เมื่อวัย 15 มีใบขับขี่ก็ซิ่งได้ อุบัติเหตุจากจักรยานยนต์ไทยจึงติดอันดับโลก

มีสถิติยืนยันว่า คนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการขี่จักรยานยนต์สูงมาก โดยเฉพาะเด็กวัย 15 ปีสามารถขอใบขับขี่ได้แล้วและยังใช้รถพลังเครื่องยนต์แรงกว่าที่กำหนด
“เสียงล้อหมุนที่เร่งแซงผ่านไปในชั่วพริบตา อาจเป็นเสียงสุดท้ายที่เด็กคนหนึ่งได้ยินในชีวิต”
บนถนนสายหนึ่งในย่านชานเมือง เช้าวันจันทร์ที่ดูเหมือนจะเริ่มต้นอย่างปกติ กลับลงท้ายด้วยข่าวเศร้า...
เด็กนักเรียนวัย 16 ปีเสียชีวิตจาก อุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับ ประเทศไทย ประเทศที่มีอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจักรยานยนต์สูงที่สุดในโลก ในทุกๆ 37 นาที จะมีหนึ่งชีวิตดับสูญ เพราะจักรยานยนต์
ความจริงที่ไม่มีใครยอมรับ
สถิติจากกรมควบคุมโรคในปี 2566 บันทึกไว้ชัดเจนว่า มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน มากถึง 17,498 คน โดย 14,348 คน เป็นผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่คือ “เยาวชน” ที่เพิ่งได้รับใบขับขี่ชั่วคราว
บนใบขับขี่พลาสติกแผ่นเล็กๆ ที่เก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ กลับไม่มีใครล่วงรู้ว่า มันอาจกลายเป็น "ใบมรณะบัตร" ทางอ้อม ถ้าระบบการออกใบอนุญาตขับขี่ยังไม่เข้มงวดพอ
ฝึก 5 ชั่วโมง สอบ 3 ท่า แล้วไปลุ้นบนถนน
การอบรมขอใบขับขี่ชั่วคราว ในไทยอาจดูสมเหตุสมผล อบรม 5 ชั่วโมง สอบข้อเขียน 50 ข้อ และทดสอบทักษะภาคปฏิบัติ 3 ท่าจากทั้งหมด 5 ท่า
แต่ในความเป็นจริง ผู้สอบไม่เคยถูกทดสอบการหยุดรถก่อนถึงทางม้าลาย การเปลี่ยนเลนอย่างปลอดภัย หรือการขับขี่ในวงเวียนที่แออัดในชั่วโมงเร่งด่วน
ในหลายประเทศ เช่น เยอรมนี หรือญี่ปุ่น ผู้สอบต้องขับขี่จริงบนถนนนานกว่า 1 ชั่วโมงภายใต้การประเมินของผู้เชี่ยวชาญ ต้องทดสอบ “ทักษะการคาดการณ์อุบัติเหตุ” ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ตัดสินใจเลี่ยงความเสี่ยงอย่างมีสติ แต่ในไทย กลับให้เลือกคำตอบแบบปรนัย
เด็กอายุ 15 กับรถเครื่องยนต์แรงสูง
เด็กไทยสามารถขอใบขับขี่จักรยานยนต์ตั้งแต่อายุ 15 ปี หากรถที่ใช้มีขนาดไม่เกิน 110 ซีซี แต่ในความเป็นจริง รถที่พวกเขาขับอาจมีพลังเครื่องยนต์มากกว่านั้น และเจ้าหน้าที่หลายครั้งก็อนุโลมให้ผ่านไป
ยิ่งกว่านั้น รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า Big Bike ก็ยังไม่มีใบอนุญาตเฉพาะที่ต้องการการอบรมขั้นสูง ทั้งที่การควบคุมเครื่องยนต์ระดับนี้ต้องใช้ทั้งแรงกายและประสบการณ์
เมื่อกฎหมายไทยยังหลับใหล
สิ่งที่ขาดไป ไม่ใช่เพียงแค่ท่าทดสอบเพิ่มอีกสองท่า หรือคำถามข้อสอบที่ยากขึ้น แต่คือ “ความเข้าใจในการใช้ถนนอย่างมีจิตสำนึก” และ “ระบบติดตามผล” หลังได้รับใบขับขี่
หลายประเทศใช้ระบบใบขับขี่แบบลำดับขั้น หรือ Graduated Driver License มีการกำหนดชั่วโมงขับขี่ขั้นต่ำ การควบคุมแอลกอฮอล์แบบ 0.0% และข้อจำกัดการขับในเวลากลางคืน หรือโดยไม่มีผู้ควบคุมร่วมโดยสาร
ในไทย ใบขับขี่ชั่วคราวมีอายุ 2 ปี ไม่มีการติดตามผล หรือประเมินสมรรถภาพซ้ำก่อนเปลี่ยนเป็นใบขับขี่ถาวร
ทางรอดที่ต้องเริ่มวันนี้
แนวทางที่ประเทศไทยควรพิจารณาเร่งด่วน ได้แก่:
- ปรับปรุงท่าทดสอบใบขับขี่ให้สะท้อนสถานการณ์จริงบนถนน
- เพิ่มการทดสอบ Hazard Perception ผ่านภาพจำลองหรือสถานการณ์วิดีโอ
- แยกใบขับขี่ Big Bike ออกจากรถจักรยานยนต์ทั่วไป
- ใช้ระบบ GDL ติดตามผู้ขับขี่ใหม่
- กำหนดค่าแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่อายุต่ำกว่า 20 ปีเป็น “ศูนย์”
จากแผ่นใบอนุญาต สู่ความปลอดภัยที่แท้จริง
หากชีวิตของเด็กไทยหนึ่งคนต้องแลกกับความหละหลวมของระบบเพียงเพราะเรายังไม่พร้อมจะเปลี่ยน บางทีคำถามที่ควรถามคือ ไม่ใช่แค่ “เราจะทำอะไรกับใบขับขี่” แต่คือ “เราจะยอมให้ความตายเกิดขึ้นกี่ครั้งอีก?”
ประเทศไทยต้องเริ่มต้นจากการกล้าทบทวน ปรับระบบใบขับขี่ให้มีประสิทธิภาพ เพราะถนนที่ปลอดภัย ไม่ใช่แค่มีเครื่องหมายชัดเจน แต่ต้องมี “ผู้ขับขี่ที่รู้จักรับผิดชอบต่อชีวิตของตนและผู้อื่น”
.................







