ไมโครพลาสติกในน้ำดื่ม อันตรายจริงหรือ แล้วตรวจสอบได้แค่ไหน

ไมโครพลาสติก หรือพลาสติกจิ๋ว เป็นเรื่องที่คนพูดถึงบ่อยมาก โดยเฉพาะในน้ำดื่มจะมีสิ่งเหล่านี้ซ่อนอยู่หรือไม่
ผู้คนในโลกเริ่มตระหนักเรื่องพิษภัย ไมโครพลาสติก ทั้งในอาหาร น้ำดื่ม และอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีทั้งกลุ่มที่สนใจแล้วหาข้อมูลเชิงลึก และกลุ่มที่แค่รู้ แต่ไม่ใส่ใจรายละเอียด
ถ้าเจาะจงเฉพาะเรื่องน้ำดื่ม ก็มีหลายยี่ห้อและหลายผลิตภัณฑ์เครื่องกรองน้ำที่ชูประเด็นเรื่อง ปราศจากการปนเปื้อนไมโครพลาสติก มีมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อเป็นกลยุทธ์ทางการขายในการเรียกลูกค้า
ยิ่งกลุ่มคนรักสุขภาพ หรือคนกำลังป่วยจะให้ความสำคัญเรื่องเหล่านี้ค่อนข้างมาก เนื่องจากหวั่นเกรงกับการปนเปื้อนของไมโครพลาสติก เพราะไม่อยากซ้ำเติมร่างกายให้แย่กว่าเดิม
แล้วรู้ไหม...การศึกษาวิจัยเรื่องไมโครพลาสติกในน้ำดื่ม เป็นเรื่องละเอียดมาก และทำค่อนข้างยาก...
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีรายงานเกี่ยวกับไมโครพลาสติก (เศษพลาสติกขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร)ปนเปื้อนในอาหารทะเลจำพวกกุ้ง หอย ปู ปลา มากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งเมื่อบริโภคเข้าไปในปริมาณที่ไม่อาจรู้ได้ว่าแค่ไหน ย่อมส่งผลกระทบต่อร่างกาย เนื่องจากสารเคมีในพลาสติกหลากหลายประเภทมีอันตรายร้ายแรงแตกต่างกัน บางชนิดอาจทำลายเนื้อเยื่อหลอดเลือด บางชนิดอาจก่อให้เกิดมะเร็ง
ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยตรวจสอบไมโครพลาสติกในน้ำดื่มบรรจุขวด และสรุปคร่าวๆ ว่า ค่าเฉลี่ยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่กระบวนการผลิตน้ำดื่มแต่ละยี่ห้อก็ยังเป็นที่กังขาสำหรับผู้บริโภค
เหมือนเช่นที่กล่าวมาคือ ไมโครพลาสติก เป็นชิ้นส่วนที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า หลายปีที่ผ่านมา รศ.ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ เคยบอกเล่าเรื่องไมโครพลาสติกในน้ำดื่ม ผ่านเฟซบุ๊ก “อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์”ว่า อนุภาคเล็ก ๆ ที่อยู่ในขวดน้ำดื่ม อาจไม่ใช่ไมโครพลาสติก แต่เป็นนาโนพลาสติก ซึ่งไม่ใช่เรื่องอันตราย
นอกจากนี้ยังมีบทความของนักวิจัยตรวจพบไมโครพลาสติกในน้ำดื่ม (จากเว็บสิ่งแวดล้อมไทย) ตรวจพบว่า น้ำดื่มจากกระบวนการผลิตที่ยังไม่ผ่านการบรรจุขวด อาจตรวจพบไมโครพลาสติกในปริมาณมาก และการพบไมโครพลาสติกที่พบในน้ำดื่มบรรจุขวด อาจมีปัจจัยหลายอย่าง ทั้งเรื่องแหล่งกำเนิดน้ำ ตัวภาชนะบรรจุ น้ำดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำดื่ม รวมถึงกระบวนการผลิตน้ำดื่ม เป็นต้น แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ฟันธงชัดเจน
ส่วนในเรื่องความปลอดภัยของน้ำดื่มบรรจุขวดของประเทศไทย ทีมวิจัยของสถาบันซินโครตรอน(องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็เคยเก็บตัวอย่างน้ำดื่มจำนวน 24 ขวดจาก 12 ยี่ห้อที่วางขายในร้านสะดวกซื้อ มาทำการตรวจวิเคราะห์ด้วยเทคนิคกล้องจุลทรรศน์อินฟราเรด พบว่า มีเพียง 41 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนทั้งหมดที่พบไมโครพลาสติกปนเปื้อน และมีปริมาณโดยเฉลี่ย 2 อนุภาคต่อน้ำ 1 ลิตร ซึ่งถือว่าปริมาณน้อยมาก จนเชื่อได้ว่าปลอดภัยต่อการบริโภค
หากมีการคำนวณปริมาณไมโครพลาสติกที่เข้าสู่ร่างกาย ทั้งช่องทางอาหาร น้ำดื่ม และอากาศ ทางWWF (2019) มีรายงานพบว่า มนุษย์จะได้รับพลาสติกเข้าสู่ร่างกายเฉลี่ยสูงถึง 250 กรัมต่อปี และไม่สามารถหลีกเลี่ยงการรับพลาสติกเข้าสู่ร่างกายผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าการบริโภคอาหารทะเล อากาศ และการดื่มน้ำ(แม้จะผ่านการบำบัดแล้วก็ตาม)
รวมๆ แล้วการตรวจสอบการปนเปื้อนไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำและน้ำดื่มบรรจุขวด จำต้องใช้เครื่องมือวิเคราะห์ที่เฉพาะเจาะจง และค่อนข้างยาก แต่เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญในการศึกษาวิจัยในอนาคต
ดังนั้นคำโฆษณาเกี่ยวกับกระบวนการผลิตน้ำดื่ม หรือเครื่องกรองน้ำ เพื่อขายผลิตภัณฑ์ จึงเป็นเรื่องที่ผู้บริโภค ต้องรู้ว่าเทคโนโลยี และการศึกษาวิจัยในปัจจุบันไปได้ไกลเหมือนคำโฆษณาหรือไม่







