'เป้ อารักษ์' กับแผ่นเสียงสะสม ในงาน 'SOUNDLAB 2025'

คอมมูนิตี้ 'คนรักแผ่นเสียง' ในไทย จัดงาน 'SOUNDLAB 2025' ออกบูธแผ่นเสียง พร้อมกิจกรรมมากมาย โดย มี ‘เป้ อารักษ์’ นักแสดง นักดนตรี ร่วมพูดคุย
ครบรอบ 10 ปี คอมมูนิตี้ คนรักแผ่นเสียง ในไทย จัดงาน SOUND LAB 2025 โดย Olympic Digger ร่วมกับ Soul4Street และ Siam Discovery วันที่ 13-15 มิถุนายน 2568
ภายในงานมีผู้สนใจชื่นชอบรักการฟังเพลงที่เปิดจากแผ่นเสียง สะสมแผ่นเสียง หลงใหลศิลปะและดนตรีที่ประกอบกันขึ้นเป็นแผ่นเสียง มารวมตัวกันอย่างคึกคัก
โดยมี เอกวิทย์ ชัยวรานุรักษ์ ผู้บริหารสยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่, หทัยชนก อรรภบุรานนท์ Co-Founder Olympic Digger, มนต์ชัย ศรีจงใจ Co-Founder Olympic Digger, ศาสตรา เฟื่องเกษม Co-Founder Olympic Digger, กรนเรศร์ เนาวังวราห์ Co-Founder & CEO Soul4Street และ Special Guest เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ นักแสดง นักดนตรี เข้าร่วมงาน
ภายในงาน มี Live Talk Session พูดคุยกับนักสะสม ศิลปิน ผู้ที่ชื่นชอบแผ่นเสียง เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้
มี Live Listening DJ Session จากเหล่าดีเจผู้ชื่นชอบแผ่นเสียงมาร่วมเปิดแผ่นและคัดสรรเพลงจากคอลเลกชันส่วนตัวมาเปิดให้ฟัง กับแนวเพลงที่หลากหลาย
มีบูธร้านขายแผ่นเสียง ร้านขายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับแผ่นเสียง
มี ร้านกาแฟพิเศษ Dig & Drip ที่มาพร้อมกับการค้นหาแผ่นเสียง
- คอมมูนิตี้ของ 'คนรักแผ่นเสียง'
แพน-หทัยชนก อรรภบุรานนท์ Co-Founder Olympic Digger เล่าถึงที่มาของการรวมกลุ่มกันเป็น Olympic Digger ว่า
"คำว่า Olympic Digger เกิดขึ้นมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มาจากพี่ต้า ซินิซุย ใช้คำนี้คุยกับพี่จอย แนนซี่ เจ้าของร้าน Modernday Culture เป็นร้านที่เปิดแผ่นเสียงอย่างเดียว พี่จอยก็เป็นผู้ร่วมก่อตั้งด้วย
ในสมัยนั้น แผ่นเสียง ไม่ได้หาง่ายเหมือนทุกวันนี้ มันแทบจะไม่มีร้านแผ่นเสียงเลย ยิ่งร้านออนไลน์ก็ไม่มีเลย มันจะมีแผ่นเสียงอยู่ตามร้านขายของมือสองต่าง ๆ
เราก็นัดกันออกไป ดิ๊ก กันดีกว่า Dig ภาษาอังกฤษ แปลว่า ขุด เวลาเราไปหาแผ่นเสียง ก็เหมือนเราไปขุด ไปคุ้ย ตามลังต่าง ๆ เพื่อค้นหาแผ่นเสียงตามร้านมือสอง
เพราะเขาจะไม่วางไว้แบบสวยงาม แยกเป็นวง หรือแยกเป็นแนวเพลง อะไรขนาดนั้น มันคือการขุด พี่ต้าก็เลยพูดว่า
“โอ้โห พวกเรานี่เป็น Olympic Digger กันจริง ๆ เลย”
แพน-หทัยชนก อรรภบุรานนท์ Cr. Kanok Shokjaratkul
เป็นนักขุด ที่ขุดกันทุกวัน ว่างเมื่อไรก็ชวนกันออกไปขุด เกิดคำนี้ขึ้นมา เป็นคำที่เข้าใจง่ายสำหรับกลุ่มเรา ก็เลยเอามาเรียกพวกเรากันเอง
พอมี Community แผ่นเสียงในประเทศไทย เราก็รู้สึกว่าไม่ค่อยได้เจอกันเลย คนที่เก็บแผ่นเสียงจะมีความเป็นคนอวดของอยู่นิดหนึ่ง พอเรามีของ ก็อยากคุยกับเพื่อน ไปนั่งคุยกันแล้วหยิบแผ่นเสียงออกมาจะได้คุยกัน
เกิดเป็นการจัดกิจกรรมแบบนี้เยอะขึ้น ช่วง 5 ปีหลัง เราไม่ค่อยได้จัดงานเอง เพราะว่าเราไปซัพพอร์ตส่วนอื่นค่อนข้างเยอะ พวกร้านแผ่นเสียงเวลาที่มี Event เล็ก ๆ หรือว่าพวก Record เราก็ไปช่วย
ในอนาคต เราไม่ได้คิดว่า Community นี้จะต้องยิ่งใหญ่เติบโต ถ้ามีคนสนใจแล้วเรามีส่วนช่วยให้เขาก้าวเข้ามาตรงนี้ได้ง่ายขึ้นอีกสัก 1 คน เราก็จะรู้สึกว่า โอเค Mission สำเร็จแล้ว พอใจแล้ว
Cr. Kanok Shokjaratkul
การจัดงานในวันนี้ เกิดจากความตั้งใจ ที่ปีนี้ครบรอบ 10 ปี เราอยากจะทำอะไรหลาย ๆ อย่างที่ ไม่ได้ทำมานานมากแล้ว ไอเดียเริ่มจากเราอยากทำเล็ก ๆ ไม่ได้เน้นการตลาดขนาดนั้น อยากให้มีมากกว่าแค่ร้านแผ่นเสียงมาออกร้าน
เราจัดสามวัน มีกิจกรรม Workshop สอนตั้งแต่เริ่มต้น ใช้เทิร์นเลย คือถ้าใช้ไม่เป็นเลย ก็เข้ามาพูดคุยกันได้ แล้วมี Workshop ที่เป็นไวนิลดีเจแบบเริ่มต้นด้วยเหมือนกัน
มี Live Listening DJ ที่ดีเจทุกท่านจะเลือกเอาคอลเลคชันส่วนตัวมาเปิดให้ฟัง ไม่ได้กดดันว่าต้องสนุก ต้องเป็นเพลงฮิต เป็นเหมือนแบ่งปันคอลเลคชันในสิ่งที่เขาชอบมากกว่า เขาอยากเล่าเรื่องราวแบบนี้
ทุกคนสามารถเดินมาคุยกันได้ เอ๊ะ เพลงนี้เพลงอะไร ซื้อที่ไหน Conversation สำหรับวงการแผ่นเสียงมันเกิดขึ้นได้ ไม่มีใครกั๊ก หรือไม่ให้ดูหรอกแผ่นนี้ มันจะมี Spirit แบบว่า เคยฟังคนนี้หรือยัง คนนี้ดีนะ อันนั้นก็มีขายนะ"
Cr. Kanok Shokjaratkul
ทางด้าน มนต์ชัย ศรีจงใจ Co-Founder Olympic Digger ก็เสริมว่า เรา Welcome ทุกคน
"ไม่ว่านักสะสม ที่สะสมอยู่แล้ว คนที่สะสมอยู่คนเดียว หรือคนที่มีเพื่อนสะสม หรือคนที่คิดว่าจะสะสม เราซัพพอร์ตทุกคน
การเล่นแผ่นเสียง มันไม่ได้ยากขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องเยอะแยะ แค่ Table อันหนึ่งที่มีลำโพงในตัว แล้วก็มีแผ่นเสียงที่เราชอบ แค่นี้ก็แฮปปี้แล้วครับ
เราเป็นตัวเชื่อมระหว่างคนเก่าคนใหม่ ใครที่อยากจะเริ่ม หรือสนใจอยากจะเข้าวงการนี้ ก็มาได้เลย"
เป้ อารักษ์ Cr. Kanok Shokjaratkul
- ผู้หลงใหลในเสน่ห์ของ 'แผ่นเสียง'
เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ นักแสดง นักดนตรี มีวงดนตรี ทำดนตรีโฟล์คของตัวเอง ชอบเก็บสะสมของวินเทจ เปิดเผยให้ฟังว่า
"ผมชอบแผ่นเสียง ชอบดนตรี ก็เลยชอบเก็บแผ่นเสียง เริ่มสะสมแผ่นเสียงมาหลายปีแล้ว ผมชอบ Bob Dylan ได้ CD Live ของเขามา
ตอนไปร้านแผ่นเสียงที่ญี่ปุ่น ไปฟัง Bob Dylan แผ่นแรก อัลบั้มชุดแรก เขาใช้กีตาร์ไฟฟ้าแล้วก็กีตาร์โปร่ง Gibson J50 ที่เราชอบในการอัดเสียง พอฟังแผ่นเสียงครั้งแรก ก็รู้สึกว่า
“เฮ้ย ทำไมเหมือน Bob Dylan มาเล่นให้ฟังอยู่ข้างหน้าเลย”
แล้วก็ไม่ได้เปิดจากเครื่องเสียงดี ๆ ด้วยนะ แค่ฟังในร้าน จากนั้นผมก็เริ่มซื้อแผ่นเสียงมา แล้วก็ไปซื้อเครื่องเล่นแผ่นเสียงมา ไม่รู้ว่ามันต้องใช้เครื่องอะไรแบบไหน ลำโพงแอมป์อะไร
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
จำได้ว่าเครื่องที่ซื้อมาเครื่องแรก 15,000 บาท ซ่อมกี่ครั้งก็ไม่หายสักที สุดท้ายได้ Technics รุ่นโบราณที่ดีเจเขาเปิด แล้วก็ซื้อหัว On Ortofon มาใช้จนถึงปัจจุบัน
ผมได้เจอกับคนที่เล่นแผ่นเสียงเมื่อ 10 ปีก่อน เขาเป็นเหมือนคัมภีร์ของพวกเรา
ศิลปินนักร้องส่วนใหญ่ในอดีตจะอัดเดโมเพลงแบบ Mono Original Recording ในสตูดิโอ
แนวการสะสมของผมจะหาแผ่นที่มันสวย แล้วเราอยากได้จริง ๆ หรือวงที่เราชอบมาก ๆ ถ้าเป็น Country ผมชอบ Willie Nelson
ผมเคยมีวาสนาได้ทำแผ่นเสียงของตัวเองด้วย ชื่อ อัลบั้ม BIG ตอนนี้ขายหมดไปแล้ว เพราะว่าทำน้อย เราเป็นคนสะสมแผ่นเสียง แล้ววันหนึ่งมีแผ่นเสียงของเรา ก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก หวังว่าจะได้ทำอีก
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
ในฐานะของคนฟังเพลงดิจิทัล ยังไง ๆ มันก็สู้แผ่นเสียงไม่ได้จริง ๆ ถ้าคุณชอบฟังเพลง แผ่นเสียงจะให้เสียงที่ดีที่สุดได้สำหรับคุณเสมอ
มีค่ายหนึ่งที่ซีเรียสกับการทำฮาร์ดแวร์มาก ๆ คือ ค่าย Third Man Record ของ Jack White ผมมีแผ่น Jack White หลายอัน เขาทำแผ่นแบบดีไซน์ถ้าเล่นสุดแล้วมันจะเป็นเพลงวนไปเรื่อย ๆ
บางทีต้องวางเข็มจากข้างในแล้ววิ่งออกข้างนอก เขาวางลูกเล่นไว้เยอะ หรือถ้าคุณวางตรงกลางระหว่างเพลงนี้กับเพลงนี้คุณจะได้ยินเสียงอะไรอย่างนี้
อย่างของ The Strokes ชุดแรกกับชุดสองนี่ Room on Fire เขาตั้งใจให้แต่ละแท็กห่างกันกี่วินาที บางอันต่อกันเร็ว บางอันนาน เขาคิดมาแล้ว เป็นลูกเล่น ที่นำกลับมาใช้อีกครั้ง สามารถไปสนุกกับมันได้
Cr. Kanok Shokjaratkul
Cr. Kanok Shokjaratkul
ผมสนุกกับการซื้อแผ่นของ Man Record มาก แต่ช่วงหลัง ๆ จะซื้อ Big บ้าง Rolling Stone บ้าง พวกเพลง Folk เก่า ๆ เขาอัดกันสด ๆ พอมาฟังที่เขารีมาสเตอร์ก็ไม่หมือนกับแผ่นเสียงที่เขาอัดในห้องนั้นจริง ๆ
หรือถ้าเป็นยุคใหม่ ฟัง Kanye ฟัง Pusha T ในแบบแผ่นเสียง มันก็ตึ๊บกว่าไฟล์ดิจิทัลอยู่ดี นี่คือความสนุกของการเล่นแผ่นเสียง
ส่วนความไม่สนุก คือ เราไม่สามารถ Streaming แผ่นเสียงได้ ไม่สามารถจ่ายรายเดือนแล้วฟังได้หมด แล้วเรื่องการเก็บแผ่นเสียง ถ้าห้องมันร้อนเกินไป แผ่นจะงอ ฟังไม่ค่อยได้ ก็ไม่แฮปปี้แล้ว
เคยมีช่วงหนึ่ง ผมจริงจังขนาดซื้อกระเป๋าเก็บแผ่นเสียงเพื่อเดินทางไปด้วยกันเลย ผมมักซื้อแผ่นเสียงที่ญี่ปุ่นกับออสเตรเลีย เราสามารถอยู่ในร้านแผ่นเสียงได้ทั้งวัน
ตอนที่ผมเป็นเด็ก ดนตรีไม่เคยฟรีเลย มันมีราคาที่ต้องจ่าย พอเราได้แผ่นเสียงกลับมาอีกครั้ง จะเห็นว่า ดนตรีมันมีมูลค่า ไม่ใช่ของที่จะได้มาฟรี ๆ "