'บลูบอทเทิ่ล+% อะราบิก้า ไชน่า' อภิมหาบิ๊กดีลของลัคอิน คอฟฟี่?

'บลูบอทเทิ่ล+% อะราบิก้า ไชน่า' อภิมหาบิ๊กดีลของลัคอิน คอฟฟี่?

ลัคอิน คอฟฟี่ สยายปีกรุกธุรกิจร้านกาแฟนอกจีนแผ่นดินใหญ่ เล็งซื้อกิจการร้านกาแฟ บลู บอทเทิ่ล ควบ % อะราบิก้า ไชน่า

KEY

POINTS

  • ลัคอิน คอฟฟี่ เตรียมสยายปีกรุกธุรกิจร้านกาแฟนอกจีนแผ่นดินใหญ่
  • ยื่นรีเทิร์นขอกลับเข้าไปจดทะเบียนในตลาดแนสแด็กอีกคำรบ
  • บลูมเบิร์กอ้างแหล่งข่าว ลัคอินฯ เล็งซื้อกิจการร้านกาแฟ บลู บอทเทิ่ล ควบร้านกาแฟ % อะราบิก้า ในจีน 
  • สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่ววงการธุรกิจกาแฟโลก โดยเฉพาะยักษ์เขียวสตาร์บัคส์

ถ้าใครติดตามข่าวสารของวงการธุรกิจกาแฟระหว่างประเทศ ก็จะพบว่า ในทุก ๆ ความเคลื่อนไหวของเชนร้านกาแฟอันดับหนึ่งในแดนมังกรอย่าง 'ลัคอิน คอฟฟี่' (Luckin Coffee) มักได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั่วโลก ไม่ว่าจะขยับทำอะไรก็จะตกเป็นข่าวอยู่ตลอดเวลา ไม่แพ้ 'สตาร์บัคส์' ( Starbucks)  คู่แข่งตัวฉกาจจากแดนพญาอินทรีเลยทีเดียว

ล่าสุดช่วงปลายปีนี้เอง ลัคอิน คอฟฟี่ ก็มีข่าวใหญ่เกิดขึ้นถึงสองข่าวติดต่อกัน

ข่าวแรกนั้น ผู้บริหารลัคอิน คอฟฟี่ ประกาศยื่นขอเข้าไป 'จดทะเบียน' ในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็กของสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง หลังถูกเพิกถอนหุ้นออกไปเมื่อปีค.ศ. 2020  จากผลของคดีตกแต่งตัวเลขงบการเงินที่กลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการประกาศกำหนดเวลาที่ชัดเจนสำหรับการกลับเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐของลัคอิน คอฟฟี่ แต่อย่างใด

'บลูบอทเทิ่ล+% อะราบิก้า ไชน่า' อภิมหาบิ๊กดีลของลัคอิน คอฟฟี่?

ลัคอิน คอฟฟี่ กับสองข่าวใหญ่ปลายปี ยื่นขอกลับไปจดทะเบียนในตลาดแนสแด็ก พร้อมมีข่าวสนใจซื้อกิจการร้านกาแฟพิเศษระดับไฮเอนด์ถึง 2 แห่ง  (ภาพ : investor.lkcoffee.com)

ข่าวที่สองตามมาติด ๆ ซึ่งสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่ววงการธุรกิจร้านกาแฟโลกไม่น้อย หลังสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในที่ระบุว่า ลัคอิน คอฟฟี่ กำลังพิจารณาซื้อกิจการเชนร้านกาแฟพิเศษระดับไฮเอนด์ 'บลู บอทเทิ่ล' จากเนสท์เล่ ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มแดนสวิส ในวงเงินที่ยังไม่มีการเปิดเผย

ในข่าวเดียวกันนี้เอง บลูมเบิร์กยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ลัคอิน คอฟฟี่ มีความสนใจที่จะซื้อกิจการร้านกาแฟในจีนของ '% อะราบิก้า' (% Arabica) แบรนด์ร้านกาแฟพิเศษชื่อดังแดนซามูไร ด้วยเช่นกัน

บลูมเบิร์ก ระบุว่า ลัคอิน คอฟฟี่และบริษัทเพื่อการลงทุน 'เซ็นจูเรี่ยม แคปปิตอล' (Centurium Capital) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของลัคอินฯ กำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อกิจการบลู บอทเทิ่ล และกิจการ % อะราบิก้า ในประเทศจีน หวังเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์และขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดกาแฟระดับสเปเชียลตี้

รายงานข่าวระบุว่า การเจรจายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะปิดดีลกันเมื่อใด

เป็นที่น่าสังเกตว่า กระแสข่าวการเทคโอเวอร์กิจการที่ขณะนี้ยังไม่มีใครออกมาคอนเฟิร์มว่าจริงแท้แน่นอน ปรากฎขึ้นในห้วงเวลาที่ ลัคอิน คอฟฟี่ กำลังคัมแบ็คเข้าไปจดทะเบียนในตลาดแนสแด็กอีกครั้ง

'บลูบอทเทิ่ล+% อะราบิก้า ไชน่า' อภิมหาบิ๊กดีลของลัคอิน คอฟฟี่?

เชนร้านกาแฟดัง บลู บอทเทิ่ล ตกเป็นเป้าหมายการเทคโอเวอร์จากลัคอิน คอฟฟี่  ตามรายงานข่าวของบลูมเบิร์ก  (ภาพ : facebook.com/bluebottlecoffee)

อันที่จริงในเวลาใกล้เคียงกันมีข่าวออกมาด้วยว่า เชนร้านกาแฟสัญชาติจีนรายนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการ 'คอสต้า คอฟฟี่' (Costa Coffee) จากบริษัทโคคา-โคล่า แต่ดูเหมือนว่า ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้

ลัคอิน คอฟฟี่ จะทุ่มเงินซื้อกิจการบลู บอทเทิ่ล ตามด้วย % อาราบิก้า ไชน่า หรือไม่อย่างไรนั้นก็ยังเป็นแค่รายงานข่าว แต่ในวงการธุรกิจแล้ว การประกาศแผนธุรกิจและกลยุทธ์บริษัทในระดับเมกะเทรนด์หรืออภิมหาบิ๊กดีล ก็มักพบเห็นกันได้เป็นประจำ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อสร้างความมั่นใจและแรงดึงดูดใจในตัวหลักทรัพย์ ก่อนหน้าการนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์

มีคำศัพท์ที่ใช้กันบ่อย ๆ สำหรับเรียกกระบวนการข้างต้นนี้ว่า การ 'แต่งตัว' เข้าตลาดหุ้น

ต้นปี ค.ศ. 2019 ลัคอิน คอฟฟี่ ที่ใช้กลยุทธ์ 'รีเทลคอฟฟี่' เปิดร้านขนาดเล็ก ขายกาแฟถูกกว่าคู่แข่ง เน้นแอปพลิเคชันในการสั่งซื้อ ประกาศแผนเปิดร้านสาขาใหม่อีก 2,500 แห่ง ทั้งยังโชว์ตัวเลขให้ดูว่ากิจการโตไวจนแซงหน้าเจ้าของแชมป์เก่าอย่างสตาร์บัคส์ ขึ้นแท่นเป็นเชนร้านกาแฟรายใหญ่สุดของจีนในแง่จำนวนสาขา

กลางปีเดียวกันนั้น ตลาดแนสแด็กมีโอกาสต้อนรับลัคอิน คอฟฟี่ เข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนน้องใหม่ โดยราคาหุ้นลัคอินฯ เริ่มเปิดเทรดที่ระดับ 17 ดอลลาร์ต่อหุ้น และปิดตลาดวันแรกที่ราคา 25 ดอลลาร์ ก่อนชะลอตัวลงสู่ระดับ 16 ดอลลาร์ ในการซื้อขายวันที่ 2

'บลูบอทเทิ่ล+% อะราบิก้า ไชน่า' อภิมหาบิ๊กดีลของลัคอิน คอฟฟี่?

กิจการร้านสาขาในจีนของ % อะราบิก้า เชนร้านกาแฟยอดนิยมของญี่ปุ่น  มีข่าวว่าลัคอิน คอฟฟี่ สนใจอยากเทคโอเวอร์เช่นกัน  (ภาพ : instagram.com/arabica.cn)

หลังจากที่ลัคอิน คอฟฟี่ เผชิญกับภาวะล้มละลายในปีค.ศ. 2020 ก็ได้บริษัท เซ็นจูเรี่ยม แคปปิตอล เข้ามามี 'บทบาท' สำคัญในการปรับโครงสร้างบริษัท โดยการจัดหาเงินค่าปรับเพื่อจ่ายให้กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ จากนั้นก็เข้าควบคุมกิจการแทนผู้ก่อตั้งเดิม และนำกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อสร้างความโปร่งใสและฟื้นฟูบริษัทจากภาวะล้มละลาย

เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา 'หลี่ ฮุย' ผู้ก่อตั้งเซ็นจูเรี่ยม แคปปิตอล ที่ควบตำแหน่งประธานพ่วงซีอีโอ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของลัคอิน คอฟฟี่ เข้ารับตำแหน่งประธานคนใหม่ของเชนร้านกาแฟจีนแห่งนี้ไปเป็นที่เรียบร้อย

แล้วถ้าจะพูดว่าในปีนี้มีแต่ 'ข่าวดี' สำหรับลัคอิน คอฟฟี่ ก็คงไม่ผิดนัก 

ด้วยกลยุทธ์ราคาและการขยายสาขาอย่างรวดเร็ว  บริษัทสามารถพลิกฟื้นธุรกิจในจีนจนกลับมาใหญ่ได้อีกครั้งในเวลาเพียงไม่กี่ปี หลังจากกิจการล้มละลายลงไปจากคดีตบแต่งบัญชี  ลัคอิน คอฟฟี่ เปิดสาขาเพิ่มขึ้นในจีนและต่างประเทศ ทำให้มีการจับตามองในฐานะ 'นกฟีนิกซ์' แห่งวงการร้านกาแฟ

นอกจากนั้น การบุกเปิดสาขาใหม่ในตลาดสหรัฐ เพื่อ 'ท้าชน' เจ้าถิ่นสตาร์บัคส์ถึงแดนพญาอินทรี ทำให้ตลาดแนสแด็กมองเห็นศักยภาพการเติบโตและโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจของลัคอิน คอฟฟี่

'บลูบอทเทิ่ล+% อะราบิก้า ไชน่า' อภิมหาบิ๊กดีลของลัคอิน คอฟฟี่?

สตาร์บัคส์ เพิ่งประกาศขายหุ้น 60% ของกิจการร้านสาขาในจีนแผ่นดินใหญ่ออกไปให้กับกลุ่มลงทุนสัญชาติจีน  (ภาพ : starbucks.com)

ลัคอิน คอฟฟี่ ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ค่อนข้างสวยหรูทีเดียว มีอัตราเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และตอกย้ำตำแหน่งผู้นำเครือร้านกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในจีน  ด้วยการเปิดร้านใหม่กว่า 3,000 แห่ง ในจำนวนนี้รวมถึงสาขาใหม่ 5 แห่งในสิงคโปร์, 21 แห่งในมาเลเซีย และ 3 แห่งในสหรัฐ

สรุปว่าจำนวนสาขาในจีนและต่างประเทศของลัคอิน คอฟฟี่ จนถึงสิ้นปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 29,000 แห่งแล้ว 

แล้วถ้ากระแสข่าวการเทคโอเวอร์เชนร้านกาแฟระดับไฮเอนด์ 2 แห่งเป็นความจริงขึ้นมา ก็ชัดเจนว่า เป้าหมายของลัคอิน คอฟฟี่ จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากใช้เป็นหัวหอกขยายฐานธุรกิจร้านกาแฟเกรด 'สเปเชียลตี้' นอกประเทศจีน เพราะเป็นเซ็กเมนท์ที่ลัคอิน คอฟฟี่ ยังขาดอยู่ ต้องการเติมเต็ม

ครั้นจะใช้วิธีเปิดธุรกิจใหม่ก็ชักช้าไม่ทันใจ ขณะที่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่แล้ว

'บลู บอทเทิ่ล' เชนร้านกาแฟพิเศษจากแคลิฟอร์เนีย เป็นที่รู้จักในด้านกาแฟดริปคุณภาพสูง เน้นการออกแบบร้านที่โดดเด่น สวยงาม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถูกเนสท์เล่ เข้าไปถือหุ้นใหญ่ 68% ในปีค.ศ. 2017 รวมแล้วมูลค่ากิจการประมาณ 425 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจุบัน มีสาขาจำนวนมากในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น รวมไปถึงหลายประเทศในเอเชียตะวันออก เช่น จีน, ฮ่องกง, สิงคโปร์ และเกาหลีใต้

'บลูบอทเทิ่ล+% อะราบิก้า ไชน่า' อภิมหาบิ๊กดีลของลัคอิน คอฟฟี่?

คอสต้า คอฟฟี่ เชนร้านกาแฟอังกฤษ ถูกบริษัทโคคา-โคล่า ขึ้นบัญชีขายเมื่อไม่นานมานี้  (ภาพ : facebook.com/CostaCoffee)

ส่วนเชนร้านกาแฟยอดนิยม '% อะราบิก้า' จากเมืองเกียวโต เป็นที่รู้จักในด้านการออกแบบที่เรียบง่ายสไตล์มินิมอลและใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพสูง มีสาขามากทีเดียว เรียกว่าแทบจะทุกประเทศในเอเชียและตะวันออกกลางก็ว่าได้ ส่วนสาขาในยุโรปและอเมริกาก็มีเช่นกัน แต่จำนวนไม่เยอะ

นับตั้งแต่เปิดสาขาแรกในเซี่ยงไฮ้ เมื่อปีค.ศ. 2018 ร้าน % อะราบิก้า ก็ได้ขยายสาขาออกไปอย่างรวดเร็ว ขานรับตลาดกาแฟที่เฟื่องฟูในจีนแผ่นดินใหญ่ ปัจจุบันมีสาขาหลายแห่งในเมืองใหญ่ ๆ ของจีน เช่น ปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้, เซิ่นเจิ้น, เฉิงตู และซีอาน 

เมล็ดกาแฟที่ร้าน % อาราบิก้า เลือกใช้ในตลาดจีน นอกจากเป็นเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงจากแหล่งปลูกดัง ๆ ทั่วโลกแล้ว ยังใช้เมล็ดกาแฟจาก 'ยูนนาน' แหล่งปลูกกาแฟของจีนอีกด้วย 

ขอย้ำอีกครั้งว่าถ้าดีลนี้เป็นจริง ก็อาจจะมีคำถามตามติดเพิ่มเติมมาอีกว่า ลัคอิน คอฟฟี่ จะเอาเครือข่ายใหม่ไปแข่งขันกับใคร บอกตามตรง ชื่อของ 'สตาร์บัคส์' ลอยขึ้นมาทันที ไม่ใช่เฉพาะสตาร์บัคส์ในจีนเท่านั้น แต่หมายรวมถึงสตาร์บัคส์ในสหรัฐด้วย

'บลูบอทเทิ่ล+% อะราบิก้า ไชน่า' อภิมหาบิ๊กดีลของลัคอิน คอฟฟี่?

ลัคอิน คอฟฟี่ บุกตลาดร้านกาแฟโซนอเมริกาเหนือ ตอนนี้มีเครือข่ายสาขาในสหรัฐอยู่ 3 แห่ง  (ภาพ : investor.lkcoffee.com)

เมื่อเดือนที่แล้ว สตาร์บัคส์ตกลงขายหุ้นใหญ่ 60% ของกิจการร้านสาขาในประเทศจีนให้กับบริษัทลงทุนเอกชนชื่อ โป๋หยู แคปิตอล ส่วนในตลาดอเมริกาเหนือ ก็อยู่ระหว่างจัดทัพใหม่ เพื่อสร้างฐานที่มั่นให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในอภิมหาบิ๊กดีลของลัคอิน คอฟฟี่ ยังเป็นกระแสข่าว แล้วถ้าจริง ก็คงอยู่ในช่วงเริ่มต้นมาก ๆ อาจจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จเลยก็ได้ แต่ก็มีความน่าสนใจบางอย่างซ่อนอยู่ อาจจะฟังดูย้อนแย้งกันก็ได้

นั่นคือ แบรนด์ร้านกาแฟที่มีโมเดลการบริการแบบ 'เร็วที่สุด' เท่าที่จะเป็นไปได้ ตกเป็นข่าวเข้าซื้อกิจการเชนร้านกาแฟเกรดสเปเชียลตี้ 2 แห่งที่จัดอยู่ในสาย 'สโลว์บาร์' ที่มีความเป็นงานคราฟท์สูง ต้องอาศัยเวลาและความพิถีพิถัน กาแฟที่ออกมาแต่ละแก้วใช้เวลาตั้งแต่ 10 – 20 นาทีเลยทีเดียว

ตอนนี้ยังวิเคราะห์วิจารณ์อะไรมากไม่ได้ เพราะกระแสข่าวการเทคโอเวอร์ระดับอภิมหาบิ๊กดีลยังไม่มีความชัดเจน ยังไม่มีใครออกมาตอบรับหรือปฏิเสธ ส่วนเรื่องที่ลัคอิน คอฟฟี่ กำลังอาบน้ำแต่งตัว เพื่อยื่นขอกลับเข้าไปจดทะเบียนในตลาดแนสแด็กอีกคำรบนั้น เป็นข่าวจริงแท้แน่นอนครับ

.........................................

เขียนโดย : ชาลี วาระดี