"รถนำขบวน": สิทธินอกกรอบที่สังคมตั้งคำถาม จากรอรับนายจนถึงการนำทัวร์จีน

"รถนำขบวน": สิทธินอกกรอบที่สังคมตั้งคำถาม จากรอรับนายจนถึงการนำทัวร์จีน

ย้อนรอยและวิเคราะห์ปัญหา"รถนำขบวน" การใช้สิทธินอกขอบเขต ไม่ว่ากรณีรอรับนาย(นายใคร) เปิดทางให้ทัวร์จีน ฯลฯ เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่การใช้งานในปัจจุบัน ง่ายเกินไปหรือเปล่า

อยู่เชียงใหม่เมืองใหญ่ ผู้หลักผู้ใหญ่ไปมาเยอะ แถมเป็นเมืองท่องเที่ยว จึงได้พบเห็นรถนำขบวนสารพัดแบบ กรณีนักท่องเที่ยวจีนอัดคลิป TIK TOK เล่าเรื่องจ้างตำรวจรับจากสนามบินมีรถหวอนำไปส่งที่โรงแรมที่กำลังฮือฮาอยู่นั้น ก็แปลกใจอยู่หรอกที่ขบวนการรถนำขบวนยกระดับขายทัวร์กันโดยตรงแล้ว แต่โดยพื้นฐานนั้นมัน “ขาย” มานานแล้ว 

ระเบียบราชการว่าด้วยรถนำขบวนนั้นมีอยู่ชัดเจน คำๆ นี้เขาหมายถึง “รถตำรวจ” แต่ก็อนุโลมสำหรับรถนำขบวนของทหาร ในราชการทหาร ให้พิจารณาใช้รถเปิดหวอไฟแว้บๆ แต่ต้องเป็นไปตามจังหวะกระพริบและเสียงหวอไซเรนแบบตำรวจ  ทั้งนี้มีหลักเกณฑ์เขียนไว้ชัดว่าวีไอพีตำแหน่งใดมีสิทธิ์ใช้รถนำขบวน 

แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นปกติของสังคมไทยที่มักจะไม่มีอะไรเป็นไปตามระเบียบ แม้กระทั่งภาษาราชการที่ใช้เรียกไฟแว้บและเสียงหวอไซเรน ว่า “สัญญาณไฟวับวาบ และ เสียงครางครวญ” ก็ไม่มีใครใช้กันในโลกใบจริง ประสาอะไรกับ ข้อกำหนดที่เขียนเป็นเจตนาไว้

  • กฎระเบียบรถนำขบวน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกๆ กฎระเบียบมันจะมีช่องให้ลอดอยู่เสมอ และสังคมไทยก็เก่งกาจในเรื่องลอดช่องที่ว่าเสียด้วย ระเบียบตามหนังสือหลักเกณฑ์การใช้รถตำรวจนำขบวนฯ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี 2 ตุลาคม 2544 เขียนไว้ว่า 
ช่องที่หนึ่ง - ขบวนซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้รถตำรวจนำขบวน เพื่อความปลอดภัยของขบวน หรือความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนตามความจำเป็นแก่กรณี เช่น รถนักเรียน รถเดินไปประกอบศาสนกิจ หรือพิธีการ ขบวนรถที่มีหลายคัน เป็นต้น 
ช่องที่สอง - การใช้รถนำขบวนในภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นไปตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพิจารณาอนุญาตเป็นรายๆ ไป ตามความจำเป็นแก่กรณี 

"รถนำขบวน": สิทธินอกกรอบที่สังคมตั้งคำถาม จากรอรับนายจนถึงการนำทัวร์จีน

ช่องที่สาม - ในราชการทหาร สำหรับผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ให้ใช้รถนำขบวนของฝ่ายทหารเอง โดยใช้หลักเกณฑ์วิธีการสัญญาณไฟของตำรวจโดยอนุโลม

ช่องที่สี่ - การใช้รถนำขบวนข้างต้นให้ใช้กับผู้รักษาราชการแทน ผู้รักษาการ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน และบุคคลสำคัญต่างประเทศที่มาเยือนระดับเทียบเท่า 

แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว .. มีดุลพินิจ มีเทียบเท่า มีกรณีจำเป็นเฉพาะเรื่อง เฉพาะราย ขอให้มีข้อยกเว้น เป็นรูให้ลอด ! 

  • อภิสิทธิ์รถนำขบวน

ดังนั้น เราจึงเห็นการใช้รถนำขบวน ทั้งตำรวจ–ทหารบ่อยๆ วิ่งเต็มเมืองไปหมด ยิ่งต่างจังหวัด ยิ่งเมืองท่องเที่ยว ก็ยิ่งพบเห็น เดี๋ยวขบวนโน้น เดี๋ยวขบวนนี้ มีทั้งจำเป็นจริงๆ และมีทั้งปลอมๆ อยากเท่ อยากเร็ว อยากมีอภิสิทธิ์

และอยากประจบประแจงนาย รถหวอตำรวจในต่างจังหวัดแทบทุกหน่วยมักจะถูกพบเห็นใช้ในภารกิจนำขบวนมาทั้งนั้น ไม่ว่าตร.ท่องเที่ยว ตร.ภูธร สถานีอำเภอต่างๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะ ตร.ทางหลวง เท่านั้น 

รวมทั้งรถหวอของทหาร ที่เชียงใหม่มักจะเห็นนำขบวนรถตู้ 4-5 คันออกจากสนามบิน ผู้โดยสารไม่แต่งเครื่องแบบ เป็นคุณหญิงคุณนายไปรเวทก็มี ไม่รู้ว่ามีภารกิจใดบ้าง แต่ที่แน่ๆ ประเภทไปทำบุญทอดกฐินตามวัดก็มีให้พบเห็นขบวนแบบนี้จอด

ยังมีอีก เคยเจอประเภทรถติดไฟแว้บ มีตรางานกู้ภัยของหน่วยงาน อปท.จากต่างจังหวัดอื่นมาวิ่งนำขบวนให้กับรถบัสท่องเที่ยวป้ายจังหวัดเดียวกัน 4-5 คัน เมื่อถึงทางร่วมทางแยก รถหวอขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอื่น ก็เปิดไฟแว้บๆ ขอทางให้กับขบวนรถท่องเที่ยวของตน 

อยู่เมืองท่องเที่ยวได้เห็นทุกรูปแบบของการนำขบวนจริงๆ ก็พอจะเข้าใจได้ สำหรับหน่วยงานที่มีรถใช้นำขบวน  (ที่ไม่ตรงภารกิจ) นั้นบางทีถูกสั่งมา หลีกเลี่ยงไม่ได้

ยิ่งเมืองใหญ่อย่างเชียงใหม่คนมาปฏิบัติหนีไม่พ้นต้องมีนายที่ใหญ่ขึ้นไปอีกชั้น ไม่ว่าหน่วยไหน อันนี้ต้องจัดให้ ปฏิเสธไม่ได้ เช่น นายของนาย เพื่อนของนาย ตำแหน่งพลตรี พลโท ไม่ได้เป็นผู้บัญชาการหน่วยอะไร แต่ก็ใหญ่พอจะขอใช้ 

กับอีกแบบคือ เจตนาทำมาหากิน หารายได้เพิ่ม ซึ่งมันก็ง่ายดายมาก ศัพท์ในวงการเขาเรียกเยี่ยวปนฝน เช่น โรงเรียนประถมจัดทัศนศึกษาข้ามจังหวัด ขออนุเคราะห์รถตำรวจนำบัสนักเรียน ปกติก็มีการจ่ายค่าเสียเวลาใส่ซองให้

"รถนำขบวน": สิทธินอกกรอบที่สังคมตั้งคำถาม จากรอรับนายจนถึงการนำทัวร์จีน

ความจำเป็นรถนำขบวนกลุ่มวีไอพี ? 

แต่ที่จะได้เป็นกอบเป็นกำคือรถนำทัวร์ทอดกฐินทอดผ้าป่างานต่างๆ ที่อยากมีรถนำ มีอัตราเรียกเก็บเอาไว้ 5 พันนำข้ามจังหวัด อยากได้รถหวอนำ ไม่ยากเลย เป็นรู้กันในวงการ มีให้ติดต่อเรียกใช้บริการแทบจะในทุกภาคทุกจังหวัดของประเทศไทย  

เอาเข้าจริง รถบัสคนเยอะๆ มีรถนำสักหน่อยเพื่อความปลอดภัยยังไม่น่าเกลียดเท่ารถตู้หรูๆ 3-4 คันแบบวีไอพี อันนี้มาจอดรถที่สนามบินเลย แวะกินข้าวรถตำรวจก็จอดรอที่ร้านอาหาร ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจบารมี มักจะรู้ว่าพวกนี้เด็กๆ ถูกเรียกใช้ก็จริงแต่ก็มีน้ำใจใส่ซองให้ มันเป็นระบบเกื้อกูลแบบไทยๆ 

สังคมไทยเป็นสังคมอยากโชว์ อยากอวด ความมีอภิสิทธิ์เหนือชาวบ้านเป็นเครื่องหมายหนึ่งบ่งบอกความสำเร็จในชีวิต จึงเป็นขนมพอสมน้ำยา ทั้งผู้ให้ผู้รับ-ผู้จ้างผู้ขาย หรือแม้กระทั่งผู้พบเห็นทั่วไป อ๋อ วีไอพีที่ไหนอีกสักกลุ่ม

ไม่ได้ตั้งคำถามว่า คนที่เฉิดฉายเดินลงร้านอาหารกลุ่มนั้นมีสิทธิ์ใช้พาหนะหลวงจากเงินภาษีหรือไม่

อาจจะยกเว้นเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพที่หากเกิดมีรถวีไอพีมีตำรวจนำไปทำอะไรเป็นที่น่าหมั่นไส้จะถูกคนกรุงถามหา แต่สำหรับต่างจังหวัด เมืองท่องเที่ยวรอบนอกยังไม่มีอารมณ์หมั่นไส้ทำนองนั้น 

รถหวอตำรวจนำขบวน จึงเป็นเรื่องปกติมายาวนาน งานศพงานแต่งงานเที่ยวหากจะใช้รถนำขอให้มีจ่าย หรือผ่านไปหน้าสนามบินเห็นรถหวอ อ๋อ ไม่ใครก็ใครสักคนที่มีอำนาจวาสนาหรือเจ้าสัวมีเงินทองมา 

สังคมรู้เห็นอยู่เต็มตามานานว่า รถนำขบวนไม่ได้มีเฉพาะพิธีการสำคัญและบุคคลสำคัญจริงๆ อย่างที่เขียนเอาไว้สวยๆ ในระเบียบราชการ ตำรวจมารอรับนาย/เพื่อนนาย/นายของนายที่สนามบินออกทางช่องพิเศษ แล้วพามาขึ้นรถมีหวอนำ เป็นเรื่องที่ทำกันมายาวนานแล้ว

บางทีการซื้อขายไม่ใช่ดูจากการจ่ายเม็ดเงินหรอก เขาซื้อสายสัมพันธ์บุญคุณคอนเน็คชั่นกันก็มี แต่รวมๆ ก็คือ เอาพาหนะ เอาบุคลากรของหลวงไปทำประโยชน์ตน 

มันจึงเป็นพื้นฐานให้เกิดการไต่ระดับ.. จากบริการคนไทย.. ไปเป็นการขายนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างที่เป็นข่าว ! 

อยากจะเห็นการสอบสวนแบบเอาจริงไม่ตัดตอน เพราะเรื่องแบบนี้ลำพังชั้นผู้น้อยที่ไปรอรับไปเอากระเป๋ากับผู้น้อยที่ขี่รถนำทางไม่ได้คิดทำเองหรอก เป็นนายสั่งมาอีกทอด

การติดต่อขาย “บริการอภิสิทธิ์ราชการ” มีรถตำรวจนำเป็นเรื่องน่าอับอายและเป็นรอยด่างของกระบวนการยุติธรรมของประเทศ เขาซื้อขายข้ามประเทศล่วงหน้าเหมือนจองบริการทัวร์ได้อย่างไร เรื่องนี้ไม่สมควรยุติที่การสอบเอาผิดแค่ผู้น้อย 3-4 ราย