กาแฟอินสแตนท์บราซิล 'อ่วม' ยังโดนภาษีทรัมป์ 50%

กาแฟอินสแตนท์บราซิล 'อ่วม' ยังโดนภาษีทรัมป์ 50%

ธุรกิจกาแฟอินสแตนท์บราซิลยังไม่รอดภาษีทรัมป์ โดนจัดหนักในอัตรา 50% เท่าเดิม ต่างกับสารกาแฟและเมล็ดกาแฟคั่วที่ผู้นำสหรัฐกลับลำ ไม่เก็บภาษีศุลกากรแล้ว

จะเรียกว่าถอยหรือกลับลำก็ได้กระมังครับ สำหรับท่านผู้นำ 'โดนัลด์ ทรัมป์' แห่งสหรัฐอเมริกา ยอมยกเลิกภาษีสินค้าเกษตรจากบราซิล ซึ่งรวมไปถึง 'กาแฟ' ที่คนอเมริกันบริโภคกันมาก ๆ ด้วย ทั้งที่ตอนประกาศเก็บภาษีแดนแซมบ้าใหม่ ๆ ทำท่าทางแข็งกร้าว กล่าวหารัฐบาลบราซิลมีพฤติกรรมล่าแม่มด กระทำการไม่ยุติธรรมต่ออดีตประธานาธิบดีผู้เป็นพันธมิตรทางการเมืองของเขา  

ตั้งแต่ประธานาดีทรัมป์ประกาศตั้งกำแพง 'ภาษีศุลกากร' ประเทศคู่ค้าในอัตราสูงลิบเมื่อกลางปีนี้ ชัดเจนว่านับจากนั้นก็ถูกชาวอเมริกันจำนวนมากวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ทั้งยังโดนโจมตีจากพรรคการเมืองคู่แข่งว่าเปิดสงครามการค้าที่ไม่สร้างสรรค์ และขัดแย้งกับหลักการค้าเสรี

ทรัมป์ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้หรอกครับ เพราะนโยบายของท่านผู้นำ ทำราคา 'อาหาร' ในประเทศพุ่งขึ้นสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคากาแฟแพงจัด บวกไปกว่า 40% จากปีที่แล้ว สร้างปัญหาด้านค่าครองชีพ จนเดือดร้อนกันไปหมด คะแนนนิยมของทรัมป์เลยตกลงฮวบฮาบอย่างต่อเนื่อง

20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารให้ 'ยกเลิก' ภาษีสินค้าเกษตรจากบราซิล เช่น กาแฟ, เนื้อวัว, โกโก้ และผลไม้ หลังจากเคยประกาศจัดเก็บภาษีในอัตราสูงถึง 50% เมื่อเดือนสิงหาคม ก่อนลดลงเหลือ 40%  และล่าสุดภาษีเหลือ 0%

กาแฟอินสแตนท์บราซิล 'อ่วม' ยังโดนภาษีทรัมป์ 50%

นโยบายกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำราคาอาหารในประเทศพุ่งลิ่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคากาแฟแพงจัด บวกไปกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว  (ภาพ :  Charlie Waradee)

การถอยครั้งนี้ถือว่าสอดคล้องกับฉายาใหม่ที่สื่อยักษ์ใหญ่ตะวันตกมอบให้ทรัมป์ว่า 'ทาโก้' (TACO)  ที่ไม่ใช่ 'ของกิน' แต่หมายความว่า 'ถอยเสมอ'

TACO นี้มาจากประโยค "Trump Always Chickens Out" หรือทรัมป์มักถอยเสมอ ซึ่งเป็นคำวิจารณ์พฤติกรรมทางการเมืองโดยปกติของท่านผู้นำที่แรก ๆ ก็มักดุดันแข็งกร้าว แต่พอเจอต่อต้านแรง ๆ ก็ใส่เกียร์ถอยหลังไม่เป็นขบวน

หลังเจอเสียงก่นตำหนิหนัก  ๆ และคะแนนนิยมดำดิ่งลงต่ำสุดตั้งแต่กลับมาเป็นประธานาธิบดีรอบ 2  ทรัมป์ก็กลับลำแบบไม่สนใจประเด็นล่าแม่มดอีกแล้ว

ทรัมป์ออกคำสั่งบริหารยกเลิกเก็บภาษีบราซิล หวังลดภาวะเงินเฟ้อและคลายความกังวลของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากภาษีศุลกากรก่อนหน้านี้มีส่วนทำให้ราคาอาหารสูงขึ้นอย่างมาก

กาแฟอินสแตนท์บราซิล 'อ่วม' ยังโดนภาษีทรัมป์ 50%

บราซิลเป็นซัพพลายเออร์กาแฟรายสำคัญให้กับสหรัฐอเมริกามาอย่างยาวนาน ในแต่ละปีสหรัฐนำเข้ากาแฟบราซิลถึงกว่า 30% ของยอดนำเข้าทั้งหมด  (ภาพ : Minh Thái Lê from Pixabay)

ทำเนียบขาวระบุว่า การยกเลิกภาษีจะมีผลย้อนหลังครอบคลุมสินค้านำเข้าจากบราซิลตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายนเป็นต้นไป และอาจมีการ  'คืนเงิน' ภาษีอากรขาเข้าที่เก็บไปแล้วในช่วงเวลาดังกล่าว

 ผู้เขียนเข้าใจ(เอง)ว่า การคืนเงินภาษีดังกล่าวไม่ได้คืนให้ประเทศผู้ส่งออกนะ แต่คืนให้กับบริษัทนำเข้าสินค้าของสหรัฐเองที่โดนภาษีเสียอ่วม เลยผลักภาระ 'ต้นทุน' ที่เพิ่มขึ้นต่อไปยังผู้บริโภค เพราะขืนแบกรับต้นทุนไว้เสียเอง รับรองกิจการไปไม่รอดแน่ ๆ นี่แหละครับคือสาเหตุที่ทำไมราคาอาหารถึงแพงขึ้นพรวดพราดในสหรัฐอเมริกา

หลังจากทรัมป์ยกเลิกภาษีบราซิล ปรากฎว่าราคากาแฟในตลาดล่วงหน้าระหว่างประเทศลดลงนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นก็ขยับขึ้นอีกแล้ว เนื่องจากปัจจัยหลักๆ ที่กดดันราคากาแฟในตลาดล่วงหน้ามาตลอด ยังคงเป็นสถานการณ์โลกร้อนที่ทำให้สภาพอากาศแปรปรวน

นอกจากนั้น ก็เป็นประเด็นของปริมาณผลผลิตของประเทศผู้ผลิตกาแฟทั้งหลายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสภาพอากาศ

กาแฟอินสแตนท์บราซิล 'อ่วม' ยังโดนภาษีทรัมป์ 50%

สภาผู้ส่งออกกาแฟบราซิล ระบุว่า นับจากเดือนสิงหาคมปีนี้เป็นต้นมา สหรัฐระงับการนำเข้ากาแฟบราซิลไปแล้วประมาณ 1 ล้านกระสอบ กระสอบหนึ่งก็ตกราว 60 กิโลกรัม  (ภาพ : pexels by cottonbro studio)

ในส่วนของพืชเกษตรอย่างกาแฟที่สหรัฐเคยนำเข้าจากบราซิลถึงกว่า 30% นั้น การยกเลิกภาษีศุลากรรอบนี้มีผลเฉพาะ 'สารกาแฟ' หรือที่เรียกทับศัพท์กันว่ากรีนบีน และ 'เมล็ดกาแฟคั่ว' ขณะที่ 'กาแฟสำเร็จรูป' หรือกาแฟอินสแตนท์ยังคงถูกเก็บภาษีในอัตรา 50%

อาจเป็นเพราะทรัมป์มองว่า กาแฟอินสแตนท์เป็นสินค้าแปรรูป ไม่ใช่สินค้าภาคการเกษตรอย่างสารกาแฟที่สหรัฐผลิตเองไม่ได้มาก

4-5 เดือนที่ผ่านมา มาตรการภาษีของทรัมป์ที่ประกาศใช้แบบบีบคอกับประเทศคู่ค้าทั่วโลกมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ผ่านทางการเจรจาต่อรอง แล้วก็ปรับเปลี่ยนไปตามผลการเจรจา บางประเทศก็ตอบโต้กลับไป ไม่ยอมกันง่าย ๆ

บางกรณีอัตราภาษีก็ยกเลิกไปเอง เพราะ 'แรงกดดัน' จากภายในประเทศที่รุนแรงขึ้นทุกขณะ ที่ชัดเจนก็คือบราซิล

กาแฟอินสแตนท์บราซิล 'อ่วม' ยังโดนภาษีทรัมป์ 50%

รัฐบาลสหรัฐยกเลิกภาษีกาแฟจากบราซิล เฉพาะสารกาแฟหรือที่เรียกทับศัพท์กันว่ากรีนบีน และเมล็ดกาแฟคั่วเท่านั้น ที่นับจากนี้ไปไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร  (ภาพ : pexels by Raphael Loquellano)

ก่อนหน้านั้นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ทั้งเวียดนาม, โคลอมเบีย และบางประเทศในแอฟริกา ที่คิดการใหญ่ วางแผนส่งออกกาแฟไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาเพื่อทดแทนส่วนของบราซิลที่ขาดหายไป ตอนนี้คงต้องคิดใหม่เสียแล้ว เพราะผู้ส่งออกกาแฟอันดับ 1 ของโลกกลับมาประจำการใหม่ได้อีกครั้งเสียแล้ว

เป็นที่ทราบกันดีว่าบราซิลเป็น 'ซัพพลายเออร์' กาแฟรายสำคัญให้กับสหรัฐอเมริกามาอย่างยาวนาน เมื่อทรัมป์ได้ตั้งกำแพงภาษีสินค้าจากบราซิลในอัตราสูง ราคากาแฟนำเข้าจากบราซิลก็เลยสูงขึ้น แต่พอเลิกเก็บภาษีกาแฟ ก็ไม่ได้หมายความว่าราคากาแฟจะลดลงทันทีนะครับ

เพราะบริษัทพ่อค้ากาแฟและโรงคั่วที่ซื้อสารกาแฟราคาสูงมาเก็บไว้ในสต็อก ก็ต้องรอให้ค่อย ๆ ขายหมดสต็อกเสียก่อน 

จากข้อมูลของสภาผู้ส่งออกกาแฟของบราซิลนั้น การส่งออกกาแฟของบราซิลเข้าไปยังตลาดสหรัฐในอัตราภาษี 0% คาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน กว่าจะเข้าไปแทนที่สต็อกกาแฟก่อนหน้านี้ นี่สำหรับสต็อกกาแฟของรายใหญ่ ๆ นะครับ ถ้าเป็นรายเล็กลงมาหน่อยอย่างโรงคั่วกาแฟอิสระก็ 2-3 เดือน ไม่นานไปกว่านี้

กาแฟอินสแตนท์บราซิล 'อ่วม' ยังโดนภาษีทรัมป์ 50%

คาเฟ่ อิกวาซู หนึ่งในแบรนด์กาแฟอินสแตนท์รายใหญ่ของบราซิล ยังได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์เช่นเดิม  (ภาพ : facebook.com/cafeiguacubr)

สภาผู้ส่งออกกาแฟบราซิล ระบุว่า นับจากเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา สหรัฐระงับการนำเข้ากาแฟบราซิลไปประมาณ 1 ล้านกระสอบ (กระสอบละ 60 กิโลกรัม) ขณะที่ช่วง 3 เดือนระหว่างสิงหาคมถึงตุลาคม ปริมาณกาแฟจากบราซิลที่ส่งออกไปยังสหรัฐ ลดลงกว่า 50%  เหลือ 983,970 กระสอบ

สถานการณ์เหล่านี้ ทำเอาเกษตรกรชาวไร่กาแฟบราซิลกับโรงคั่วอเมริกันที่รับซื้อสารกาแฟ 'บาดเจ็บ' กันระนาวทีเดียว  เนื่องจากประมาณ 80% ของยอดนำเข้าสารกาแฟในสหรัฐมาจากละตินอเมริกา ในจำนวนนี้เป็นบราซิลเสีย 35% และโคลอมเบีย อีก 27%

ตอนนี้หลาย ๆ ท่านอาจจะคิดว่า ตลาดกาแฟบราซิลได้มีเฮกันสักที หลังติดภาษีสูง ๆ มานานหลายเดือน  ก็มีเฮจริง ๆ แหละครับ แต่เป็นในส่วนของเซ็กเมนท์ที่ผลิตสารกาแฟและเมล็ดกาแฟคั่วแบบบรรจุถุง แต่เซ็กเมนท์ 'กาแฟสำเร็จรูป' ยังเฮไม่ออก เพราะยังคงเผชิญกับภาษีศุลกากรแบบจัดเต็มเหนี่ยว 50% อยู่เหมือนเดิม

ในปี 2567 ประเทศผู้ส่งออกกาแฟสำเร็จรูปรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาเมื่อพิจารณาจากมูลค่าการนำเข้า อันดับหนึ่งได้แก่ เม็กซิโก มีส่วนแบ่งตลาด 46% ตามด้วยบราซิล 20% และโคลอมเบีย 13%

กาแฟอินสแตนท์บราซิล 'อ่วม' ยังโดนภาษีทรัมป์ 50%

คาเฟ่ ปิเลา แบรนด์กาแฟสำเร็จรูปชื่อดังจากบราซิล ยังมีวางจำหน่ายตามเว็บค้าปลีกออนไลน์ในสหรัฐ  (ภาพ : facebook.com/CafePilao)

แบรนด์กาแฟอินสแตนท์ในบราซิลที่ยังได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์ นอกจาก 'เนสกาแฟ' (Nescafé) ที่เข้าไปตั้งฐานผลิตกาแฟในแดนแซมบ้ามาอย่างยาวนานแล้ว ก็มีแบรนด์ยักษ์ใหญ่ท้องถิ่นอย่าง 'คาเฟ่ อิกวาซู' (Cafe Iguacu), 'คาเฟ่ ปิเลา' (Cafe Pilao) และ 'กาซีเก้' (Cacique) ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตของสหรัฐและตามเว็บค้าปลีกออนไลน์ทั้งสิ้น

สภาผู้ส่งออกกาแฟบราซิล ถึงกับออกแถลงการณ์ระบุว่า กาแฟสำเร็จรูปไม่รวมอยู่ในข้อยกเว้นที่ระบุไว้ในคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐ สิ่งนี้ต่างไปจากความคืบหน้าในการเจรจาทวิภาคีระหว่างสองประเทศ จึงถือเป็นความท้าทายอย่างต่อเนื่องสำหรับภาคธุรกิจบราซิล

ตอนนี้ ผู้ผลิตกาแฟอินสแตนท์ของบราซิลหวั่นวิตกกันว่า อาจเสียส่วนแบ่งตลาดในตลาดสหรัฐให้กับซัพพลายเออร์อื่น ๆ แบบถาวร

.....................................

เขียนโดย : ชาลี วาระดี