'ปาล์ม-ตูเต้' 2 นักพากย์ แห่ง BG Sports ให้การดูกีฬา ฮาเหมือนดูตลก

พูดคุยกับ 'ปาล์ม-ตูเต้' 2 นักพากย์กีฬาแห่ง BG Sports เบื้องหลังยอดชมสด 2 ล้านวิว กับมิติใหม่ให้การดูกีฬา ฮาเหมือนดูตลก ทั้งการใช้น้ำเสียง และการตบมุกโบ๊ะบ๊ะของทีมบรรยาย ที่ทำให้ 90 นาทีหรือมากกว่านั้นของฟุตบอลมีชีวิตชีวามากขึ้น
พับกบ-พบกับ, ลูกนี้ไม่ล้ำครับ....แค่ทันสมัยนิดหน่อย, สี่-สอง เทเวศร์ ฯลฯ และอีกสารพัดลีลา ต่อให้ไม่ใช่คอบอล แต่เชื่อเถอะว่า ศึกฟุตบอลอาเซียนคัพ 2024 ที่เพิ่งปิดฉากไปไม่นาน เรื่องราวของทีมพากย์ BG SPORTS น่าจะผ่านหูผ่านตาใครหลายคน
ไม่ว่าจะเป็นมีมพากย์บอลและมุกตลกโบ๊ะบ๊ะ และการใช้น้ำเสียงของทีมบรรยาย ซึ่งทำให้ 90 นาทีหรือมากกว่านั้นของฟุตบอลมีชีวิตชีวามากขึ้น
แน่นอนว่าความสำเร็จของการบรรยายกีฬาขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละคน และทั้งหมดล้วนมีองค์ประกอบมากกว่าแค่หน้าฉาก แต่มันคือการลงแรงของทีมงาน BG SPORT ที่มีทั้งช่างภาพ ทีมเสียง ไฟสตู นักพากย์ ไม่นับอรรถรสของการเป็นทีมชาติไทยที่ทุกคน ต่างลงแรงเชียร์อยู่แล้วเป็นต้นทุน
ตูเต้-ภูริภัทร วงศ์รัตนเพชร (ซ้าย) และ ปาล์ม-พสิษฐ์ สุทธิกุล (ขวา)
"มันเป็นเพราะทีมที่แข่งคือทีมชาติไทยด้วยครับ ผมเชื่อว่าคนไทย ถ้าเดินผ่านหน้าทีวีแล้วเห็นทีมชาติไทยกำลังเตะอยู่ ก็ต้องมีชะเง้อมองบ้างว่าแข่งอะไร ผลเท่าไหร่แล้ว เพราะถ้าเป็นทีมอื่นแข่งเราก็คงไม่อิน แต่เมื่อเป็นบอลไทยต่อให้ไม่ใช่แฟนกีฬา เราก็อยากให้ไทยชนะ ผมก็เอาความรู้สึกนั้นใส่เข้าไป พูดในสิ่งที่คนดูรู้สึกตลอดทั้งเกม เวลามันลุ้นหรือเสียดาย ความรู้สึกมันส่งมายังการพากย์" ปาล์ม-พสิษฐ์ สุทธิกุล หนึ่งในทีมบอก
ขณะที่ ตูเต้-ภูริภัทร วงศ์รัตนเพชร สมาชิกอีกคน มองว่า แพลตฟอร์มการรับชมฟุตบอลในทุกวันนี้หลากหลายจากในอดีต และการที่ผู้ชมเลือกที่จะดูผ่านช่องยูทูบ BG SPORTS นั่นอธิบายได้ส่วนหนึ่งว่า พวกเขาอยากรับชมในสไตล์ที่ไม่เป็นทางการ ดังนั้นจึงเป็นพื้นที่ที่ผู้บรรยายสามารถสอดแทรกความบันเทิงในแบบเฉพาะตัวได้ เช่น ทำเสียงดีใจตอนไทยทำประตูได้ การชงมุก-ตบมุก กับผู้บรรรยายคู่เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของเกม
"การพากย์แบบใส่อารมณ์ และอินไปกับเกมนี้ มันจะไม่เป็นกลางแน่นอน มันเอียงเข้าข้างไทยอยู่แล้ว ผมอยากให้ไทยชนะ"
"ชื่นชมเมื่อทำได้ดี แต่ถึงแม้เราจะไม่ชอบใจในสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามทำ เช่น ทำไมกรรมการตัดสินค้านสายตาจังเลย หรือทำไมฝ่ายตรงข้ามนอนนานจังเลย แกล้งเจ็บถ่วงเวลาหรือเปล่า เราก็จะพูดออกมา แต่ก็ไม่ใช่ต่อว่ากันตรงๆ นะ จะค่อนไปในทางหยิกแกมหยอก เช่น ตอนที่ไทยนำสิงคโปร์อยู่ลูกเดียว กรรมการก็ทดเวลานาน แต่ตอนไทยสามารถยิงประตูทิ้งห่าง เรียกว่ายิงตอกฝาโลง เราก็แซวว่า เอาเลยครับ จะทดเท่าไรก็ทดไปเลย จะทดเวลาสี่วันก็ได้ ตอนนี้สี่-สองแล้วครับ สี่สองเทเวศร์ (สี่เสาเทเวศร์) นั่นเพราะเราน่าจะชนะแน่ๆแล้ว" ตูเต้-ภูริภัทร เอ่ย
ถอดรหัสนักพากย์
ย้อนความก่อนว่า BG SPORTS คือแพลตฟอร์มให้บริการเนื้อหาแบบ OTT ซึ่งอยู่ภายใต้การจัดการของสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด โดยพวกเขาเริ่มต้นลุยตลาดถ่ายทอดสดฟุตบอล ด้วยการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลเจลีกจากเครือ SIAMSPORT ก่อนจะได้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดของ 4 รายการแข่งขันของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือ ASEAN MITSUBISHI ELECTRIC CUP 2024 ที่เพิ่งจบไป
จากทีมฟุตบอลพวกเขาเข้าสู่สนามผู้ให้บริการเนื้อหาด้านกีฬาในออนไลน์ เวลาเดียวกันนี้พวกเขาฟอร์มทีมบรรยายกีฬาขึ้นมา โดยดึงเอาส่วนผสมบุคลากรที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์สายฟุตบอล และ ทีมกีฬาจากสื่อวิทยุ โดยที่ 2 ในนั้นคือ ตูเต้-ภูริภัทร ซึ่งมีประสบการณ์ทำรายการโทรทัศน์ ทำเพจตูดูบอลไทย กับ ปาล์ม-พสิษฐ์ ซึ่งมีประสบการณ์การทำรายการวิทยุ และบรรยายกีฬาอยู่แล้วที่วิทยุ FM 99
ในทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนหนนี้ ดูเหมือนพวกเขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น เริ่มตั้งแต่นัดไทย-สิงคโปร์ ที่โซเชียลมีเดียต่างแชร์ช็อตสนุกๆในการพากย์ การถูกถามถึงลีลาการพากย์ที่ไม่เหมือนใคร การวิ่งดีใจ การคุกเข่าเสียดาย ยิ่งเมื่อประกอบกับการที่ผลงานของทีมชาติไทยเข้ารอบลึกขึ้นก็ส่งให้พวกเขามียอดคนดูสดพร้อมกัน ไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ จนแตะมากกว่า 1ล้านคนในการบรรยายสด และ 2 ล้านคนในเกมกับเวียดนาม
"รู้สึกว่าไม่ปกติครับ (หัวเราะ) โทรศัพท์สั่นตลอด มีคนเอาไปทำเป็นมีมและเพื่อนๆ ก็ Tag มา คำพูด ท่าทาง ของเราถูกเอาไปเป็นมีมแชร์ในอินเทอร์เน็ต" ตูเต้-ภูริภัทร เริ่มเล่า
"ถ้ามองถึงส่วนผสมที่ทำให้มันเวิร์ค ผมวิเคราะห์ว่าฟุตบอลหรือกีฬาทุกประเภท มันเป็นอะไรที่คุณต้องสะสมมา มันไม่ใช่แค่พอได้งานนี้ คุณอ่านกฎ รู้จักตัวผู้เล่น แล้วจะบรรยายออกมาได้ ทำให้มันตลกได้ มันต้องมีภูมิความรู้เดิมก่อน สะสมตั้งแต่ที่มาที่ไปของทีม ผู้เล่น ความเข้าใจเกม พัฒนาการของทีมก่อนจะลงแข่งขัน อย่างทีมชาติไทยชุดนี้ก็เป็นชุดที่ให้โอกาสผู้เล่นใหม่ๆ อายุน้อย ถ้าคุณเข้าใจเบื้องหลังคุณก็จะเห็นทิศทางของทีมตั้งแต่ก่อนแข่งจนแข่งเสร็จ และสำหรับผมกับพี่ปาล์ม เราสองคนอินมากขึ้นเพราะเราเล่นฟุตบอล 11 คนในสนามเองด้วย ทำให้เราเข้าใจจังหวะของเกม พอเข้าใจทุกมุม เมื่อเหตุการณ์ตรงหน้าเกิดขึ้นเราเลยเลือกสถานการณ์มาพูดได้ สถานการณ์แบบนี้ผู้เล่นรู้สึกอย่างไร กรรมการมองอย่างไร แฟนบอลมองในมุมไหน"
"เรียกว่ามันกลมกล่อม เราทดแทนในสิ่งที่อีกคนมีไม่เท่า เช่น ในเชิงความเข้าใจในทัวร์นาเมนต์ การเตรียมทีมของทีมไทย ซึ่งผม ในฐานะทำเพจฟุตบอลไทย ติดตามมาตลอด ส่วนของพี่ปาล์มเขาแทนคนชอบฟุตบอลแต่ไม่ได้ติดตามฟุตบอลไทย มันจะมีมุมมองที่แตกต่างกัน พอรวมกันแล้วสมดุลกัน นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติในตัวมันเองด้วยเพราะเวลาเราอยู่ด้วยกัน เราจะโบ๊ะบ๊ะกันอยู่แล้ว เพียงแต่เราหยิบมาใส่ใน 90 นาทีที่บรรยายกีฬาด้วย”
ว่ากันตามเนื้อผ้าของการบรรยาย ทีมงานมักเลือกให้นักพากย์ที่มีอาวุโสกว่าเป็นผู้บรรยายหลัก (ปาก 1) และผู้บรรยายรอง (ปาก 2) ทำหน้าที่เสริมและให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกัน โดยที่ทั้งสองคนต้องหาจุดที่ลงตัวเพื่อให้บรรยายเกมออกมาไหลลื่น ซึ่งแน่นอนว่าในแต่ละงานคีย์เวิร์ดคือ "ทีมเวิร์ค"
ปาล์ม-พสิษฐ์ บอกว่า ธรรมเนียมการพากย์นับเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อจับคู่กับตูเต้แล้ว แม้เขาจะมีประสบการณ์มากกว่า แต่คุยกันว่าวางหลักนั้นไว้ เพราะตูเต้สันทัดฟุตบอลไทยมากกว่า และเหมาะที่จะเป็นผู้บรรยายหลัก
"ผมมองว่าน้องอินเนอร์ในเกมดีกว่า และจังหวะเข้ากับฟุตบอลไทยมากกว่า ส่วนผมจะให้มุมมองที่ต่างออกไป มันเหมือนตัวต่อสองชิ้นที่ต้องต่อกันให้พอดี เราเห็นแล้วว่าชิ้นส่วนหนึ่งมีจุดเด่นด้านนี้ เราจึงปรับให้การทำงานไปในทางเดียวกันอย่างจริงใจ"
ในฐานะคนพากย์ นอกจากข้อมูล บริบททั้งหมดที่นักพากย์ต้องรู้เป็นพื้นฐานแล้ว ทั้งคู่ต้องมีจินตนาการร่วมกันว่าจะบรรยายให้มันเป็นอย่างไร
"เราจะไม่คิดว่าการทำงานคือการแข่งขันที่ต่างคนต้องหาซีน ต้องพูดข้อมูลที่ตัวเองเตรียมไว้ให้มากที่สุด เพราะเมื่อพยายามยัดเยียด คนฟังเขาก็จะฟังออก ว่าเราบรรยายไม่ได้ไปในทางเดียวกัน"
"คนดูอยากได้ความสนุกของเกม มีผู้บรรยายที่พาไปและบอกข้อมูลที่ทำให้การดูสนุกขึ้น เขาไม่ได้อยากรู้ทั้งหมด ไม่ได้อยากฟังการบรรยายที่แย่งกันพูด หรือฟังว่าใครรู้ลึก รู้มากกว่ากัน นี่ไม่ใช่รายการแสดงความรู้ ต่อให้เราเป็นปาก 2 มีข้อมูลในมือ แต่เมื่อจังหวะเวลามันไม่ใช่ เราก็ต้องตัดออก ให้งานมันไหลลื่น และคนดูก็ยังสนุกกับการดูกีฬา"
พากย์กีฬาให้ได้ล้านวิว
ถึงตรงนี้ หากลองจำกัดคาแรกเตอร์ที่ทำให้การบรรยายฟุตบอลครั้งนี้สนุก หลายคนคงนึกคำตอบเร็วๆว่า "ก็เพราะมันตลกไง"
แต่ทั้งนี้เชื่อไหมว่า ความตลกมันก็แค่ส่วนหนึ่ง เพราะก่อนที่ไมโครโฟนของนักพากย์จะถูกเปิด บรรดานักพากย์ หรือกระทั่งครีเอเตอร์สายฟุตบอล สายกีฬา ต่างก็ล้วนทำงานหนัก
ตั้งแต่การจดจำข้อมูลนักกีฬา ดูสถิติ อ่านวิเคราะห์เกม ศึกษาพัฒนาการของทีม ของทัวร์นาเมนต์ ไม่เว้นกระทั่งฝึกจิตใจให้แข็งแรงเพื่อรองรับแรงกดดันของความคาดหวัง
"มันไม่ใช่ว่าวันนี้เราได้ล้านวิว คู่ต่อไปเราจะทำได้สองล้าน มันเหมือนสายลมที่ผ่านไป ตอนเราเห็นตัวเลข เราก็ดีใจนะ ดีใจกับทีมงาน แต่เชื่อเถอะว่า ยอดวิวไมได้การีนตีความสำเร็จ วันนี้เรามีคนชม แต่อีก 3 วันเรามาพากย์อีกคู่ ถ้าเราทำได้ไม่ดีพอ หรือไม่ถูกใจมันก็พร้อมจะถูกต่อว่า ผมจึงมองว่าเราไม่ควรเสียใจกับคำตำหนิ หรือชื่นชมกับคำชมนานเกินไป อะไรไม่ดีเราเอามาปรับปรุง แล้วก็ไปต่อในคู่ต่อไป" ปาล์ม-พสิษฐ์ อธิบาย
ส่วนตูเต้-ภูริภัทร เปรียบเทียบว่า ในการบรรยายฟุตบอล 1 เกม มุกตลกน่าจะมีสัดส่วนราวๆ 20% ขอทั้งหมดเท่านั้น แต่ที่ทำให้มันไหลลื่นได้น่าจะเป็นการเข้าใจธรรมชาติของกีฬา ในมุมของทั้งคนดู ผู้เล่น การเลือกจังหวะที่จะบอกเล่าในข้อมูลที่สนใจ จังหวะขยี้มุกตลก ที่สำคัญคือต้องไม่ฝืนและไม่ประดิษฐ์เกินความจำเป็น ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
"เราเรียนรู้เอาส่วนดีๆ ของนักพากย์แต่ละคนมารวมกัน อย่างผมก็จะชอบใหม่ๆ หน่อย เช่น ต้องซุย-ภานุวัฒน์ ใจยิ้ม, แม็กซ์ ค่อกแค่ก, เกมส์เอง, ส่วนพี่ปาล์ม ก็จะชอบพี่ยุทธ-ยุทธชัย จิรขวัญฉาย, น้าหัง-อัฐชพงษ์ สีมา, โทนคุง-พีระณัฐ จำปาเงิน, ฟลุ๊ค- ธีรยุทธ บัญหนองสา, พี่ฤทธิกร การะเวก และก็มีอีกมากนะครับที่เราชอบเหมือนกัน เราเอาจุดดี จุดเด่นของแต่ละคนมาผสม"
"ถึงวันนี้ มีคนบอกว่าทำได้ดี เราก็ขอบคุณนะครับ แต่ก็ยังไม่ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะมันก็เป็นอีกงานที่เราทำดีแล้วก็ต้องทำต่อไป สิ่งที่ได้จากทัวร์นาเมนต์นี้คือผมมีความสุข ผมทำเพจฟุตบอลไทย ได้เห็นพัฒนาการนักฟุตบอล ได้พากย์ได้ทัวร์นาเมนต์ที่มีคนสนใจ ก็ถือว่าถึงเป้าหมายหนึ่งในการทำงาน และแน่นอนว่าคนที่มาดู เขามาดูฟุตบอล คนพากย์คือสีสันหนึ่งที่ทำให้เกมกีฬามันสนุกขึ้น"
"ที่ผมภูมิใจคือการทำคนมาดูฟุตบอลไทย ผมรักและติดตามฟุตบอลไทย แน่ละว่าบางครั้งมันอาจจะมีเรื่องที่ไม่ดี มีผลที่ไม่เป็นที่ต้องการบ้าง แต่ลึกๆ ทุกคนก็ทำมันอย่างเต็มที่ พยายามอย่างสุดความสามารถ คำพูดหนึ่งที่ผมภูมิใจจากการพากย์ทัวร์นาเมนต์นี้คือ มีบางครอบครัวที่เขาเลิกดูฟุตบอลไทยแล้ว แต่กลับมาดูใหม่เพราะมีคนบอกว่ามันตลก หรือบางครอบครัวเลิกดูแล้วแต่กลับมาดูตามลูกที่ดูออนไลน์ ไม่ได้เปิดโทรทัศน์เหมือนในอดีต"
สำหรับนักฟุตบอล 90 นาทีของเกม มีค่ามากกว่าการแข่งขัน แต่มันคือเวทีของการทำงานที่ใครๆ ก็อยากประสบความสำเร็จ เป็นการแสดงหลักฐานถึงความมุ่งมั่นฝึกซ้อม
นักพากย์ ทีมบรรยายก็ไม่ต่างกัน ก่อนภาพจะถูกฉายออกให้ผู้ชมได้เห็น กว่าเสียงแรกจะถูกเปล่งออกไป ล้วนผ่านการเตรียมตัว ปาล์ม-พสิษฐ์ เล่าถึงขนาดที่ว่า ก่อนวันบรรยายหนึ่งวัน เขาจะพยายามไม่รับงานอื่น เพื่อพักผ่อนให้เพียงพอ มาถึงก่อนล่วงหน้า 3-4 ชั่วโมงเพื่อเตรียมตัว ไม่นับถึงความรู้ประสบการณ์ที่ถูกสะสมมาตั้งแต่เด็ก กับความรู้สึกที่ว่าตัวเองรักฟุตบอล จนถึงขนาด "บ้าบอล"
"การพากย์มันเกิดเหตุการณ์อะไรก็ได้ตลอด เราไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร สำหรับผมมันคือการเรียนรู้ ที่มีทั้งศาสตร์ คือการฝึกฝน สะสมชุดข้อมูล ซ้อมหน้าทีวี เล่นเกมก็ซ้อมพากย์ หาของ (ข้อมูล) ติดตัวไว้เยอะๆ และศิลป์ในเชิงของการพูด การทำสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ดี พูดแบบไหนให้คนชอบ"
"เราเปรียบว่าการบรรยายกีฬาเหมือนใช้ศาสตร์ต่างๆ รวมกัน และสำหรับใครที่อยากเป็นนักพากย์ สิ่งสำคัญหนีไม่พ้นการเตรียมตัว ฝึกฝนและค้นหาโอกาส"
ธรรมชาติและความหลากหลายของแพลตฟอร์ม สร้างทางเลือกให้กับผู้ชม นอกจากปรากฏการณ์ล้านวิวในการดูกีฬาสดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นที่ BG SPORT ยังอธิบายได้ถึงความชอบของยุคสมัยที่อาจแตกต่างไปจากอดีต ไม่ต่างอะไรไปจากภาพยนตร์ ละคร เพลง และศิลปะประเภทอื่นๆ ที่ความนิยมแปรตามยุคสมัย
ทว่าแก่นหลักที่ทั้งสองต่างลงความเห็นว่า ไม่มีทางเปลี่ยนไปในการบรรยายกีฬา นั่น คือการสร้างความสุขให้กับคนฟังนั่นเอง