ข้าวโพดกับวิกฤติฝุ่นควันนรก pm2.5 แม่สาย จ.เชียงราย

วิกฤติฝุ่นควันนรก pm2.5 อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไม่ใช่แค่การเผาในจังหวัดชายแดน ยังโยงไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน ต้นตอการปลูกข้าวโพด พืชเศรษฐกิจและการเมือง
แม่สาย เป็นเมืองที่น่าสงสารน่าเห็นใจที่สุด เพราะตัวเองไม่มีแหล่งกำเนิดความร้อนใดๆ แต่รับผลกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อมากกว่าใครเพื่อน เพราะเป็นเมืองหน้าด่านชายแดนของจังหวัดเชียงราย ลมเปลี่ยนทิศมากลางมีนาคมรับผลกระทบทันที...และแบบจั๋งหนับด้วย
ค่าอากาศนรกแตกของแม่สายในปีนี้ เริ่มไต่ขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. 2566 พอวันที่ 25 มี.ค.ค่าเฉลี่ยขึ้นไป 547 ไมโครกรัม/ลบ.ม. นั่นว่ามากแล้ว
พอวันที่ 26 มี.ค.ขึ้นไปอีกที่ 754 ไมโครกรัม/ลบ.ม. และยืนอยู่บนนรกแถวๆ นั้นจนถึง 28 มี.ค. ค่อยๆ ลดลงมาหน่อย ซึ่งต่อให้ลดลงหากค่าฝุ่น pm2.5 เกิน 200 ไมโครกรัมมันก็แสบปากแสบคออยู่แล้ว รวมๆ ที่แม่สายอยู่ในสภาพสาหัสเกิน 10 วันในเดือนมีนาคม
ทิศทางลมบ่งบอกว่า ควันไฟ ที่พัดลมมายังแม่สาย มาจากทิศตะวันตก และตะวันตกเฉียงใต้ พื้นที่แหล่งกำเนิดฝุ่นแหล่งไฟละแวกที่ว่า เกิดบนภูเขาสูงของที่ราบสูงของฉานโยมา ในเขตรัฐฉานตะวัน ออกคลุมไปถึงเมืองต่วน เมืองสาด เมืองเปง และชายเขตเชียงตุง
ในช่วงปลายเดือนมีนาคม รัฐฉานตะวันออกระดมเผากันมาก เดือนมีนาคมเป็นเดือนเผาสูงสุดซึ่งทันทีที่ลมตะวันตกเริ่มพัดแม่สายที่เป็นด่านหน้าจะอยู่ภายใต้หมอกควันขาวปกคลุมมองไม่เห็นท้องฟ้าแม้ภาพถ่ายยังเหลืองขุ่น
ในช่วงนั้นมีผู้ได้รับผลกระทบมากมีภาพข่าวเด็กเลือดกำเดาไหล ผู้ป่วยแน่นโรงพยาบาล ถึงขนาดมีการรวมกันประท้วงขอให้รัฐเร่งจัดการปัญหาเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่บริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
คนที่สนใจปัญหา อย่างชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแม่สาย ระบุว่า แหล่งกำเนิดมลพิษแม่สายคือ การเผาไร่ข้าวโพดข้ามแดนมา คนท้องถิ่นทราบดีว่าข้าวโพดเป็นพืชสำคัญราคาดีที่เขาปลูกและส่งออกกลับมายังประเทศไทย ถ้าจะแก้ปัญหาให้ตรงต้องแก้จุดนี้
แม้คนท้องถิ่นจะรู้ทั้งรู้ว่าสาเหตุปัญหาคืออะไร ... แต่ดูเหมือนเรื่องจะไม่ง่ายเลย !
- ดอยหัวโล้นเพราะปลูกข้าวโพด
ปลูกข้าวโพด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นสินค้าสำคัญวัตถุดิบที่ธุรกิจอาหารสัตว์ และสัตว์แช่แข็งส่งออกที่มีขนาดมูลค่าตลาดรวมกันเกิน 3 แสนล้านบาท /ปี แต่ละปีประเทศไทยผลิตข้าวโพดไม่พอต้องนำเข้า
แม้ว่าจะมีวัตถุดิบทดแทนได้เช่นข้าวสาลี ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกการปลูกข้าวโพดเพราะข้าวสาลีก็มีวงจรราคา บางปีราคาสูงก็ต้องหันไปใช้ข้าวโพด ยิ่งตลาดส่งออกยิ่งเติบโต ความต้องการข้าวโพดก็ยิ่งเพิ่ม
หลายปีก่อนราคาข้าวโพดอยู่แค่กิโลกรัมละ 5 บาทก็ขยายพื้นที่ปลูกจนดอยหัวโล้นไปหมดแต่นี่ราคาก็ยังเพิ่มขึ้นๆ ต่อเนื่องจนล่าสุดปีนี้ เป็นนิวไฮ ราคาหน้าโรงงานเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเกิน 12 บาท/ก.ก. นั่นยิ่งส่งสัญญาณให้การปลูกขยายตัวเพิ่มทั้งในและนอกประเทศ
ข้าวโพดเป็นสินค้าเกษตรนำเข้าลำดับหนึ่งของด่านแม่สอด (ตาก) และด่านแม่สาย (เชียงราย) ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-สิงหาคมของทุกปี เพราะช่วงดังกล่าวเป็น 7 เดือนที่อนุญาตให้นำเข้าสินค้าเกษตรภายใต้ข้อตกลง AFTA รถบรรทุกมากมายแน่นด่านเพื่อรอส่งข้าวโพดมายังประเทศไทย
การขยายพื้นที่ปลูกในรัฐฉานเกิดขึ้นจริงจังนับจากปี 2011 ที่เริ่มมีนโยบายเจรจากับชนกลุ่มน้อยปฎิรูปการเมืองให้มีการเลือกตั้ง แม้ว่าบัดนี้รัฐฉานยังไม่สงบเรียบร้อยทั้งหมด แต่โซนฉานตะวันออกก็มีความมั่นคงเพียงพอให้เกิดการขยายพื้นที่ทำกินอย่างขนาดใหญ่ พร้อมๆ กับสถิตการส่งออกข้าว /ข้าวโพด ไปประเทศจีน และข้าวโพดมายังไทย
เมื่อปี 2563/64 จีนปิดด่านเพราะโควิด งดรับซื้อข้าวโพดในปีนั้น ข้าวโพดพม่าแทบทั้งหมดถูกส่งเข้ามายังชายแดนไทย
ปลูกข้าวโพด ขยายการเผาในประเทศเพื่อนบ้าน
ข้าวโพดเป็นพืชการเมือง การที่จู่ๆ จะอ้างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพให้ยกเลิกนำเข้าเลยนั้นเป็นเรื่องไม่ง่าย เพราะผลกระทบด้านการส่งออกและอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องก็ยันอยู่ ใครๆ ก็รู้ว่าวงการนี้ต้องมีอิทธิพลการเมืองหนุน
การต่อรองโควตานำเข้า นอก AFTA ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่น หากบางปีมีความต้องการสูง ราคาข้าวโพดเพื่อนบ้านต่ำกว่าราคาข้าวสาลี ก็จะมีการต่อรองกับกระทรวงพาณิชย์อ้างเรื่องอาหารสัตว์ขาดแคลนกระทบต้นทุนการส่งออกขอนำเข้าข้าวโพดนอก AFTA ก็มีให้เห็น ความต้องการข้าวโพดยังเป็นช่วงขาขึ้น ยังต้องการเพิ่มเรื่อยๆ และราคาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
ภาวะดังกล่าวก็ยิ่งมีผลต่อการขยายการเผาภาคเกษตรในประเทศเพื่อนบ้าน แม้ว่าถึงขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขสถิติการปลูกข้าวโพดในรัฐฉานของปีนี้ออกมา แต่เชื่อแน่ว่า ด้วยระดับราคาที่สูงขึ้น ทำให้พื้นที่ปลูกขยายตัวแน่นอน และยังหมายความว่าสถิติจุดความร้อนและพื้นที่ไหม้ burnt scars ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
ก็รู้ทั้งรู้ว่า สาเหตุหลักของควันข้ามแดนที่มาโจมตีแม่สาย คือ ไฟภาคเกษตรโดยเฉพาะข้าวโพด แต่เหตุไฉนหลายปีมานี้ จึงไม่มีการขยับตัวใดๆ ของภาครัฐที่เป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากพอมีเวทีเล็กเวทีน้อย ก็เสนอเรื่องพอเป็นพิธีเข้าสู่ที่ประชุม
และทั้งๆ ที่มาตรการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการแก้ปัญหาฝุ่นละอองปี 2562 ก็เขียนถึงฝุ่นข้ามแดนและให้มีการเจรจาระดับประเทศ และระดับอาเซียนเอาไว้แล้ว
นั่นก็เพราะยังไม่มี'ใคร' เคยเอาจริงในปัญหานี้ ทั้งภาคนโยบายฝ่ายการเมืองและภาคราชการประจำ !
ปัญหาฝุ่นควัน pm 2.5 ข้ามแดน
ปัญหาฝุ่นควันได้ยกระดับใหญ่ๆขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเป็นที่สนใจกว้างขวางขึ้นจากกลุ่มคนในภาคเหนือหรือแต่ในเมืองหลวง และระดับความรุนแรงของปัญหาก็ถูกนำเสนอต่อสาธารณะมากขึ้นจนเป็นวาระสำคัญด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ทุกวงต้องหยิบขึ้นมาเอ่ยถึง
อย่างไรเสียปัญหาฝุ่นควันข้ามแดนก็จะต้องถูกยกขึ้นพิจารณา จากสภาพปัญหารุนแรงที่ปิดไม่ไหว ถามว่า แล้วจะแก้อย่างไร ?
คำถามนี้เป็นโจทย์ที่ยากมาก เพราะผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจขนาดมหึมาในประเทศก็ภูเขาลูกหนึ่งแล้ว การจะไปทำอะไรๆ ในประเทศเพื่อนบ้าน ยิ่งเป็นความยากระดับภูเขาอีกลูกหนึ่ง เพราะแต่ละประเทศต่างก็มีอธิปไตยของตน
ความเป็นไปได้ที่เคยเกิดขึ้นแล้วก็คือ กรณีควันข้ามแดนจากอินโดนีเซียไปยังสิงคโปร์มาเลเซียมีการฟ้องร้องเอกชนผู้ก่อมลพิษโดยรัฐบาลสิงคโปร์
ขณะที่รัฐบาลอินโดนีเซียเองก็ฟ้องบริษัทในประเทศที่ปล่อยให้เกิดการเผาแปลงปาล์ม/สาคูของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต นั่นก็คือ มีความเอาจริงเอาจังในระดับนโยบาย หรือ Political Will เสียก่อน
สำหรับประเทศไทยแรงกดดันทางสังคมคงต้องมากพอที่จะหนุนหลังฝ่ายนโยบายให้เกิดเจตจำนงทางการเมืองในระดับที่จะจัดการปัญหาฝุ่นควันข้ามแดนเรื่องนี้ เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ข้าวโพดเป็นพืชการเมืองและเป็นผลประโยชน์ GDP ระดับแสนๆล้านบาท
ส่วนจะเกิดมีมาตรการใดที่เป็นมรรคผล เพื่อกดดันให้เกิดการลดขนาดการเผา บรรเทาผลกระทบลงมา อันที่จริงมีตัวอย่างมากมายในโลกที่เขาทำกันไม่ใช่แค่กรณีควันข้ามแดนอินโดนีเซีย/สิงคโปร์เท่านั้น มาตรการกีดกันทางการค้าโดยอาศัยเงื่อนไขด้านสุขภาพสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนมีมากมายให้ศึกษาเป็นตัวอย่าง.







