People You May Know พอดแคสต์ที่ถูกล้มเทปมากที่สุด ในฟาโรส สตูดิโอ

ชวนคุยกับ "ฟาโรส - ณัฏฐ์ กลิ่นมาลี" หรือ คุณแดง ของชาวช่องแห่งไกลบ้าน ถึงรายการ "People You May Know" (PYMK) พอดแคสต์ที่ขึ้นแท่น "ถูกล้มเทป" มากที่สุดในฟาโรสสตูดิโอ
KEY
POINTS
- People You May Know พอดแคสต์ใต้ร่ม ฟาโรส สตูดิโอ ที่มีแฟนๆ ผู้ติดตามเหนียวแน่น ล่าสุด จัดนิทรรศการ AP presents PYMK The Exhibition สร้างปรากฏการณ์ "บัตรหมดเกลี้ยง" ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
- ฟาโรส - ณัฏฐ์ กลิ่นมาลี ผู้ก่อตั้ง Farose Studio เผยว่า PYMK คือ รายการที่ถูกล้มเทปมากที่สุด จากความท้าทายสำคัญ คือ การหาจุดสมดุลระหว่าง "ความสนุก" ในการเล่าเรื่องกับ "ความถูกต้อง" ของข้อมูล
- แน่นอนว่าไม่มีใครชอบดูโฆษณา แต่ ฟาโรส ก็สามารถทำโฆษณาให้อยู่ในพื้นที่ที่คนดูรักและยอมรับแบรนด์เข้าไปด้วยได้ ซึ่งเจ้าตัวถือเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง จากการเล่าเรื่องเพื่อหาจุดสมดุลที่ทุกฝ่ายจะมีความสุข
จากรายการที่เริ่มต้นนับหนึ่งในวันที่โลกหยุดนิ่ง สู่พอดแคสต์ที่มีแฟนๆ ผู้ติดตามเหนียวแน่น และร่วมเดินทางมาไกลเกินกว่า 100 ตอน
ล่าสุด People You May Know ไม่ได้เป็นแค่รายการในโลกออนไลน์อีกต่อไป แต่ก้าวข้ามมาสู่โลกความจริง กับโปรเจกต์ล่าสุดที่จับมือกับ AP Thailand ในนิทรรศการเชิงประสบการณ์ AP presents PYMK The Exhibition ที่พาแฟนๆ ไปสัมผัสร่องรอยของบุคคลในประวัติศาสตร์อย่างใกล้ชิด ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ “บัตรหมดเกลี้ยง” ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ตั้งแต่วันแรกที่เปิดจอง
“จุดประกาย” ชวนไปสนทนากับ ฟาโรส - ณัฏฐ์ กลิ่นมาลี ผู้ก่อตั้ง Farose Studio หรือที่แฟนๆ เรียกขานว่า “คุณแดง” ผู้ปลุกปั้นรายการนี้ขึ้นมากับมือ ถึงเบื้องหลังเส้นทางการทำรายการที่เน้น “รู้จัก” ไม่เน้น “รู้จริง” แต่สนุกจนคนติดหนึบ
อัดเอง ถ่ายเอง (ลืม)กดเอง
จุดเริ่มต้นของ People You May Know เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว หลังเกิดการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้การเดินทางไปถ่ายทำรายการ “ไกลบ้าน” ต้องหยุดชะงัก แต่เมื่อคอนเทนต์ต้องเดินต่อ ฟาโรสจึงหันมาสนใจ “พอดแคสต์” และเริ่มต้นศึกษาทุกอย่างด้วยตัวเองจากศูนย์ (รายการไกลบ้าน ก็เกิดขึ้นเพราะเจ้าตัวอยากหัดตัดต่อวิดีโอด้วยตัวเอง)
“ตอนนั้นไม่รู้อะไรเลย ไมค์ใช้ยังไง อัดเสียงแบบไหน เล่าเรื่องแค่ไหนถึงจะพอดี ทุกอย่างเริ่มจากศูนย์หมดเลย” ฟาโรสเล่า
เมื่อทุนทรัพย์มีจำกัด สิ่งที่มีค่าที่สุดจึงถูกนำมาใช้ นั่นคือ “มิตรภาพ”
“เรามองว่าถ้าเราเล่าเองคนเดียวคงเหนื่อยน่าดู แต่บนโต๊ะอาหารของเราเต็มไปด้วยเพื่อนที่เก่งและเล่าเรื่องคนได้สนุกเป็นคุ้งเป็นแคว แถมแต่ละคนก็มีความสนใจที่แตกต่างกัน คนนี้เก่งประวัติศาสตร์จีน คนนั้นเก่งฝรั่งเศส เราเลยคิดว่างั้นก็เอาเพื่อนมาเล่านี่แหละดีที่สุด”
สามตอนแรกจึงเกิดขึ้นจากการชวนเพื่อนสนิทอย่าง นักรบ มูลมานัส มาเล่าเรื่องมารี อ็องตัวแน็ต, แม็ค - สุนาถ ธนสารอักษร เล่าเรื่องนิโคลา เทสลา และ ป้อง - ชมะนันท์ จันทร์ศรี เล่าเรื่องซิกมันด์ ฟรอยด์ ซึ่งทั้งหมดถูกอัดเก็บไว้ ก่อนจะนำมาตัดต่อและทยอยปล่อย
แต่เบื้องหลังความสนุกก็ไม่ได้เรียบหรือง่ายอย่างที่เห็น เพราะผ่านการคิดและวางแผนกันมาอย่างดี
"เราตั้งใจไม่ให้คนมองว่านี่คือรายการประวัติศาสตร์ เม้าท์เจ้ายุโรปอย่างเดียว พอตอนแรกเป็นมารี อ็องตัวแน็ต ตอนที่สองเราเลยฉีกไปเป็นนักประดิษฐ์อย่างเทสลา ตอนสามเป็นนักจิตวิทยาอย่างฟรอยด์ ต่อด้วยนักต่อสู้อย่างมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ และแฟชั่นดีไซเนอร์อย่างโคโค่ ชาแนล พอครบ 5 ตอน คนก็เริ่มเข้าใจว่า People You May Know คือรายการที่พูดถึงใครก็ได้ที่จากไปแล้ว ในสาขาใดก็ได้"
เรื่องเล่า หลังฉากความสนุก
เมื่อรายการได้รับความนิยมมากขึ้น ความคาดหวังจากแฟนๆ ก็สูงขึ้นตามไปด้วย การทำงานที่เคยเรียบง่ายในยุคแรกจึงต้องปรับเปลี่ยนสู่ความเข้มข้นที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง จนถึงขั้นถูกยกให้เป็น "รายการที่โดนล้มเทปเยอะที่สุด" ในฟาโรส สตูดิโอ
"ช่วงแรกๆ เราแค่บรีฟกันคร่าวๆ เพราะรู้ว่าเพื่อนเราทำได้อยู่แล้ว แต่พอรายการโตขึ้น แฟนๆ มากขึ้น ตามมาด้วยการคาดหวัง การเม้าท์มอยแบบเดิมๆ เริ่มไม่เวิร์ค เราจึงต้องปรับวิธีการทำงานใหม่ กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วตอนนี้ ที่ถ้าอัดแล้วรู้สึกว่ายังไม่ดีพอ เราก็แค่ทำใหม่"
ความท้าทายที่สุด คือ การหาจุดสมดุลระหว่าง "ความสนุก" และ "ความถูกต้อง" ซึ่งฟาโรสอธิบายว่า
“พอเราย่อยเรื่องยากให้ง่าย มันอาจทำให้รายละเอียดสำคัญบางอย่างตกหล่นไปจนขาดความแม่นยำ (Accuracy) จุดนี้คือส่วนที่ยากที่สุด เราต้องกลับมาคุยกันใหม่ตลอด”
นอกจากนี้ ความกดดันก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง "ตอนแรกๆ ไม่มีใครดู ทำอะไรก็ง่ายไปหมด แต่พอรายการมีชื่อเสียง แขกรับเชิญที่มาก็จะเริ่มเกร็ง ไม่กล้าเล่าแบบปลดปล่อยเต็มที่ เพราะรู้ว่ามีคนคอยจับตาดูอยู่ บางทีเราสัมผัสได้ถึงความกังวลนั้น ก็ต้องสั่งพักกองแล้วเริ่มกันใหม่"
ล้ม(เทป) แต่ไม่ได้แปลว่า เลิก
เบื้องหลังความสำเร็จที่ดูเหมือนง่ายดายจึงเต็มไปด้วยการลองผิดลองถูกและความล้มเหลวที่ไม่มีใครเห็น
แต่ถึง "ล้ม(เทป)" ก็ไม่ได้แปลว่าจะ "เลิก" เพราะฟาโรสและทีมงาน และที่สำคัญ คือ แขกรับเชิญที่มาเล่าเรื่อง ยอมที่จะกลับมาอัดซ่อม จนกว่าจะเห็นตรงกันว่า "โอเค"
“เรากล้าบอกเลยว่างานเราเดินไปข้างหน้าเสมอ จากวันที่อัดเสียงคนเดียวในห้องเช่าเล็กๆ ลืมกดอัดบ้างอะไรบ้าง จนวันนี้เรามีทีมงาน มีโปรดักชันที่จริงจัง เราโตไปพร้อมกับรายการจริงๆ”
แม้ Farose Studio จะมีฐานแฟนคลับจากรายการ "ไกลบ้าน" อยู่แล้ว แต่ People You May Know สามารถดึงดูดแฟนกลุ่มใหม่ๆ เข้ามาได้อีกจำนวนมาก ซึ่งฟาโรสมองว่าเป็นเพราะคอนเซปต์ "หน้าปกเรียกแขก"
"รายการนี้ต่างจากไกลบ้านที่คนดูจะติดตามทุกตอนเพราะชอบในตัวตนและวิถีชีวิต แต่ PYMK ดึงคนดูด้วยหัวข้อเรื่องโดยตรง" ฟาโรสขยายความ "ถ้าหน้าปกเป็น จอห์น เอฟ. เคนเนดี เราอาจจะได้ผู้ฟังหน้าใหม่ที่ไม่เคยดูรายการเรามาก่อนเลยเข้ามา ซึ่งเรายินดีต้อนรับมากๆ"
แต่ทั้งนี้ การเข้ามาของผู้ชมหน้าใหม่ ก็นำมาซึ่งความท้าทาย ที่จะสื่อสารถึงตัวตนของฟาโรสและรายการ
"เขาอาจจะไม่เข้าใจแกรมม่าของช่องเรา เช่น ทำไมคนผมสั้นถึงพูด ‘ค่ะ’ หรือทำไมถึงเล่าเรื่องบุคคลสำคัญด้วยท่าทีตลกขบขัน ซึ่งต่างจากแฟนคลับดั้งเดิมที่เข้าใจสไตล์ของเราอยู่แล้ว
แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาเลย เรามองว่าเป็นโอกาสให้ได้สื่อสารกับคนหลากหลายกลุ่มมากขึ้น และเราก็เคยได้รับฟีดแบคจากคุณป้าอายุ 70 กว่า ที่ตอนแรกไม่เข้าใจ แต่พอดูไปเรื่อยๆ ก็กลายเป็นแฟนคลับ นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่าการเรียกแขกของเรามันได้ผล"
รายการที่ "คนดู" รัก "สปอนเซอร์"
หนึ่งในความสำเร็จที่น่าทึ่งของช่องฟาโรส ในทุกรายการ คือการที่ "ชาวช่อง" (ชื่อเรียกกลุ่มแฟนๆ ของฟาโรส) เปิดใจยอมรับและสนับสนุนสปอนเซอร์เป็นอย่างดี ซึ่งฟาโรสมองว่านี่คือของขวัญที่ล้ำค่าที่สุด
"แน่นอนว่าไม่มีใครชอบดูโฆษณา แต่การที่เราสามารถทำโฆษณาให้อยู่ในพื้นที่ที่เขารักและยอมรับแบรนด์เข้าไปด้วยได้ เราถือเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง" ฟาโรสกล่าว
และเสริมถึงแนวคิดที่ยึดถือ ว่า "เราไม่ได้ยัดเยียดสปอนเซอร์ลงไปเฉยๆ แต่เราใช้การเล่าเรื่องเพื่อหาจุดสมดุลที่ทุกฝ่ายจะมีความสุข"
แต่กว่าจะเจอจุดที่ลงตัวนี้ ฟาโรสยอมรับว่าใช้เวลานานและอาศัยประสบการณ์
"มันคือการค่อยๆ เรียนรู้ มีการลองหยั่งเชิงแล้วพบว่าแบบนี้อาจจะเยอะไป เราก็กลับไปคุยกับลูกค้า ซึ่งโชคดีที่สปอนเซอร์ของเราเปิดรับฟังและให้เกียรติการตัดสินใจของเรา เพราะเราคือคนที่รู้จักผู้ชมของเราดีที่สุด มันคือการดูแลทั้งฝั่งคนดูและฝั่งลูกค้าไปพร้อมๆ กัน"
ทำงาน-คิดงานสไตล์ 'คุณแดง'
เมื่อถามถึงเบื้องหลังความคิดสร้างสรรค์ที่ดูเหมือนจะไม่มีวันหมด รวมถึงสไตล์การทำงานของฟาโรส หรือ 'คุณแดง' ของชาวช่องทั้งหลาย ฟาโรสตอบอย่างมั่นใจว่า
"เรื่องคิดงานไม่ออก ไม่เคยเกิดขึ้นค่ะ ฟาเป็นคนคิดงานเก่งมาก (หัวเราะ) ปัญหาจริงๆ คือไม่มีเวลาทำมากกว่า โชคดีที่เรามีทีมงานที่เก่งมากๆ คอยรับโจทย์ไปพัฒนาต่อให้มันเกิดขึ้นจริง"
ส่วนเทคนิคในการคิดงาน ขณะที่หลายคนอาจตันไอเดีย คิดงานไม่ออก เมื่อถามถึงเทคนิคว่า ถ้าเจอปัญหานี้
คำตอบนั้นเรียบง่ายมาก เพียงแค่ 'การนอน'
"(สมองจะแล่น) ตอนที่นอนเยอะๆ แล้วก็กินของที่อยากกิน ส่วนมากถ้าได้พักผ่อนเต็มที่ ความคิดมันจะมาเอง"
..แล้ว Work-Life Balance ล่ะ?
"ไม่มีค่ะ!" คำตอบสวนมาทันที ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า ไม่ใช่แนวทางที่ดีเท่าไร
"เป็นปัญหาเหมือนกันเพราะเป็นคนบ้างาน แต่ก็พยายามปรับตัวและเข้าใจว่าทีมงานทุกคนต้องการสมดุลในชีวิต ตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะ มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ให้ตัวเอง แต่เอาเข้าจริงมันหยุดคิดไม่ได้หรอก พอคิดอะไรออกตอนวันหยุด ก็ต้องจดเก็บไว้ แล้วห้ามใจตัวเองว่าอย่าเพิ่งบอกทีมตอนนี้... เดี๋ยววันจันทร์ค่อยว่ากัน" ฟาโรสเอ่ยทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้ม







