Venice ของวิลเลียม เชกสเปียร์
ไม่เพียงแต่กวียุคโบราณ นักประพันธ์สมัยใหม่ร่วมสมัยกับพระองค์ ก็ทรงนำมาเป็นเนื้อหาของพระราชนิพนธ์ด้วย เช่น นิทานทองอิน มาจากเรื่องเชอร์ล็อก โฮมส์ของเซอร์อาร์เทอร์ โคนัน ดอยล์, บทละครขบขันเรื่อง หมอจำเป็น มาจากบทละคร Médecin malgré lui ของโมลิแยร์ นักเขียนบทละครขบขันชาวฝรั่งเศส, บทละครพูดเรื่อง นินทาสโมสร มาจาก สะกูลฟอร์สะแกนดัล ของริชาร์ด เชอริแดน นักเขียนบทละครชาวอังกฤษ
Cr. Kanok Shokjaratkul
ความโดดเด่นทางด้านความลึกซึ้งของเนื้อหา
พระราชนิพนธ์สารคดี ให้ความรู้และกระตุ้นความคิด
- ด้านศาสนา เช่น พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร ให้ความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งเข้าใจง่าย
- ด้านสุขภาพ เช่น กันป่วย ให้ข้อแนะนำการดูแลรักษาสุขภาพแบบง่าย ๆ ยังคงใช้ได้ถึงปัจจุบัน
- ด้านประวัติศาสตร์ เช่น เที่ยวเมืองพระร่วง ให้ความรู้ประวัติศาสตร์ของสุโขทัยอย่างละเอียดลึกซึ้ง
- ด้านศิลปะวัฒนธรรม เช่น บ่อเกิดรามเกียรติ์ ทรงสันนิษฐานว่าของรามเกียรติ์ไทยมาจากรามายณะหลายฉบับของอินเดีย, พระบรมราชาธิบายในงานพระประพันธ์ การอธิบายหลักการแต่งโคลงอย่างง่ายดาย ทรงรื้อฟื้นโคลงโบราณทั้งหลาย เอามาจัดระเบียบ เขียนอธิบายอย่างง่าย ๆ ว่าจะแต่งได้อย่างไร คนที่เริ่มฝึกหัดแต่งโคลงลองอ่านเรื่องนี้ดู เป็นคู่มือสำหรับยุวกวี นักกวีรุ่นใหม่
- ด้านการเมืองการปกครอง มีเยอะมากมาย ทั้งพระราชนิพนธ์ลงในหนังสือพิมพ์และพระราชนิพนธ์เป็นเล่มหนังสือ เช่น ยิวแห่งบูรพาทิศ, ลัทธิเอาอย่าง, โคลนติดล้อ ทรงใช้สำนวนโวหารที่กระชับ เข้าใจง่าย มีกลวิธีโน้มน้าวใจผู้อ่านได้อย่างดีมาก ๆ
ทรงให้ความรู้แก่ชาวไทยขณะที่โลกกำลังเกิดสงคราม เช่น ชุดพระราชนิพนธ์อันเนื่องด้วย งานพระราชสงคราม ณ ทวีปยุโรป เพิ่งจะมีการจัดพิมพ์ใหม่เป็นบ็อกซ์เซ็ท ให้ความรู้เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1
Cr. Kanok Shokjaratkul
พระราชนิพนธ์บันเทิงคดี ให้ความเข้าใจชีวิตและสังคม อบรมบ่มนิสัย เรื่องคุณธรรม ยกระดับจิตใจไปด้วย เช่น
"มโนมอบพระผู้เสวยสวรรค์... เกียรติศักดิ์รักของข้ามอบไว้แก่ตัว" มาจากโคลงภาษิตนักรบโบราณของฝรั่งเศส รู้จักในปัจจุบันผ่านเพลง เกียรติศักดิ์ทหารเสือ
"ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน ไม่ยินและไม่ยล อุปสรรคใด ๆ ...." มาจาก มัทนะพาธา เป็นแรงบันดาลใจให้คนเอาไปแต่งเป็นเพลง บุพเพสันนิวาส สะท้อนว่าความรักทำให้คนตาบอด
"อันว่าความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ..." มาจาก เวนิสวานิช เป็นบทที่ซาบซึ้งตรึงใจ
"ปากเป็นเอก เลขเป็นโท โบราณว่า หนังสือดีมีปัญญาไม่เสียหลาย ถึงรู้มากไม่มีปากลำบากตาย มีอุบายพูดไม่เป็นเห็นป่วยการ" มาจาก วิวาหพระสมุท
Cr. Kanok Shokjaratkul
พระองค์ยังปลูกฝังค่านิยมและพระราชดำริในทางอ้อมด้วย
"ไทยรวมกำลังตั้งมั่น สามารถป้องกันขันแข็ง ถึงแม้ว่าศัตรูผู้มีแรง มายุทธแย้งก็จะปลาศไป ขอแต่เพียงไทยเราอย่าผลาญญาติ รวมชาติรวมจิตเป็นข้อใหญ่ ไทยอย่ามุ่งร้ายทำลายไทย จงพร้อมใจพร้อมกำลังระวังเมือง..." มาจาก บทละครพูดคำกลอนเรื่อง พระร่วง
พระองค์ทรงกระตุ้นให้เราให้ความสำคัญกับชาติ 3 ประการคือ (1) หากมีศัตรูมารุกรานเราต้องร่วมกันต่อสู้ เพื่อให้ชาติดำรงอยู่ต่อไปได้ (2) เมื่อชาติดำรงอยู่ได้แล้ว เราต้องร่วมกันสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ชาติของเรา (3) เราต้องค้ำจุนชาติ ศาสนา ให้มั่นคง ไม่ตกอยู่ในอำนาจของชาติอื่น
Cr. Kanok Shokjaratkul
ในด้านความคิดริเริ่ม พระองค์ทรงทำให้วรรณคดีไทยมีความแปลกใหม่และสร้างสรรค์น่าสนใจ
- ทรงนำ ฉันท์ มาแต่งเป็น ละครพูดแบบตะวันตก ในเรื่อง มัทนะพาธา เป็นเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่ไม่มีใครทำได้อีกเลย
- ทรงนำลักษณะของโอเปร่าแบบตะวันตก เรื่อง The Mikado มาผสมผสานกับ ละครดึกดำบรรพ์ของไทย ในเรื่อง สมิต
- ทรงดัดแปลงบทละครนาฏกรรมของเชกสเปียร์ ให้เป็น ละครรำแบบไทยแท้ 100% อย่างเรื่อง พญาราชวังสัน ที่นำเนื้อเรื่องมาจาก Othello ของเชกสเปียร์
- ทรงนำ โคลงโลกนิติ มาแต่งใหม่ในรูปแบบ วรรณกรรมล้อเลียน ที่ฝรั่งเรียกว่า Burlesque อย่างเรื่อง โคลงโลกนิติจำแลง หรือ นิราศพระมเหลเถไถ ที่ล้อเรื่อง พระมเหลเถไถ ของคุณสุวรรณ
- ทรงนำวรรณคดีไทย โคลงนิราศนรินทร์ มาแต่งในรูปแบบ Sonnet
- ทรงแปลบทละคร Romeo and Juliet ของเชกสเปียร์ เดิมเป็น Blank Verse ของฝรั่ง 10-11 พยางค์ต่อบรรทัด โดยใช้ กาพย์ยานี 11 (อินทรวิเชียรฉันท์) เมื่ออ่านออกเสียงจะได้ยินเสียงที่ไพเราะหนักเบาแบบวรรณคดีไทย
ปิดท้ายด้วย โคลงสยามนุสติ ทรงแต่งขึ้น พ.ศ. 2461 ในโอกาสส่งทหารอาสา 1,500 นายไปร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ทรงได้แรงบันดาลใจจากคำขวัญทหารอังกฤษของกวี Rudyard Kipling ที่กล่าวว่า "What stands if freedom fall? Who dies if England live?"
Cr. Kanok Shokjaratkul
นำมาแต่งเป็น โคลงสี่สุภาพ ผสานคติไทยว่า ชาติเปรียบเหมือนร่างกาย ประชาชนคืออวัยวะ ใช้ขนบวรรณศิลป์ไทยการเล่นคำ เล่นเสียง พยัญชนะและสระ เช่น เสีย สิ้น ยัง อยู่ ยั้ง ยืน ยง ทำให้งานชิ้นนี้ทรงพลังอย่างยิ่ง
ขอเชิญชวนผู้สนใจ และเยาวชน ให้มาร่วมกันศึกษา สืบสาน ต่อยอด รับแรงบันดาลใจจากพระราชนิพนธ์ของพระองค์ ผลงานเหล่านี้ยังคงความทรงคุณค่าและเป็นอมตะ ไม่เก่าเลย"
ข้อมูลเพิ่มเติม : มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ ร.6 https://www.facebook.com/rama6memorial
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul







