ฝุ่นPM2.5 เสี่ยงกระทบเด็กไทย 13.6 ล้านคน ยูนิเซฟจี้รัฐ - เอกชน ร่วมแก้จริงจัง

ฝุ่นPM2.5 เสี่ยงกระทบเด็กไทย 13.6 ล้านคน ยูนิเซฟจี้รัฐ - เอกชน ร่วมแก้จริงจัง

ยูนิเซฟเผยข้อมูลผลกระทบจากปัญหาฝุ่น PM2.5 พบว่า มีเด็ก 13.6 ล้านคนทั่วประเทศไทย เผชิญความเสี่ยงจากฝุ่นพิษ โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีถือเป็นกลุ่มที่เปราะบางต่อมลพิษทางอากาศเป็นพิเศษ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลไทย และภาคเอกชนเร่งแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ

สถานการณ์ปัญหาฝุ่น PM2.5 กลับมาเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้ง และเช่นเดียวกันกับหลายๆ ปีที่ผ่านมา ซึ่งประชาชนต้องได้รับผลกระทบจากวิกฤติฝุ่นพิษต่อเนื่องมานาน โดยข้อมูลล่าสุดจาก ยูนิเซฟระบุว่า มีเด็ก 13.6 ล้านคนทั่วประเทศไทย เผชิญความเสี่ยงจากฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ยูนิเซฟมีความกังวลอย่างยิ่งต่อระดับค่าฝุ่น PM2.5 ที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กประมาณ 13.6 ล้านคนทั่วประเทศ สถานการณ์ที่น่าห่วงนี้ต้องการดำเนินการเร่งด่วน และจริงจังเพื่อปกป้องสุขภาพ และความเป็นอยู่ของเด็ก

จากรายงาน Over the Tipping Point report ของ ยูนิเซฟ ในปี 2566 พบว่า จำนวนเด็กในประเทศไทย ที่เผชิญความเสี่ยงสูงจากฝุ่น PM2.5 นั้นมีมากกว่าจำนวนเด็กที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางสภาพอากาศอื่นๆ เช่น น้ำท่วม คลื่นความร้อน และภัยแล้ง

"เราต้องการความมุ่งมั่น ความร่วมมือ และการดำเนินการที่เด็ดขาดจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาครัฐ และภาคธุรกิจ เพื่อจัดการกับสาเหตุของมลพิษทางอากาศอย่างจริงจัง" คยองซอน คิม ผู้อำนวยการ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าว “นี่เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้เด็กทุกคนได้เติบโตในโลกที่ปลอดภัย สะอาด และยั่งยืน”

ในประเทศไทย ระดับฝุ่น PM2.5 ที่เป็นอันตรายในช่วงนี้ ส่งผลให้เกิดการเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนมากขึ้น เพื่อที่เด็กๆ จะได้ไม่ต้องเสียวันเรียนไปโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งนี้ ยูนิเซฟกำลังจัดทำการศึกษาวิจัยโครงสร้างพื้นฐานของโรงเรียนทั่วประเทศ โดยเน้นการปรับปรุงอาคาร และห้องเรียนให้สามารถรับมือกับภัยพิบัติทางสภาพอากาศ รวมถึงฝุ่น PM2.5 ได้ดียิ่งขึ้น งานวิจัยนี้ซึ่งคาดว่าจะเผยแพร่ในปีนี้ จะเป็นข้อมูลสำคัญในการผลักดันการดำเนินการของรัฐบาล และระดมทรัพยากรเพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นด้านสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม

เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีถือเป็นกลุ่มที่เปราะบางต่อมลพิษทางอากาศเป็นพิเศษ โดยฝุ่น PM2.5 สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา และส่งผลต่อเนื่องในระยะยาว เช่น การคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดต่ำ และปัญหาการพัฒนาสมอง นอกจากนี้ เด็กยังหายใจรับอากาศมากกว่าผู้ใหญ่เมื่อเทียบปริมาณต่อน้ำหนักตัว และดูดซับมลพิษมากกว่าผู้ใหญ่ ในขณะที่ปอด ร่างกาย และสมองยังคงเจริญเติบโตไม่เต็มที่

PM2.5 คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน  ซึ่งเล็กพอที่จะเข้าสู่ปอดลึก และกระแสเลือด อนุภาคเหล่านี้สามารถทำลายระบบอวัยวะหลายส่วน และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น โรคหอบหืด ปอดอักเสบ และโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังในเด็ก การสัมผัสฝุ่น PM2.5 ในระยะยาวยังเชื่อมโยงกับโรคไม่ติดต่อในผู้ใหญ่ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน และมะเร็งปอด

จากรายงานสภาวะอากาศโลก (the State of Global Air) ฉบับที่ 5 ซึ่งเผยแพร่โดย Health Effects Institute และ ยูนิเซฟ ชี้ว่า ในปี 2564 มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีราว 700,000 คนทั่วโลก หรือคิดเป็นวันละเกือบ 2,000 คน ต้องเสียชีวิตจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ ซึ่งได้กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับที่สอง ของการเสียชีวิตของเด็กกลุ่มอายุนี้ทั่วโลก รองจากภาวะทุพโภชนาการ รายงานยังระบุด้วยว่าฝุ่น PM2.5 เป็นตัวบ่งชี้ที่แม่นยำและชัดเจนที่สุดในการคาดการณ์ปัญหาสุขภาพของประชากรทั่วโลกในอนาคต

เด็กกลุ่มเปราะบางที่สุดคือ กลุ่มที่ต้องรับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศมากที่สุด เพราะพวกเขามีทางเลือกน้อยกว่าที่จะปกป้องตัวเองจากฝุ่น PM2.5 ข้อมูลทั่วโลกแสดงให้เห็นว่า เด็กในประเทศที่มีรายได้ต่ำ และปานกลางได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศที่มีรายได้สูง โดยมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าอย่างชัดเจน

ยูนิเซฟยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทย และภาคเอกชนเร่งแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ เพื่อลดมลพิษทางอากาศ และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเน้นย้ำว่าการตัดสินใจที่กล้าหาญ และมองการณ์ไกลเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการแก้ปัญหาระยะยาวแทนการใช้มาตรการระยะสั้น

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์