ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025

“ความหลากหลายทางเพศ” คือหนึ่งในประเด็นน่าสนใจของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025 “กัลปพฤกษ์” คัดเลือก หนัง LGBTQ+ น่าสนใจจากสายการประกวดต่าง ๆ มาให้ลองชมกัน 15 เรื่อง

KEY

POINTS

  • เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025 โดดเด่นด้วยการนำเสนอภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) จากหลากหลายประเทศและวัฒนธรรม
  • ภาพยนตร์ที่ได้รับการแนะนำมีเนื้อหาครอบคลุมหลายมิติ ทั้งเรื่องราวของเกย์ เลสเบี้ยน คนข้ามเพศ และไบเซ็กชวล ในบริบทที่แตกต่างกันไป
  • หนัง LGBTQ+ หลายเรื่องประสบความสำเร็จและได้รับรางวัลสำคัญ เช่น "The Little Sister" จากฝรั่งเศสที่คว้ารางวัล Queer Palm และภาพยนตร์ไทยเรื่อง "ผีใช้ได้ค่ะ" ที่ได้รับรางวัลในสาย Critics’ Week
  • ภาพยนตร์เหล่านี้เจาะลึกประเด็นทางสังคมที่ซับซ้อน เช่น การต่อสู้เพื่อสิทธิครอบครัว ความขัดแย้งกับความเชื่อทางศาสนา และการสะท้อนอคติในสังคม

อีกหนึ่งปรากฏการณ์ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 78 ประจำปี 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา คือเนื้อหาเรื่องราวที่กล่าวถึงความหลากหลายทางเพศของผู้คนร่วมสมัยในหนังสายต่าง ๆ ซึ่งคัดกันมาอย่างแน่นขนัด จัดกันแบบเน้น ๆ ทำให้เห็นภาพชีวิตตัวละคร LGBTQ+ จากหลายประเทศหลากวัฒนธรรม โดยขอเลือกมาแนะนำให้ได้ลองหาโอกาสชมกันสัก 15 รายชื่อ ดังนี้

1.THE LITTLE SISTER

กำกับโดย Hafsia Herzi (ฝรั่งเศส) สายประกวดหลัก-รางวัล Queer Palm

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025

 

ขอเริ่มด้วยหนังยาวที่ได้รับรางวัล Queer Palm สำหรับงานที่มีประเด็น LGBTQ+ ยอดเยี่ยมประจำเทศกาลในปีนี้ ได้แก่หนังสายประกวดจากฝรั่งเศสเรื่อง The Little Sister ผลงานการกำกับโดย Hafsia Herzi นักแสดงหญิงที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับ ซึ่งนอกจากหนังจะได้รับรางวัล Queer Palm ประจำเทศกาลในปีนี้ไป นักแสดงนำหญิงคือ Nadia Melliti ก็ยังคว้ารางวัลใหญ่ “การแสดงยอดเยี่ยมโดยนักแสดงหญิง” ในสายการประกวดหลักไปครองอีกด้วย

Nadia Melliti รับบทบาทเป็น Fatima น้องสาวคนเล็กของครอบครัวมุสลิมเคร่งศาสนา ผู้ค้นพบว่าตัวเองเป็นเลสเบี้ยนแซฟฟิคที่ชอบผู้หญิงด้วยกัน นำไปสู่ปัญหาคาใจว่าเธอจะเปิดเผยต่อครอบครัวอย่างไร ว่าจะไม่แต่งงานกับผู้ชาย ในขณะที่เธออายุได้ 17 ปี และมีโอกาสได้เผชิญชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยใจกลางกรุงปารีสเป็นครั้งแรก

หนังสอดแทรกทรรศนะของชนมุสลิมในฝรั่งเศสที่มีต่อกลุ่มคนหลากหลายทางเพศว่าก็ไม่ได้ก้าวทันตามโลกตะวันตกสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อ Fatima แอบไปสารภาพบาปกับโต๊ะอิหม่ามที่ไม่รู้และไม่เข้าใจเลยว่าพฤติกรรมเช่นนี้หาเป็นเรื่องผิดบาปไม่ พวกเขายังสามารถมีศรัทธาต่อองค์อัลเลาะห์โดยสมบูรณ์ได้ แถมโต๊ะอิหม่ามยังให้กำลังใจ Fatima แบบผิด ๆ ว่า อันกามาระหว่างสตรีกับสตรี อย่างน้อย ๆ ก็มีโทษฐานที่เบากว่ากรณีชายกับชาย!

2.THE HISTORY OF SOUND

กำกับโดย Oliver Hermanus (สหรัฐอเมริกา) สายประกวดหลัก

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025

หนังเกย์อเมริกันย้อนยุคที่หลาย ๆ คนมักนำไปเปรียบเทียบกับ Brokeback Mountain (2004) ทั้ง ๆ ที่เน้นเล่าเรื่องราวคนละมิติมุมกัน เนื้อหาดัดแปลงมาจากเรื่องสั้น The History of Sound (2024) ของ Ben Shattuck เล่าเรื่องราวความรักระหว่างสองหนุ่ม Lionel และ David โดยฝ่ายแรกเป็นศิษย์ด้านการขับร้องเพลงพื้นบ้านอเมริกัน ณ Boston Music Conservatory จากรัฐเคนตักกี้ ในขณะที่ David ร่ำเรียนด้านการประพันธ์ดนตรีอยู่ที่เดียวกัน

ปี 1920 เมื่อ David ผันตัวมาเป็นอาจารย์ เขาได้ไหว้วานให้ Lionel เดินทางไปเป็นเพื่อนเขาลัดเลาะป่าเขาบนเกาะเมนเพื่อหอบเครื่องอัดและเล่นแผ่นเสียงโบราณไปบันทึกสุ้มเสียงการขับขานบทเพลงพื้นถิ่นก่อนที่มันจะสูญหายไป

เมื่อได้อยู่ด้วยกันตามลำพังทั้งคู่ก็เปิดเผยความในใจว่าต่างฝ่ายต่างพิสมัยในกันและกัน ใช้ช่วงเวลาแห่งวันชื่นคืนสุขนั้นทำให้เกาะเมนเป็นดั่งสรวงสวรรค์ ก่อนที่พวกเขามีอันต้องพลัดพราก เป็นปฐมบทแห่งการจากลาที่จะย้อนกลับมาทำร้ายจิตใจทุกครั้งที่จะต้องกล่าวว่า “ขอลาไปก่อน”!

ผู้กำกับแอฟริกาใต้ Oliver Hermanus เล่าเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างแสนอ่อนโยน โดยเฉพาะสำเนียงและโทนดนตรีท้องถิ่นที่ถ่ายทอดกลิ่นอายผ่านสายตาของคนนอกพื้นที่ นักแสดงนำ John Mescal และ John O’Connor ก็นำเสนอตัวละครได้อย่างเป็นธรรมชาติดี ชวนให้คนดูมีอารมณ์ความรู้สึกร่วมกับทุก ๆ ความเจ็บปวดที่พวกเขาต้องเผชิญ!

3.FUORI

กำกับโดย Mario Martone (อิตาลี-ฝรั่งเศส) สายประกวดหลัก

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025

มีหนังรักเกย์ไปแล้วหนึ่งเรื่อง สายประกวดหลักก็คงต้องต่อเนื่องความเท่าเทียมกันด้วยหนังรักเลสเบี้ยนกันบ้าง งานสร้างของผู้กำกับอิตาเลียนรุ่นใหญ่ Mario Martone ซึ่งเข้าใจว่าไม่เคยทำหนังที่ใช้ตัวละคร LGBTQ+ เป็นตัวละครเดินเรื่องหลักมาก่อน

หนังย้อนเวลากลับไปในช่วงปี 1980 หลังจากที่ Goliarda Sapienza (แสดงโดย Valeria Golino) ว่าที่นักเขียนหญิงชื่อดัง กำลังถูกปฏิเสธการจัดพิมพ์นวนิยายเล่มเขื่องเรื่อง The Art of Joy (1998) ว่าด้วยการปลดปล่อยทุกพันธนาการทางเพศของสตรีซิซิลีในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 แล้วต่อเนื่องความฉิบหายด้วยการย้ายไปอยู่ในเรือนจำเพราะดันไปจารกรรมเครื่องเพชรจนต้องระเห็จเข้าซังเต

ที่นี่เองที่เธอค้นพบความเป็นเกย์ในตัว มั่วสุมจับกลุ่มกันกับชมรมนักโทษเลสเบี้ยนในทัณฑสถาน และแม้จะผ่านพ้นโทษออกมาก็ยังครองรักกับคู่ขาหญิงอย่าง Roberta (แสดงโดย Matilda de Angelis) นักกิจกรรมหัวก้าวหน้า ท้าทายกรอบเกณฑ์สังคมในยุคนั้น ที่การรักชอบเพศเดียวกันมันยังถือเป็นสิ่งผิดปกติ!

แม้จะเป็นสิ่งดีที่ผู้กำกับอิตาลี Mario Martone จะหันมาลองทำหนังเล่าชีวิตนักเขียน bisexual ในโลกแห่งความเป็นจริงดูบ้าง แต่หนัง queer ที่สร้างโดยผู้กำกับ ‘ชายแทร้’ เรื่องนี้ ก็ยังถูกโจมตีว่ามีมุมมองของความเสน่หาในเรือนกายสตรีที่เรียกกันว่า male gaze อย่างชัดเจนจนเกินไป จนไม่ได้เข้าใจความสัมพันธ์อันล้ำลึกระหว่างตัวละครทั้งสอง เพราะมัวแต่มองไปที่สรีระ!

4.HONEY DON’T

กำกับโดย Ethan Coen (สหรัฐอเมริกา-สหราชอาณาจักร) สาย Midnight Screening

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025

ผู้กำกับ Ethan Coen เขาหันมาออกอัลบั้มเดี่ยวแยกจากพี่ชาย Joel Coen มาได้สักพัก ล่าสุดอยากจะหันมาเอาดีในการเป็นนักทำหนังเกรดบีลีลาเดียวกันเลยกับผู้กำกับสายคัลท์อย่าง Russ Meyer นำเสนอเป็นหนังเลสเบี้ยนไตรภาค

ประเดิมด้วยเรื่องแรก Drive-Away Dolls (2024) เกี่ยวกับเลสเบี้ยนผู้กระหายแท่งดิลโด้ซึ่งโม’ มาจากลำลึงค์ของท่านวุฒิสมาชิกในสภาฯ แล้วมาต่อด้วย Honey Don’t ซึ่งนำแสดงโดยดาราสาวดาวรุ่ง Margaret Qualley เหมือนกัน แต่เรื่องนี้เธอหันมารับบทเป็น Honey O’Donahue นักสืบสาวที่เข้ามาดูแลเงื่อนงำคดีอุบัติเหตุปริศนาซึ่งคร่าชีวิตสตรีวัยกลางคนคนหนึ่งไปในขณะขับขี่ยวดยาน ซึ่งเบาะแสต่าง ๆ สามารถสานโยงไปยังพฤติกรรมของบาทหลวง ณ โบสถ์ท้องถิ่นลึกลับ สลับกับเรื่องราวส่วนตัวของนางที่ไม่อาจละวางโอกาสในการมีความสัมพันธ์กับสาว ๆ ด้วยกันได้ เป็นสายสืบเลสเบี้ยนที่เปรี้ยวซ่าเกินใคร ๆ

แม้ว่าสุดท้ายแล้วหนังก็อาจจะดู ‘สะอาด’ เกินไป ไม่สามารถสะท้อนโลกอันจัญไรในแบบที่หนังคัลท์อะไรเทือก ๆ นี้ควรจะตีแผ่ให้เห็น!

5.THE WAVE

กำกับโดย Sebastián Lelio (ชิลี) สาย Cannes Premiere

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025

นับเป็นหนังแห่ง ‘เพื่อนพลังหญิง’ ที่แท้ทรู ผลงานใหม่ของผู้กำกับ Sebastián Lelio ที่เคยทำให้หนัง queer ผู้หญิงข้ามเพศ อย่าง A Fantastic Woman (2017) ติดโผหนังรางวัลออสการ์สาขาภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมกันมาแล้ว

คราวนี้เขากลับมาพร้อม The Wave หนังเพลงแนวสะท้อนสังคม นำเอาเหตุการณ์ประท้วงของปวงนักศึกษาหญิงด้วยอุดมการณ์ feminist พร้อมติด hashtag #MeToo ต่อสู้กับการกดขี่ทางเพศ เมื่อฝ่ายชายทำทุเรศล่วงเกินพวกเธอตลอดเวลา ทว่ากลับได้ดิบได้ดีมีผู้ใหญ่คอยปกป้องคุ้มครอง!

และแน่นอนกลุ่มผู้ประท้วงที่ออกมาร้องเพลงและเต้นรำ ก็มีเพื่อนกะเทยและหญิงข้ามเพศทำหน้าที่คอยให้กำลังใจ เดินเรื่องผ่านตัวละครนักศึกษาหญิงวัยรุ่นนาม Julia ที่เสียตัวให้กับผู้ช่วยสอนด้านการขับร้องเพศชาย โดยเธอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการสมยอมแบบ 100%

หนังเล่นใหญ่ทั้งฉากการร้องและเต้น เน้นความอลังการไปทั่วทั้งอาคารและลานกลางมหาวิทยาลัย ในขณะที่ประเด็นก็อาจจะถูกวิจารณ์ได้ว่ามันเก่าเชยเกินไปแล้วไหม กับการลุกขึ้นมาโวยวายเรียกร้องอะไรอย่างตรงมาตรงไปแบบนี้!

6.THE MYSTERIOUS GAZE OF THE FLAMINGO

กำกับโดย Diego Céspedes (ชิลี-ฝรั่งเศส-เยอรมนี-สเปน-เบลเยียม) สาย Un Certain Regard

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025

น่ายินดีที่หนังชนะเลิศรางวัล Un Certain Regard Award ประจำปีนี้ เป็นหนังสุดเควียร์จากชิลีเรื่อง The Mysterious Gaze of the Flamingo เล่าเรื่องราวการเติบโตของ Lidia จากวัยเด็กสู่วัยแรกสาวเรียนรู้การก้าวข้ามความตื่นตัวทางเพศในเขตเหมืองร้างทางตอนเหนือของชิลี

แต่ครอบครัวของเธอไม่ได้มีสมาชิกเพียง พ่อ-แม่-ลูก แบบทั่ว ๆ ไป เพราะ Lidia เป็นบุตรบุญธรรมที่เติบโตมาในสมาคมชมรมกะเทยแต่งหญิงประจำเมือง ในช่วงปี 1982 ที่ความหวาดกลัวเรื่องการแพร่ระบาดของโรค AIDS กำลังตั้งไข่ ยามที่ทุกคนเข้าใจว่ามันติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสชิดใกล้ระหว่างชายกับชาย โดยเฉพาะกลุ่มรักร่วมเพศทั้งหลายที่ไม่ควรย่างกรายเข้าไปอยู่ใกล้ ทั้ง Lidia และครอบครัวของเธอจึงต้องใช้ชีวิตกันท่ามกลางอคติเกลียดชัง แถมยังต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในสมาคมของพวกเธอจริง ๆ!

หนังย้อนเวลาไปเล่าถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในคืนวันที่ยังไม่ใคร่มีคนรู้ว่าเชื้อ HIV มันติดต่อกันอย่างไร และทำไมสาวน้อย Lidia จึงยังคงเป็นกลุ่มปลอดภัยเมื่อหัวใจเธอเริ่มหวั่นไหวให้กับชายหนุ่มในวัยเดียวกัน!

7.PILLION

กำกับโดย Harry Lighton (สหราชอาณาจักร) สาย Un Certain Regard

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025

มันคือ ‘จำเลยรัก’ ฉบับชายเกย์ใส่ชุดหนังขี่ Harley-Davidson ดัดแปลงจากงานวรรณกรรมนวนิยายเรื่อง Box Hill (2020) ของ Adam Mars-Jones เมื่อนักร้องหนุ่มหงิม Colin (แสดงโดย Harry Melling) โดนหนุ่มสิงห์มอเตอร์ไซค์สุดหล่ออย่าง Ray (แสดงโดย Alexander Skarsgård) ตกเข้าให้

และต้องนับว่า ‘ส้มหล่น’ ขนาดไหน ที่ทั้งคู่เจอกันตอนที่ Ray กำลัง ‘เหงาใจ’ นัดหมาย Colin ให้มาพบกันใหม่ เพื่อจะได้แอบมาทำรักด้วยปากให้เขานอกสถานที่ เมื่อเสร็จสมแล้ว Colin ก็ชักจะระริกระรี้คิดว่า Ray คงมีใจ คอยเซ้าซี้จน Ray รำคาญ อนุญาตให้ Colin ย้ายเข้ามาอยู่ใต้ชายคาบ้านเดียวกันได้ โดยมีข้อแม้วางไว้เพียงแค่ข้อเดียวว่า Colin จะไม่มีสิทธิ์ปริปากเรียกร้องอะไร ความสัมพันธ์นี้ Ray จะต้องเป็นฝ่ายคุมเกมทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น!

เราลองมาลุ้นดูกันว่า Colin จะเป็นฝ่าย ยอม ย้อม ยอม ยอม แล้วก็ยอม ไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่ แลกกับการได้ Ray มาเป็นคู่ขา หนุ่มหล่อที่ใคร ๆ ต่างก็จ้องกันตาเป็นมัน ราวเป็นเทวดาจากสรวงสวรรค์ผู้ดลบันดาลความหฤหรรษ์แห่งกามารมณ์!

หนังขยี้ปมเงื่อนไขพิศวาสข้อนี้ หนักกว่าหนังหรือละครของ พิศาล อัครเศรณี อุดมไปทั้งห้วงอารมณ์และความ sexy ที่ไม่ค่อยจะพบเห็นในหนังเกย์จากฝั่งอังกฤษนัก

8.LOVE ME TENDER

กำกับโดย Anna Cazenave Cambet (ฝรั่งเศส) สาย Un Certain Regard

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025

หนังเลสเบี้ยนนักรักที่ดัดแปลงมาจากหนังสือเช่นกัน แต่คราวนี้เป็นวรรณกรรมภาษาฝรั่งเศสเรื่อง Love Me Tender (2020) ของ Constance Debré งานนิยายอัตชีวประวัติเล่าเรื่องของ Clémence มารดาที่ขอ ‘เท’ ชีวิตการแต่งงานกับสามี เพื่อหนีไปมีความสุขกับผู้หญิงตามรสนิยมจริงของเธอ โดยยังขอยืนยันว่าแม้จะเจอเส้นทางชีวิตใหม่

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเป็น ‘แม่ที่ดี’ ของบุตรชายไม่ได้ สงครามแย่งชิงสิทธิ์ในการดูแลทายาทระหว่าง Clémence กับอดีตสามี จึงทวีความรุนแรงกลายเป็นศึกใหญ่ ประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าถึงจะเป็นเลสเบี้ยนก็ยังเป็นแม่คนได้ หาใช่จะมีส่วนใดขาดตกบกพร่องลงไป ตราบใดที่เด็กชายยังคงพอใจในการใช้ชีวิตกับมารดา!

หนังค่อย ๆ นำเสนอภาวะที่เปลี่ยนแปลงไปของ Clémence ผ่านการแต่งกาย การทำกิจกรรมในท่าทีทะมัดทะแมงในแบบผู้ชาย และความเจ้าชู้ในการคบผู้หญิงหลากนางหลายหน้า เฉลิมฉลองเสรีภาพที่เธอเคยแสวงหาอย่างเต็มที่ จนบางครั้งก็ทำให้เธอเสียทีเกือบจะพลาดโอกาสในการดูแลบุตรชายไปด้วยความชะล่าใจ!

9.I ONLY REST IN THE STORM

กำกับโดย Pedro Pinho (โปรตุเกส-ฝรั่งเศส-บราซิล-โรมาเนีย) สาย Un Certain Regard

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025

มหากาพย์หนังโลกหลังอาณานิคมในแอฟริกา ความยาวปาเข้าไป 211 นาที ที่ชวนให้นึกถึงงาน post-colonial สุดเซอร์อย่าง Pacifiction (2022) ของ Albert Serra ว่าด้วยการเดินทางผจญภัยในประเทศกินี-บิสเซา ข้ามภูเขาทะเลทรายของ Sergio วิศวกรสิ่งแวดล้อมหนุ่มจากโปรตุเกสที่ต้องคอยตรวจสอบระบบนิเวศและความปลอดภัยรอบ ๆ การก่อสร้างถนนสายใหญ่เชื่อมผืนป่ากับทะเลทราย

เดินทางได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็บังเอิญไปพบกับสตรีท้องถิ่นผมทองผู้มีพฤติกรรมต้องสงสัย และกะเทยแต่งหญิงร่างใหญ่ผู้มีอัธยาศัยไมตรีต่อผู้ที่มาใหม่

หนังแฝงไว้ด้วยปริศนาอดีตแดนอาณานิคมอันลึกลับที่สามารถจับใจคนดูได้ตลอดความยาวกว่าสามชั่วโมงครึ่ง ที่น่าตื่นตะลึงที่สุดก็เห็นจะเป็นการเปิดเผยรสนิยมทางเพศของ Sergio ซึ่งโอเคที่จะขึ้นเตียงกับทั้งหญิงและชายในฐานะหนุ่ม bisexual อย่างหมดเปลือก ว่าพอใจจะเลือกท่วงท่าไหน อะไร กับใคร อย่างไร โดยไม่มีอาการมิดเม้น

นับเป็นงานแสนร่วมสมัยที่หันไปมองเรื่องราวในโลกอดีตจากสายตาของคนที่ใช้ชีวิตด้วยไลฟ์สไตล์ในแบบปัจจุบัน

10.CARAVAN

กำกับโดย Zuzana Kirchnerová (สาธารณรัฐเช็ก-สโลวาเกีย-อิตาลี) สาย Un Certain Regard

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025

หนังที่ได้รับแรงบันดาลใจสำคัญจากงานเล่าชีวิต ‘คนไร้เหย้า’ สุดอมตะอย่าง Vagabond (1985) ของ Agnès Varda ทว่าปรับมาเล่าชีวิตของ Ester-single mom วัย 45 ผู้มาพร้อม David บุตรชายวัย 15 ปีซึ่งมีอาการผิดปกติทางสมองตั้งแต่ตั้งท้อง ได้แต่ส่งเสียงร้องโดยไม่อาจพูดจาอะไรได้

Ester เดินทางจากเช็กไปเยี่ยมเพื่อนสนิทในอิตาลีพร้อมบุตรชาย และได้พบกับ Zuza เลสเบี้ยนสาวที่จะมาทำให้หัวใจของ Ester หวั่นไหว ผู้ชักชวนให้สองแม่ลูกมาร่วมอาศัยในรถคาราวานด้วยกัน แต่ปัญหาคือ Zuza ดันเป็น ‘รักแรก’ ของ David ที่ชีวิตกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นหมกมุ่นกับความเสน่หากามารมณ์ Ester จึงเป็นฝ่ายต้องข่มใจ เพราะชีวิตนี้เธอคงไม่อาจรักและเป็นห่วงใครได้เท่ากับหนุ่ม David ที่เธอยอมอุทิศทุกอย่างให้ ไม่ว่าอนาคตจะนำพาพวกเขาไปสู่สิ่งใดก็ตาม

11.ENZO

กำกับโดย Laurent Cantet และ Robin Campillo (ฝรั่งเศส-อิตาลี-เบลเยียม) สาย Directors’ Fortnight

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025 ข้ามมาที่สาย Directors’ Fortnight กับหนังใหม่ของคู่ผู้กำกับ Laurent Cantet และ Robin Campillo ที่ได้รับเลือกให้ฉายโชว์ในพิธีเปิดงาน

เป็นหนัง boys’ love แสนอ่อนหวาน ทว่าชวนให้ร้าวรานด้วยการนำเสนอแบบสมจริงไม่อิงนิยาย เล่าเรื่องราวของชายวัยรุ่นวัย 16 ปี นาม Enzo เติบโตมาในครอบครัวฐานะดีมีอันจะกิน หากเขากลับปรารถนาชีวิตแบบติดดิน เพราะไม่อินกับพฤติกรรมติดหรูติดแกลมใด ๆ แล้วทำตัวขบถด้วยการขอไปฝึกงานเป็นช่างก่อสร้าง แทนที่จะวางแผนเตรียมเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดัง!

และที่นั่งร้านไซต์งานก่อสร้างที่ Enzo ไปฝึกฝีมืออยู่ใกล้บ้าน เขาก็ได้พบกับเพื่อนคนงานจากยูเครนนาม Vlad ซึ่ง Enzo ไม่อาจหักห้ามใจไปตกหลุมรักได้ น่าเสียดายที่ Vlad เป็นชายแทร้ผู้มาพร้อมข้อแม้ว่าชอบได้แต่ห้ามมีอะไรกัน แล้วความสัมพันธ์ระหว่าง Enzo จะดำเนินไปอย่างไร ในขณะที่บ้านเกิดของ Vlad ก็ยังคงคุกรุ่นไปด้วยไฟสงคราม

หนังสะท้อนมิตรภาพที่งดงามระหว่างเกย์หนุ่มและเพื่อนชายแทร้ที่แม้ว่าจะไม่สามารถหันมาคบหากันเองได้ แต่ถ้าแต่ละฝ่ายเข้าใจว่าขอบเขตของความสัมพันธ์มันควรจะอยู่ที่ตรงไหน พวกเขาก็ยังสามารถจะเป็นเกลอคู่ใจต่อให้รสนิยมทางเพศจะแตกต่างกันขนาดไหนก็ตาม

12.KOKUHO

กำกับโดย Lee Sang-il (ญี่ปุ่น) สาย Directors’ Fortnight

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025 ความ queer ของหนังญี่ปุ่นย้อนยุคที่ไล่เล่าทุกรอบทศวรรษในชีวิตการทำงานของ Kikuo เด็กหนุ่มที่เติบโตมาในวงการนักแสดงคาบูกิ ตั้งแต่คริสต์ศักราช 1964 จนถึงหลังปี 2000

เรื่อง Kokuho นี้ คงอยู่ที่ศิลปะแห่งการแสดงเป็นตัวละครสตรีของนักแสดงชาย เพราะทุก ๆ รายล้วนเป็นชายรักหญิงที่สามารถแต่งงานและสืบสานวงศ์ตระกูลด้วยทายาท แม้บทบาทบนเวทีทุกกิริยาท่าทีจะมีแต่ความอรชรอ้อนแอ้นขนาดไหนก็ตาม

ความสามารถในการแสดงเป็นตัวละครข้ามเพศของทั้ง Kikuo และ Shunsuke สหายร่วมชะตากรรม ซึ่งต้องทำความเข้าใจในทุก ๆ จริตจะก้านของการเป็นสตรีก่อนที่จะสามารถเคลื่อนไหวสรีระร่างกายให้ดูเนียนได้ จะสะท้อนให้เห็นถึงศิลปะอันแยบคายในด้านการแสดง ที่ทุก ๆ ความรู้สึกไม่อาจจะเสแสร้ง แต่พวกเขาต้องแจ่มแจ้งในทุกภาวะแห่งการเป็นผู้หญิงจริง ๆ จึงจะสามารถบรรลุในสิ่งที่เรียกกันว่า ‘คาบูกิ’ ได้

13.KIKA

กำกับโดย Alexe Poukine (เบลเยียม/ฝรั่งเศส) สาย Critics’ Week

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025 มันคือหนังที่มาเพื่อที่จะสร้างความอื้อฉาว เล่าเรื่องราวของ Kika มารดาผู้กำลังตั้งครรภ์บุตรคนที่สอง หากต้องกลายเป็นหม้ายในเวลาอันฉับพลันเมื่อสามีของเธอดันมาเสียชีวิตลงก่อนเห็นหน้าลูกคนใหม่

เหตุการณ์นี้ทำให้ Kika เคว้งจนไม่รู้ว่าจะเดินหน้าต่ออย่างไร สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรก็ได้ เพื่อหาเงินก้อนใหญ่มาให้ครอบครัวเตรียมใช้อย่างเร็วไวที่สุด จนวันหนึ่ง Kika ก็แอบมุดเข้าไปในเว็บไซต์ใต้ดินอันเป็นแหล่งรวมผู้หญิงหากินซึ่งกำลังเรียกหาลูกค้าให้พวกเธอได้มาบริการ Kika จึงสมัครงานผ่านระบบ ยินดีนัดพบกับบุรุษผู้มีรสนิยมเพศสุดวิตถาร แลกกับการได้รับธนบัตรใบใหญ่

ไม่ว่าจะเธอจะต้องขับถ่ายอุจจาระใส่ถุงให้ ใช้ dildo สอดใส่ประตูหลังของผู้ชาย และอะไรต่อมิอะไรที่ Kika ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะมาได้ไกลถึงขนาดนี้

หนังมีกลิ่นอายของงานอย่าง Belle de jour (1967) ของ Luis Buñuel จนอดนึกถึงไม่ได้ แต่พยายามใส่ความ ‘แรง’ ในแบบฉบับร่วมสมัยลงไป จนให้ภาพของ queer sex อันหลากหลายกลายเป็นงานชวนช็อคที่ออกจะตีหัวกันอย่างจงใจ

14.‘ผีใช้ได้ค่ะ’

กำกับโดย รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค (ไทย-ฝรั่งเศส-สิงคโปร์-เยอรมนี) สาย Critics’ Week

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025

หนังตลกเสียดสีที่มีทั้งกลิ่นอายของหนังผีและงานไซไฟ ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าฉายในสาย Critics’ Week จนคว้ารางวัลใหญ่มาได้

ชื่อ ‘ผีใช้ได้ค่ะ’ ของผู้กำกับ รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค เรื่องนี้ แม้ว่าจะมีตัวเรื่องหลักเล่าเรื่องราวความรักข้ามภพข้ามสถานะระหว่างภรรยาสาวชื่อ ‘แนท’ (ดาวิกา โฮร์เน่) ซึ่งเสียชีวิตลงด้วยฝุ่นผงมลพิษทางอากาศหากยังไม่อาจตัดขาดจาก ‘มาร์ช’ (วิศรุต หิมรัตน์) สามีที่ยังมีชีวิตได้ วิญญาณของเธอจึงขอย้ายมาสิงอยู่ในเครื่องดูดฝุ่นจากโรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าของบ้าน ‘มาร์ช’ เพื่อดูแลสามีต่อไป และเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เธอสามารถเป็นสะใภ้ที่ยังใช้ประโยชน์ได้ และสมควรให้เคียงคู่อยู่กับ ‘มาร์ช’ ต่อไปอย่างไร้อุปสรรคขัดขวาง

ทว่าตัวละครรายล้อมต่าง ๆ ของเรื่องล้วนเป็นตัวละคร queer กันแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบท ‘กะเทยวิชาการ’ กับพนักงานซ่อมเครื่องดูดฝุ่นสุดหล่อ ในฐานะ storyteller ผู้นำเสนอเรื่องราวอันเป็นต้นตอ ส่วนพี่ชายของ ‘มาร์ช’ ก็เป็น gay daddy มีสามีเป็นชาวต่างชาติ พร้อมด้วยทายาทบุญธรรม

‘ผีใช้ได้ค่ะ’ จึงเป็นหนังที่มีกลิ่นอายความ queer แบบฉ่ำ ๆ ไปพร้อม ๆ กับลีลาการกำกับอันสุดแปลกล้ำ จนกลายเป็นอีกเรื่องที่ต้องไป ‘ตำ’ ตอนที่หนังได้ฉายในเทศกาลคานส์!

15.LOVE LETTERS

กำกับโดย Alice Douard (ฝรั่งเศส) สาย Critics’ Week-Special Screenings

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025 ปิดท้ายรายการกันด้วยหนังครอบครัวเลสเบี้ยนที่แสนจะร่วมสมัย อันเป็นผลจากการออกกฎหมาย ‘สมรสเท่าเทียม’ ในฝรั่งเศส เมื่อ ค.ศ. 2014 Céline และ Nadia เป็นคู่รักที่ตัดสินใจแต่งงานอยู่กินกัน ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อทั้งคู่อยากจะมีทายาทจนสามารถหาอสุจิบริจาคแล้วให้ Nadia เป็นฝ่ายฝากครรภ์ 

ทว่ากฎหมายที่ยังคงมีความลักลั่นทำให้ Céline ไม่สามารถดำรงตำแหน่งเป็น ‘มารดา’ ของบุตรธิดาที่กำลังจะถือกำเนิดมาในทันที เพราะฝรั่งเศสมีระเบียบบัญญัติอันชวนอึดอัดไปด้วยความหยุมหยิมในการรับอุปการะบุตรบุญธรรม และ Céline จะต้องดำเนินการเอกสารทุกอย่างเพื่ออ้างว่าเธอพร้อมจะเป็นมารดาอุปการะ ในขณะที่ Nadia เองก็ถือเป็นภริยาของเธออย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ความไม่เป็นธรรมอันนี้ได้ตั้งคำถามข้อใหญ่ภายในใจของ Céline ว่าเธอจะสามารถเป็น ‘คุณแม่’ ที่แท้จริงได้หรือไม่ หากจะไม่ได้อุ้มท้องถือครองตำแหน่งผู้ให้กำเนิดในทางชีววิทยา!

ปมปัญหาสำคัญของหนังจึงตั้งประเด็นสำคัญว่าทำไมคู่รักเพศเดียวกันจึงไม่มีสิทธิ์ในบุตรธิดาแบบเดียวกับคู่สามี-ภรรยา ชาย-หญิง โดยทั่วไป แสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติที่ยังไม่เท่าเทียมกันอย่างแท้จริง!

 

ชวนพินิจ 15+ หนัง LGBTQ+ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025

 

ทิ้งท้ายกันด้วยหนังอีกสามเรื่องจากสามประเทศ ที่แม้จะไม่ได้มีตัวละครผู้มีความหลากหลายทางเพศเป็นตัวละครหลักสำคัญ แต่ก็ยังมีโผล่มาในบทสมทบกันแบบสั้น ๆ

เริ่มกันที่สายประกวดหลัก ที่ยังมีเรื่อง Eagles of the Republic ของผู้กำกับ Tarik Saleh จากอียิปต์ ซึ่งช่วงหนึ่งมีการซุบซิบเม้าท์มอยถึงผู้จัดการกองถ่ายเพศชายว่าเป็นพวกนิยมไม้ป่าเดียวกัน และเคยช่วยสร้างความหฤหรรษ์ให้ทีมงานด้วยการทำรักด้วยปากจนสำเร็จเสร็จกิจกันมาแล้ว

ส่วนหนังแนวเขย่าขวัญสืบสวนสอบสวนอย่าง The Secret Agent ของผู้กำกับบราซิล Kleber Mendonça Filho ก็มีฉากเดินเที่ยวสวนโสเภณีข้ามเพศในเขตเสื่อมโทรมของเมือง และเรื่อง Sleepless City ของผู้กำกับ Guillermo Galoe ในสาย Critics’ Week จากสเปน ก็จะเห็นตัวละครกะเทยเด็กหัวโปก แยกจากโลกของเด็กผู้ชายไปสุงสิงวี้ดว้ายกับกลุ่มเด็กหญิง

สะท้อนภาพความจริงว่าไม่ว่าจะชนชั้นไหน ความหลากหลายทางเพศก็ยังคงเฉิดฉายในทุก ๆ กลุ่มสังคมที่มีมนุษย์!