ภัยความเหงา! WHO ยกเป็นภัยคุกคามระดับโลก คร่าชีวิต100 คน/ชั่วโมง

ความเหงา ทำเราตายได้! ล่าสุด WHO ยกเป็นภัยคุกคามสุขภาพระดับโลก ทำคนเสียชีวิต 100 คน/ชั่วโมง หรือกว่า 8 แสนคนต่อปี
องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยผลการศึกษาฉบับใหม่ที่เน้นย้ำถึงวิกฤติความเหงาที่กำลังส่งผลกระทบทั่วโลก โดยระบุว่าความเหงาเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้คนจำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อประชากรในสัดส่วนที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อ
รายงานฉบับล่าสุดของ WHO ชี้ว่า ความเหงาสามารถคร่าชีวิตผู้คนได้ประมาณ 100 คนต่อชั่วโมง หรือมากกว่า 871,000 คนต่อปีทั่วโลก และมีประชากรถึง 1 ใน 6 ที่กำลังเผชิญกับภาวะความรู้สึกโดดเดี่ยวนี้
ทั้งนี้ แม้ว่า "ความเหงา" จะส่งผลกระทบต่อทุกเพศทุกวัย แต่กลุ่มเยาวชนและประชากรในประเทศที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางกลับเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางเป็นพิเศษ
ในทางตรงกันข้าม คือ พบว่า การมีความสัมพันธ์ทางสังคมที่เข้มแข็ง นั้นสัมพันธ์กับสุขภาพที่ดีขึ้นและอายุที่ยืนยาวขึ้น
ความเหงาและสภาพสังคม
องค์กรอนามัยโลกได้ให้คำจำกัด "ความของการเชื่อมโยงทางสังคม" ว่าคือ วิธีการที่ผู้คนสัมพันธ์และมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ส่วน ความเหงาคือความรู้สึกทุกข์ใจที่เกิดขึ้นเมื่อมีความแตกต่างระหว่างความสัมพันธ์ทางสังคมที่ปรารถนากับความสัมพันธ์ทางสังคมที่เป็นอยู่จริง ในขณะที่ การแยกตัวทางสังคมหมายถึงการขาดการติดต่อทางสังคมอย่างเป็นรูปธรรม
จากรายงานขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า ความเหงาส่งผลกระทบต่อผู้คนทุกช่วงวัย แต่ กลุ่มคนหนุ่มสาวและผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลางมีความเปราะบางเป็นพิเศษ โดย 1 ใน 6 ของประชากรโลกได้รับผลกระทบจากความเหงา
มีข้อมูลระบุว่า 17-21% ของคนหนุ่มสาวอายุ 13-29 ปี รายงานว่ารู้สึกเหงา และอัตราสูงสุดอยู่ในหมู่วัยรุ่น นอกจากนี้ ประมาณ 24% ของผู้คนในประเทศรายได้ต่ำรายงานว่ารู้สึกเหงา ซึ่งเป็นสองเท่าของอัตราในประเทศรายได้สูง (ประมาณ 11%)
สำหรับปัจจัยอื่นๆ ที่มีส่วนทำให้เกิดความเหงาและการแยกตัวทางสังคม ได้แก่:
- ปัญหาสุขภาพ
- รายได้และการศึกษาต่ำ
- การอาศัยอยู่คนเดียว
- การขาดโครงสร้างพื้นฐานของชุมชนและนโยบายสาธารณะที่เพียงพอ
- ภาวะที่เกี่ยวพันกับเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไปและปฏิสัมพันธ์ออนไลน์ที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาว ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพจิต
แม้ในโลกที่เชื่อมต่อกันด้วยระบบดิจิทัล ผู้คนหนุ่มสาวจำนวนมากยังคงรู้สึกโดดเดี่ยว ดร. เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า "ในยุคที่ความเป็นไปได้ในการเชื่อมต่อมีไม่สิ้นสุด ผู้คนจำนวนมากขึ้นกลับพบว่าตนเองโดดเดี่ยวและเหงา"
ความเหงา กับผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่
ความเหงาและการแยกตัวทางสังคมเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง, โรคหัวใจ, โรคเบาหวาน, ภาวะสมองเสื่อม, และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ผู้ที่รู้สึกเหงาจะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นโรคซึมเศร้าสูงเป็นสองเท่า และยังอาจเผชิญกับความวิตกกังวลและความคิดอยากทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้น
ในทางกลับกัน การเชื่อมโยงทางสังคมกลับมีประโยชน์ในการป้องกันตลอดช่วงชีวิต อาทิ
- ลดการอักเสบ
- ลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยร้ายแรง
- ส่งเสริมสุขภาพจิต
- ยืดอายุขัย
ผลกระทบของความเหงายังขยายไปถึงการเรียนรู้และการจ้างงาน วัยรุ่นที่รู้สึกเหงาจะมีแนวโน้มที่จะได้เกรดหรือวุฒิการศึกษาที่ต่ำกว่าถึง 22% และผู้ใหญ่ที่เหงาอาจพบว่าการหางานหรือรักษางานทำได้ยากขึ้น และอาจมีรายได้น้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป ในระดับชุมชน ความเหงาบ่อนทำลายความสามัคคีทางสังคม และทำให้เกิดค่าใช้จ่ายหลายพันล้านดอลลาร์ในการสูญเสียผลิตภาพและค่ารักษาพยาบาล
รายงานของคณะกรรมาธิการการเชื่อมโยงทางสังคมของ WHO ได้วางแผนที่การดำเนินงานระดับโลกในหลากหลายมิติ ตั้งแต่ระดับนโยบาย, งานวิชากร จนถึงการมีส่วนร่วมของสังคม เพื่อปรับเปลี่ยนบรรทัดฐานทางสังคมและสร้างการเคลื่อนไหวเพื่อการเชื่อมโยงทางสังคม
อ้างอิง : องค์การอนามัยโลก







