การแปรวิกฤติเป็นโอกาสของสะพานลอยคนข้ามแห่ง 'เมืองฟูจิ'

การแปรวิกฤติเป็นโอกาสของสะพานลอยคนข้ามแห่ง 'เมืองฟูจิ'

สะพานฟูจิซานยูเมะโนะโอฮาชิ บริเวณใกล้ฟูจิซังในญี่ปุ่น พลิกโฉมสู่แลนด์มาร์กบนโซเชียล ด้วยวิวภูเขาไฟฟูจิอันงดงาม จึงกลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมรวดเร็วบนโลกออนไลน์

KEY

POINTS

  • สะพานฟูจิซานยูเมะโนะโอฮาชิ ย่านภูเขาไฟฟูจิในญี่ปุ่น กำลังพลิกโฉมสู่แลนด์มาร์กบนโซเชียล เดิมสร้างเป็นสะพานลอยคนเดินทั่วไป แต่ด้วยวิวภูเขาไฟฟูจิอันงดงาม ทำให้กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมบนโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า "SNS映え" (SNS Bae) ซึ่งบ่งชี้ถึงความโดดเด่นบนโลกออนไลน์
  • ความนิยมที่เพิ่มขึ้นนำมาซึ่งปัญหา "Overtourism" เช่น การจอดรถและการถ่ายรูปบนถนนที่อันตราย เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทางการจึงได้ติดตั้งรั้วกั้น เพิ่มลานจอดรถ และเปิดเว็บไซต์ทางการ "yume-no-ohashi.com" เพื่อให้ข้อมูลและกำกับดูแลพฤติกรรมนักท่องเที่ยว
  • เมืองฟูจิได้เปลี่ยนปัญหา Overtourism เป็นโอกาสในการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยใช้ "Samonyan" (さもにゃん) มาสคอตแมวของเมือง มาช่วยสื่อสารกฎระเบียบอย่างเป็นมิตร เช่น ห้ามข้ามถนน หรือไม่ส่งเสียงดังรบกวนชุมชน 

สะพานลอยคนเดินข้ามที่เพิ่งเริ่มมีชื่อเสียงของนักท่องเที่ยวแห่งนี้ ชื่อ 富士山夢の大橋  ฟูจิซานยูเมะโนะโอฮาชิ แปลอังกฤษว่า Mount Fuji Dream Bridge ตั้งอยู่ระหว่างทางหลวงหมายเลข 1 กับ หมายเลข 139 ข้ามแม่น้ำอูรูอิงาวะ เขตทาเดฮาระ เมืองฟูจิ จังหวัดชิซูโอกะ 

แต่เดิมมันไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์รับนักท่องเที่ยวใดๆ เลย ตั้งแต่เริ่มสร้างเมื่อ 10 ปีก่อนมันก็เป็นแค่สะพานลอยสาธารณูปโภคของเมือง ที่สร้างให้ชุมชนข้ามไปมาเท่านั้น แต่เพราะพิกัดที่ตั้งวิวพันล้าน มีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง ประกอบกับตัวสะพานลอยมันยกสูง เหมาะกับการถ่ายรูปเช็คอินที่บรรเจิดเลิศสุด เพราะถ่ายเห็นภูเขาฟูจิแบบเต็มจอโดยไม่มีอะไรบดบัง 

ด้วยวิวทิวทัศน์ที่เหมาะสม พิกัดเช็คอินดังกล่าวก็โด่งดังขึ้นทุกขณะจากความร่วมด้วยช่วยกันของอินฟลูเอนเซอร์ท่องเที่ยวชาติต่างๆ สะพานลอยมันก็ดังขึ้นมาในโลกโซเชียล

จุดเริ่มต้นจากสะพานลอยธรรมดาสู่แลนด์มาร์กโซเชียล

ญี่ปุ่นมีศัพท์เฉพาะที่น่าสนใจ เขาอธิบายว่าสะพานลอยแห่งนี้โด่งดังขึ้นมาจากกระแส “SNS映え” (SNS คือ Social Networking Service ส่วน บาเอะ 映え แปลว่า ดูโดดเด่นสวยงาม) จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนมากขึ้นๆ ตั้งแต่ปี 2022-2023 จากระดับ 100 คนเคยมากถึง 300 คน/วัน ซึ่งได้ก่อปัญหาให้กับชุมชนท้องถิ่นไม่น้อย

การแปรวิกฤติเป็นโอกาสของสะพานลอยคนข้ามแห่ง 'เมืองฟูจิ'

ปัญหานักท่องเที่ยวรบกวนความสงบสุข เป็นปัญหาที่ทวีความยุ่งยากให้กับสังคมญี่ปุ่นมากขึ้นๆ จนเขามีศัพท์เฉพาะนิยามปัญหานี้ว่า オーバーツーリズム  มักแปลเป็นอังกฤษ Overtorism สำหรับไทยมีคนแปลว่า “มลพิษทางการท่องเที่ยว” ก็ไม่เลว 

สะพานแห่งฝันภูเขาฟูจิก็ประสบชะตากรรมของมลพิษนักท่องเที่ยวเช่นกัน ระหว่างปี 2022-2023 มีข้อร้องเรียนมากมายเกี่ยวกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว ตั้งแต่การจอดรถไม่เป็นระเบียบ การเดินออกไปถ่ายรูปบนถนนเป็นอันตราย เสียงดังรบกวนชุมชน 

มาตรการแก้ปัญหาและการพลิกวิกฤติเป็นโอกาส

คณะกรรมการเมืองเริ่มแก้ปัญหามลพิษจากการท่องเที่ยวทีละเปลาะ จนที่สุดก็เกิดมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวสะพานแห่งความฝัน Mount Fuji Dream Bridge เต็มรูปแบบ

การแปรวิกฤติเป็นโอกาสของสะพานลอยคนข้ามแห่ง 'เมืองฟูจิ'

ปี 2024 กระทรวงคมนาคม (MLIT) เริ่มติดตั้ง รั้วกั้นสูง 1.8 เมตร (central barrier fence) ตรงกลางสะพาน เพื่อป้องกันการเดินข้ามถนนและลดภัยอันตรายต่อทั้งคนและรถยนต์  ลำพังการกั้นรั้วมันไม่เป็นข่าวหรอก แต่ที่เป็นข่าวคือสาเหตุการต้องกั้นรั้วไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินข้ามเปะปะ นี่คืออีกเหตุหนึ่งของรูปธรรมปัญหาฯ Overtourism ที่สังคมให้ความสนใจ

ต่อจากนั้นทางเทศบาลเพิ่ม ลานจอดรถและที่จอดจักรยาน ใกล้สะพาน รองรับผู้มาเที่ยว เดินทางทั้งโดยรถยนต์และจักรยานเช่า แต่ก็ยังไม่เพียงพอ 

ต้นปี 2025 ที่ผ่านมา เทศบาลได้เปิดที่จอดรถแห่งใหม่ความจุ 17 คันแบบจอดฟรีเพื่อรับนักท่องเที่ยว นี่เป็นนโยบายเชิงกลยุทธ์แล้วเพราะปกติลานจอดรถในญี่ปุ่นเป็นเงินเป็นทอง แต่ทางการได้มีแนวคิดดึงดูดและเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจากจุดเช็คอินสะพานฝันอันเป็นแลนด์มาร์คไปยังถนนและย่านเศรษฐกิจท่องเที่ยว Fujihonmachi  ที่ไม่ห่างกัน 

การแปรวิกฤติเป็นโอกาสของสะพานลอยคนข้ามแห่ง 'เมืองฟูจิ'

"Samonyan" สัญลักษณ์ของการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ช่วงเดือนพฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมาสดๆ เมืองฟูจิได้เปิด เว็บไซต์ทางการ “yume-no-ohashi.com” ที่มีข้อมูลบริการครบถ้วน ตั้งแต่วิธีการเดินทาง, จุดถ่ายภาพ, ข้อควรปฏิบัติ, แผนที่ ที่จอดรถ เป็นต้น เว็บไซต์นี้มีทั้งข้อมูลภาษาอังกฤษ จีน เกาหลี  ใช้มาสคอตของเมืองชื่อว่า Samonyan (さもにゃん) การ์ตูนแมวญี่ปุ่นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนการสื่อสารข้อห้ามต่างๆ เช่น ถ่ายรูปด้วยความสงบไม่เอะอะเสียงดังรบกวนชุมชน ไม่ข้ามไปถ่ายรูปบนผิวถนน ไม่จอดรถเกะกะให้ใช้ลานจอดรถที่จัดไว้ แถมมีแผนที่ตั้งของลานจอดรถ (และจักรยาน)ให้เสร็จสรรพ และสุดท้ายคือ ขอให้นักท่องเที่ยวหิ้วขยะของตัวเองกลับไปทิ้งเอง

ญี่ปุ่นนี่น่ารัก แต่ละเมืองเขามีมาสคอตของตัวเอง ที่มักจะหาเรื่องราว เรื่องเล่า หรือความเกี่ยวโยงกับเมืองนั้นๆ มาสื่อ เมืองฟูจิก็ใช้เจ้าแมว Samonyan นี่ล่ะ สื่อสารรณรงค์กลายเป็นป้ายต่างๆ เช่นป้ายห้ามข้ามถนน ทำให้กฎข้อห้ามขึงขังดูอ่อนโยนขึ้น ค้นข้อมูลหาที่มาที่ไปเขาบอกว่าชื่อ “さもにゃん” ซาโมนยาน ที่ตั้งมาจากคำท้องถิ่นของฟูจิ “さもない/さもにゃぁ”  แปลว่า “ไม่เป็นไร, ไม่ใช่เรื่องใหญ่” อันสะท้อนถึงบุคลิกที่ ใจเย็น ไม่วิตกกังวลของชาวเมืองนี้ 

การส่งเสริมสะพานเช็คอินให้เป็นแลนด์มาร์คท่องเที่ยวของเมืองฟูจิ ได้เริ่มอย่างจริงจังตั้งแต่พฤษภาคม 2025 สื่อใหญ่ๆ เริ่มรายงานเรื่องราวของสะพานความฝันแห่งฟูจิ ซึ่งเริ่มต้นด้วยความไม่ตั้งใจให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ในเมื่อการท่องเที่ยวจู่โจมเข้ามาก่อให้เป็นปัญหาในช่วงเวลาหนึ่งเขาก็ได้จัดการปัญหาดังกล่าวแปรให้เป็นโอกาสใหม่ของเมืองขึ้นมา

  การแปรวิกฤติเป็นโอกาสของสะพานลอยคนข้ามแห่ง 'เมืองฟูจิ'

ตัวอย่างการแปรวิกฤติเป็นโอกาสของสะพานความฝัน Mount Fuji Dream Bridge อาจจะเป็นหนึ่งในรูปธรรมของภาพเชิงบวกของยุคสมัยที่การท่องเที่ยวกำลังบูมอย่างรุนแรง จำนวนนักท่องเที่ยว 34 ล้านในปีที่ผ่านมา ยังไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย เพราะทางการญี่ปุ่นต้องการจำนวนผู้มาเยือนมากกว่านั้น  การดึงรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นผลรับทางเศรษฐกิจที่ต้องแลกมาด้วยความสงบสุขของสังคมเรียบง่ายดั้งเดิม คำศัพท์ オーバーツーリズム   ที่แปลว่ามลพิษจากการท่องเที่ยว หรือ Overtourism เป็นประเด็นใหญ่ของหลายเมือง หลายชุมชนที่ยังไม่มีทางออกเช่นเดียวกับเมืองฟูจิ 

รูปธรรมของ オーバーツーリズム  (โอบาซือริซูมุ) มลพิษท่องเที่ยวทั้งแบบบวกและลบกำลังทยอยออกมาให้เรื่องราวให้ชาวโลกรับรู้ต่อไป อย่างน้อยที่สุดทำให้เราทราบว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พยายามจัดการปัญหา.

 

 

อ้างอิง : Asahi NEWS, Yume-no-ohashi 

 

..........................................

เขียนโดย บัณรส บัวคลี่ คอลัมน์จุดประกายความคิด กรุงเทพธุรกิจ