'หมดหนี้ มีสุข' ถอดรหัส 4 โมเดลชุมชนสู่ทางออกหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน

'หมดหนี้ มีสุข' ถอดรหัส 4 โมเดลชุมชนสู่ทางออกหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน

ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังสั่นคลอน "หนี้ครัวเรือน" กำลังกลายเป็นภาระหนักอึ้งที่กัดกินความสุขของครอบครัวไทย "การไม่มีหนี้" คือแสงแห่งความหวังและหนทางแห่งความสุข แต่จะสุขยิ่งขึ้นหากไม่มีหนี้และยังสร้างรายได้เพิ่มไปพร้อมๆ กันได้

ขณะที่หลายคนกำลังท้อแท้และสิ้นหวังเรื่อง หนี้ครัวเรือน อยู่นั้น กลับมี "ฮีโร่ชุมชน" สร้างบทเรียนความสำเร็จในการ ปลดหนี้ จากทั่วไทยที่อาจใช้เป็นบทเรียนในการนำไปประยุกต์ใช้มาถอดรหัสเคล็ดลับความสำเร็จของหลากหลายพื้นที่ในการลุกขึ้นมาสร้างกลไก แก้หนี้ แก้จน ด้วยตัวเอง จากเสวนา "เศรษฐกิจพอเพียงกับการแก้หนี้ครัวเรือน" ในเวที สานพลัง สร้างนวัตกรรม สู่สุขภาวะชุมชนที่ยั่งยืน ปี 2568 ภายใต้วาระ พลังชุมชนท้องถิ่นอภิวัฒน์ระบบสุขภาวะประเทศ เป็นอีกเวทีเสวนาที่เราจะสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานแบบองค์รวมที่มอง ปัญหาหนี้ เป็นเรื่องของทุกคนในชุมชน

'หมดหนี้ มีสุข' ถอดรหัส 4 โมเดลชุมชนสู่ทางออกหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน

บ้านกอสะเลียม จ.เชียงใหม่ รวมหนี้ซ้ำซ้อน-ยืดเวลา-ลดดอกเบี้ย

วสันต์ สอาดบุญเรือง ที่ปรึกษาศูนย์จัดการกองทุนบ้านกอสะเลียม จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์ที่ชาวบ้านมีหนี้ซ้ำซ้อนจากหลายแหล่งกู้ยืมในชุมชนจนต้องหันไปพึ่งพา หนี้นอกระบบ  ศูนย์จัดการกองทุนบ้านกอสะเลียม จึงใช้วิธีรวมหนี้ แก้ปัญหาซ้ำซ้อนด้วยหลักธรรมาภิบาล ในการเจรจาแก้ไขหนี้ จะมีการพูดคุยปรึกษาหารือร่วมกัน เพื่อให้ลูกหนี้ได้รับประโยชน์สูงสุด โดยที่เจ้าหนี้ก็ไม่เดือดร้อน

"ปัจจุบันชาวบ้านมีทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบ สาเหตุเกิดจากในชุมชนมีกลุ่มองค์กรทางการเงินหลายกลุ่มที่มีระเบียบแตกต่างกัน ทำให้สมาชิกบางคนเป็นหนี้จากหลายแหล่ง"

ทั้งนี้ ทางแก้ไขของพวกเขาคือการจัดตั้ง "ศูนย์จัดการกองทุนชุมชน" เพื่อเป็นตัวกลางในการแก้ปัญหา ที่มี 4 องค์ประกอบหลักคือ สมาชิก คณะกรรมการ กิจกรรม และระเบียบ พร้อมบูรณาการข้อมูลหนี้สิน โดยการรวบรวมข้อมูลกองทุนชุมชนและข้อมูลภาระหนี้สินทั้งหมดของสมาชิกเพื่อนำมาวิเคราะห์และวางแผนแก้ไข อีกทั้งมีการใช้กลยุทธ์ 3 ประสาน ได้แก่

  1. รวมหนี้ ทางศูนย์จะรับบทบาทผู้ช่วยบริหารจัดการด้านหนี้ โดยจากที่บางครัวเรือนมีหนี้ถึง 7-8 สัญญา ศูนย์ฯ จะรวบรวมให้เหลือเพียงสัญญาเดียว
  2. ยืดระยะเวลาผ่อนชำระ เพื่อช่วยให้ลูกหนี้มีเวลาหายใจและผ่อนจ่ายได้ตามกำลัง เช่น จากเดิมเดือนละ 10,000 บาท เหลือ 2,000-3,000 บาท
  3. ลดอัตราดอกเบี้ย ลดภาระดอกเบี้ยที่สูงเกินจริงโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ปรับให้สอดคล้องกับศักยภาพการชำระหนี้ของลูกหนี้

วสันต์ เน้นย้ำว่า การแก้หนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของบุคคล แต่เป็นวาระทางสังคมร่วมกัน ซึ่งหากลดหนี้สินครัวเรือนได้ จะไปเชื่อมโยงกับนโยบายระดับประเทศในเรื่องการลดการเหลื่อมล้ำ ซึ่งต้องเริ่มที่การวางแผนตั้งแต่ระดับชุมชนไปถึงอำเภอ

"แก้หนี้ครัวเรือนต้องแก้ที่ต้นตอ แต่หากเราไม่ร่วมมือ ไม่มีส่วนร่วมในการเข้ามาร่วมแก้ก็จะไม่สามารถทำให้ปัญหาคลี่คลายได้ยั่งยืน" วสันต์ กล่าว

ธรรมนูญ 9 ดี ปลดหนี้สร้างภูมิคุ้มกัน ที่ โคกกลาง จ.บุรีรัมย์ 

"เราเป็นนายกบ้านนอกที่อยากให้ชาวบ้าน หมดหนี้เจริญ สุวิบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกกลาง ลำปลายมาศ บุรีรัมย์ เผยความในใจของตนเอง ที่สะท้อนเจตนาอันแน่วแน่ในการแก้ปัญหาหนี้ภาคเกษตร ที่เขาค้นพบว่าเป็นสัดส่วนใหญ่ถึง 44% ของหนี้ครัวเรือนในพื้นที่ ชาวบ้านส่วนใหญ่มีปัญหาความยากจนและหนี้สิน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของราคาพืชผลที่ไม่แน่นอนและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น

"ในฐานะเราเป็นเกษตรกรเราเห็น ปัญหาเรื่องหนี้ ของพี่น้องในชุมชน อยู่กับความจนมาช้านาน ไปที่ไหนพูดแต่เรื่องความจน ไม่มีใครพูดเรื่องความรวยให้ได้ยิน แล้วพอรัฐมีโครงการมา เหมือนประชาชนจะรวยขึ้นเป็นเจ้าของเงิน อย่างเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เหมือนได้เป็นคนบริหารเงินด้วยตนเอง แต่เวลาผ่านไปสิบปีกว่า สรุปสถานการณ์หนักกว่าเก่า เขาบอกโอกาสและความรู้ที่ชาวบ้านมีกลายเป็นการขยายโอกาสการเป็นหนี้มากขึ้น เรามาคิดว่าอยากให้หมดปัญหา หมดหนี้แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร"

จุดเริ่มปลดหนี้ของ "เจริญ สุวิบูลย์" จึงได้เริ่มโดยการนำ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นหลักในการ ปลดหนี้ และผนวกเข้ากับ "ธรรมนูญหมู่บ้านสันติสุข 9 ดี" ของผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ มาเป็นแนวทางโดยมีหัวใจสำคัญคือการสร้าง "คนดี" และสร้าง "ปัญญา" พร้อมเน้นย้ำการพึ่งพาตนเอง

"เรามาถอดบทเรียน สามห่วง สองเงื่อนไข ได้พบว่า ที่เราจน จนเพราะหนี้ 1,200 ครัวเรือน พบหนี้อันดับหนึ่งอยู่ใกล้ตัว หนี้ครัวเรือน ภาคเกษตร 44% ใครจะไปคิดฝันว่าการศึกษาจะทำให้ครอบครัวเป็นหนี้ ความอยากให้ลูกเป็นเจ้าคนนายคน มีการศึกษา"

เจริญ เชื่อว่า การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่การอยู่แบบพึ่งพาตนเองได้จะทำให้เรามีความสุข และการพึ่งพาตนเอง รวมถึงการพึ่งพากันเองในสังคม คือหัวใจสำคัญตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

"เราเชื่อว่า ถ้าคนบุรีรัมย์จะหมดหนี้ต้องเป็นคนดีให้ได้ ธรรมนูญหมู่บ้านสันติสุข  9 ดี จึงเป็นสิ่งที่เรานำมาขับเคลื่อนเป็นนโยบายตำบล สร้างให้คนเป็นคนดี สร้างคนมีปัญญามาเชื่อมเป็นนโยบายขับเคลื่อนของท้องถิ่น" เจริญ กล่าว

กองทุนหมู่บ้านบ้านสายติน นครศรีธรรมราช กู้ได้แม้ไม่มีหลักประกัน 

กองทุนหมู่บ้าน บ้านสายติน ต.ขอนหาด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ถือเป็นต้นแบบของชุมชนที่เข้มแข็งใน 5 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และการปกครอง พวกเขามีกลไกที่น่าสนใจในการจัดการ หนี้ครัวเรือน

พิเชษฐ แทนโป ประธานกองทุนหมู่บ้าน กล่าวว่า ปัญหาหนี้ในชุมชนเกิดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทางกองทุนฯ จึงสร้างกลไกสไตล์บ้านสายติน คือการให้สมาชิกกู้ยืมเงินได้โดย "ไม่มีหลักประกัน" จากแหล่งทุนหลากหลายในชุมชน โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือสมาชิกต้องเขียนโครงการที่ชัดเจนว่าจะนำเงินไปใช้ทำอะไร และจะเกิดประโยชน์อย่างไร ซึ่งจะได้เป็นการสร้างวินัยทางการเงินและความรับผิดชอบในตัวลูกหนี้เอง อีกเคล็ดไม่ลับของการจัดการหนี้ คือทำให้ทุกคน "เข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย" โดยในชุมชนจึงมีกองทุนหลายรูปแบบ เช่น กองทุนหมู่บ้าน กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มสตรี กลุ่มทอผ้า ธนาคารขยะ เป็นต้น โดยเฉลี่ยแล้ว สมาชิกสามารถกู้ได้ประมาณ 30,000 บาทต่อหนึ่งกองทุน

พิเชษฐ ยกตัวอย่างความสำเร็จของการดำเนินการ นั่นคือมีสมาชิกที่กู้เงินไปซื้อแม่วัวเพื่อเพาะพันธุ์ ซึ่งสามารถสร้างลูกวัวได้ปีต่อปี และช่วยให้ลดหนี้หรือปลอดหนี้ได้ ขณะเดียวกันกองทุนฯ ยังสร้างกลไกประกันความเสี่ยง เพราะผู้กู้จะต้องเป็นสมาชิกของกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ของอำเภอด้วย ซึ่งเป็นกลไกที่ช่วยประกันความเสี่ยงให้กับกองทุนและสมาชิก โดยหากสมาชิกเสียชีวิตเงินจากกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์จะช่วยรับผิดชอบภาระหนี้ ทำให้ทายาทไม่ต้องรับภาระต่อ

เครดิตยูเนี่ยนเขาล้าน ประจวบคีรีขันธ์กับเทคนิควิเคราะห์ลูกหนี้แบบเจาะลึก

"ปัญหาสำคัญที่ก่อหนี้ในชุมชนคือการเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้สมาชิกมีกำลังในการชำระหนี้ลดลง" เสียงบอกกล่าวจาก วิชยานันท์ มูลมาก ประธานเครดิตยูเนี่ยน อพป.บ้านมะเดื่อทอง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ เพื่อคลี่คลายปัญหาดังกล่าว ทางเครดิตยูเนี่ยนแห่งนี้จึงจัดตั้ง "คลินิกจัดการหนี้" ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือสมาชิก ฟื้นฟูสภาพคล่องอย่างเข้าใจ ด้วยการวิเคราะห์ และแยกกลุ่มประเภทของลูกหนี้ เพื่อวางแผนส่งเสริมอาชีพให้ตรงจุด และจัดหาอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเดิม ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาแบบเฉพาะเจาะจงที่เข้าถึงความต้องการของลูกหนี้แต่ละคนอย่างแท้จริง พร้อมกับการปรับโครงสร้างหนี้และส่งเสริมรายได้ ยังมีการเสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ขยายเวลาการผ่อนชำระ หรือลดดอกเบี้ย อีกทั้งมีโครงการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ที่ช่วยให้สมาชิกสามารถตัดเงินต้นได้ แม้จะชำระในจำนวนเงินที่ไม่มาก แต่ก็ทำให้ดอกเบี้ยลดลงตามไปด้วย

แรงหนุนอีกด้านหนึ่งคือยังส่งเสริมอาชีพที่หลากหลาย เช่น การทำเกษตรกร การปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ หรือค้าขาย เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิก คณะกรรมการจะลงพื้นที่พูดคุยกับสมาชิกเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและความเป็นจริงของ ปัญหาหนี้สิน เช่น ปัญหาหนี้นอกระบบที่ต้องจ่ายรายวัน การพูดคุยนี้ช่วยนำไปสู่การวางแผนและช่วยเหลือได้อย่างตรงจุด ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการแลกเปลี่ยนสื่อสารตรงเพื่อทำความเข้าใจ แก้ปัญหาในส่วนที่ติดขัด

ปัจจุบันเครดิตยูเนี่ยน อพป.บ้านมะเดื่อทอง มีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 180 ล้านบาท และมีสมาชิกกว่า 3,000 คน ซึ่งรายได้หลักมาจากดอกเบี้ย นอกจากนี้สมาชิกยังได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผลจากการสะสมหุ้น และเงินเฉลี่ยคืนหากชำระหนี้ตรงเวลา

จากข้างต้น ไม่เพียงการได้เห็นทางเลือกในการปลดหนี้ 4 บทเรียนจาก 4 พื้นที่ดังกล่าว แต่ยังสะท้อนถึงหนทาง แก้หนี้ ที่ต้องอาศัยความร่วมมือของชุมชนที่เข้มแข็ง ถือเป็นแกนหลักสำคัญทั้งในการสร้างองค์ความรู้เรื่องการวางแผนการเงินอย่างรัดกุม ไปพร้อมกับการให้โอกาสในการสร้างรายได้เสริมและพัฒนาอาชีพ