'อายิโนะโมะโต๊ะ' กับเมนูแรก 'กาแฟไร้เมล็ด'

'อายิโนะโมะโต๊ะ' กับเมนูแรก 'กาแฟไร้เมล็ด'

บริษัทด้านกรีนฟู้ดในสิงคโปร์ของยักษ์ใหญ่อายิโนะโมะโต๊ะ เปิดตัวซีรี่ส์กาแฟเย็นแนวใหม่ ใช้กาแฟไร้เมล็ดกับผงโปรตีนโซลีนเป็นส่วนผสม ลองเทสตลาดกลุ่มผู้บริโภคสายเฮลตี้และสายรักษ์โลก

เครื่องดื่ม 'ลาเต้เย็น' สไตล์นี้ ทำจากกาแฟไร้เมล็ด บวกกับนมที่ไม่ใช่นมวัว เพิ่มเติมด้วยโปรตีนที่ผลิตจากอากาศ ดูจากส่วนผสมแล้วเมนูนี้ผู้เขียนเชื่อว่าคอกาแฟหลาย ๆ คนรวมทั้งตัวผู้เขียนเองด้วย น่าจะไม่เคยดื่มมาก่อน แต่ปัจจุบันเครื่องดื่มลาเต้ชนิดนี้มีจำหน่ายแล้วในสิงคโปร์แล้ว โดยมีแบรนด์ดังในเครือของบริษัท 'อายิโนะโมะโต๊ะ' ยักษ์ใหญ่วงการอาหารและเครื่องดื่มแห่งญี่ปุ่น เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์

เมื่อกลางปีที่แล้ว อายิโนะโมะโต๊ะ ที่มีผงชูรสเป็นสินค้าตัวแรกในปีค.ศ.1909 เปิดบริษัท 'แอทเทลเย เซเว่นทู' (Atlr.72 ) ทำธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือที่เรียกกันว่ากรีนฟู้ด มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์

ผลิตภัณฑ์อาหารสีเขียวที่มาพร้อมกับการเปิดตัวบริษัทใหม่คือ แซนด์วิชไอศรีมกับขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งทั้งสองผลิตภัณฑ์ใช้ 'ผงโปรตีนโซลีน' แทนที่นมวัว ล่าสุด Atlr.72 เปิดตัวเครื่องดื่มกาแฟ 2 เมนูในชื่อซีรี่ส์ 'จีรี:เอ็น ดร็อป คอฟฟี่' (GRe:en Drop Coffee) เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้เอง ณ ศูนย์การเงินโอเชี่ยน ใจกลางเมืองสิงคโปร์

แต่เปิดจำหน่ายเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น คงต้องการทดลองตลาดเพื่อดูว่าผลตอบรับออกมาเป็นเช่นไรนั่นเอง

'อายิโนะโมะโต๊ะ' กับเมนูแรก 'กาแฟไร้เมล็ด'

สถานการณ์โลกร้อน สร้างปัญหาให้กับธุรกิจกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เปิดช่องให้ธุรกิจกาแฟไร้เมล็ดหรือกาแฟเทียมเริ่มเติบโตขึ้น  (ภาพ : Taylor Franz on Unsplash)

เห็นชื่อซีรี่ส์ที่มีตัวย่อเยอะ ผู้เขียนออกจะงงอยู่เหมือนกัน แต่ทาง Atlr.72  ให้ความหมายเอาไว้ดังนี้ คำ 'Re:' ใน GRe:en Drop หมายถึงการสร้างใหม่และการทำซ้ำได้

สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งของเครื่องดื่มกาแฟทั้งสองเมนู ก็คือ ใช้ส่วนผสมจากนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มแนวใหม่ นำมาประยุกต์ให้สอดรับกับเทรนด์สุขภาพที่มาแรงมาก ๆ ทำให้สื่อในแวดวงธุรกิจกรีนฟู้ดตั้งคำถามว่านี่ใช่ 'กาแฟแห่งอนาคต' หรือไม่ ในยามที่กาแฟที่ปลูกกันบนพื้นดินแบบในปัจจุบันมีราคาแพงเอา ๆ ทุกปีจากผลกระทบของสถานการณ์โลกร้อน

เครื่องดื่มตัวแรกในซีรี่ส์ที่ชื่อดูโมเดิร์นมาก ๆ เป็นเมนู 'กาแฟเย็น' ที่ใช้ผงกาแฟสำเร็จรูปจากเมล็ดกาแฟแท้ ๆ ที่ปลูกกันในสัดส่วน 70% กับ 'กาแฟไร้เมล็ด' แบบผง (beanless coffee) ในสัดส่วน 30%

ผงกาแฟไร้เมล็ดดังกล่าว แปรรูปจากข้าวและถั่วชิกพีที่บ้านเราเรียกกันว่าถั่วลูกไก่ ผลิตโดยบริษัท 'พรีเฟอร์' (Prefer) สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารในสิงคโปร์ ถูกออกแบบมาให้มีกลิ่นและรสชาติคล้ายกับกาแฟคั่วเข้ม ขณะที่ในขั้นตอนการผลิต มีการเติมคาเฟอีนเข้าไปด้วย

'อายิโนะโมะโต๊ะ' กับเมนูแรก 'กาแฟไร้เมล็ด'

Atlr.72 บริษัทลูกของอายิโนะโมะโต๊ะ เปิดตัวเครื่องดื่มกาแฟเย็นแนวทางใหม่ ใช้กาแฟไร้เมล็ดกับผงโปรตีนโซลีนเป็นส่วนผสม  (ภาพ : Atlr.72 Singapore)

เครื่องดื่มตัวที่สองนี่มีการพูดถึงกันมากทีเดียว เพราะเป็นกาแฟ 'ลาเต้เย็น' ที่ใช้นมข้าวโอ๊ตกับผงโปรตีนโซลีนที่พัฒนาโดยบริษัท 'โซลาร์ ฟู้ดส์' (Solar Foods) สตาร์อัพด้านนวัตกรรมอาหารจากฟินแลนด์ ส่วนกาแฟก็เป็นสูตรเดียวกับกาแฟอินสแตนท์เย็นนั่นแหละ  

ผงโปรตีนโซลีน เป็นนวัตกรรมโปรตีนที่ผลิตจาก 'ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์' ในอากาศ โดยใช้พลังงานหมุนเวียนและจุลินทรีย์ผ่านกระบวนการหมัก ว่ากันว่าให้โปรตีนสูงถึง 65% และมีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรตและไขมัน พร้อมกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน มีลักษณะเป็นผงสีเหลืองทอง ไม่มีรสชาติ เนื้อสัมผัสคล้ายแป้ง สามารถนำไปผสมกับอาหารได้หลากหลาย

ว่ากันว่า กาแฟลาเต้เย็นตัวนี้ยังคงมีเนื้อสัมผัสแบบครีมมี่และรสชาติเข้มข้น เพราะใช้ผงโปรตีนโซลีน ผสมกับน้ำมันพืชและน้ำ จนเป็นเนื้อครีม  

ส่วน 'ราคาขาย' นั้น แก้วไซส์ปกติของกาแฟเย็นและลาเต้เย็น ขายในราคา 5.50 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 7.00 ดอลลาร์สิงคโปร์  ถ้าเป็นแก้วขนาดใหญ่ก็ 6.00 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 8.50 ดอลลาร์สิงคโปร์ อยากรู้ราคาเป็นเงินบาท ก็เอา 25 คูณเข้าไปครับ

'อายิโนะโมะโต๊ะ' กับเมนูแรก 'กาแฟไร้เมล็ด'

กาแฟลาเต้สูตรเย็นของ Atlr.72 ใช้นมข้าวโอ๊ตกับผงโปรตีนโซลีนที่พัฒนาโดยบริษัทโซลาร์ ฟู้ดส์ แห่งฟินแลนด์  (ภาพ : solarfoods.com)

การเปิดกาแฟจีรี:เอ็น ดร็อป คอฟฟี่ ที่ว่ากันว่าอาจเป็น 'เครื่องดื่มแห่งอนาคต'หรือไม่/อย่างไรนี้ เป็นความร่วมมือแบบ 3 ประสาน ระหว่างยักษ์ใหญ่ในวงการอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกจากญี่ปุ่นอย่างอายิโนะโมะโต๊ะ กับสองบริษัทสตาร์ทด้านนวัตกรรมอาหารอย่างโซลาร์ ฟู้ดส์ ของฟินแลนด์ และพรีเฟอร์ ของสิงคโปร์

ถ้าใครจำได้ 'เอโตโม่ คอฟฟี่' (Atomo Coffee) ถือเป็นบริษัทฟู้ดเทครายแรกที่ผลิตกาแฟไร้เมล็ดออกมาทำตลาด เมื่อสองปีที่แล้ว นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าตลาดจะมาถึงเอเชียเร็วขนาดนี้

ปัจจุบัน หลายธุรกิจพยายามคิดค้นสินค้าใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภค ตอบโจทย์ความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยเฉพาะเทรนด์การบริโภคโปรตีน เรียกได้ว่าการเปิดตัวเครื่องดื่มกาแฟแนวใหม่ของบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะครั้งนี้ เป็นกลยุทธ์การ 'ขยายตลาด' ไปสู่กลุ่มผู้บริโภคทั้งสองกลุ่ม ซึ่งกำลังเป็นกระแสในวงกว้าง

ศัพท์แสงที่ใช้เรียกตลาดกาแฟเพื่อสุขภาพ+รักษ์โลก ซึ่งเป็นอีกทางเลือกของการบริโภค จนนำไปสู่การผลิตนวัตกรรมใหม่ขึ้นมาตอบสนอง เรียกกันว่า alt coffee market

'อายิโนะโมะโต๊ะ' กับเมนูแรก 'กาแฟไร้เมล็ด'

บูธกาแฟในสไตล์โมบาย คอฟฟี่ ของ Atlr.72 ในวันเปิดตัวกาแฟเย็นแนวทางใหม่ ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม  (ภาพ : instagram.com/prefercoffeesg)

เหตุผลที่นำไปสู่การเลือกใช้นมพืชกับผงโปรตีนแทนนมวัวในเครื่องดื่มนั้น ก็คงเป็น 'จุดขาย' ด้านการรักษ์โลกรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะทราบกันดีว่าผลิตภัณฑ์นมวัวมีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกสูงกว่านมพืชถึง 3 เท่าด้วยกัน นอกจากนั้นเรื่องของการใช้น้ำกับใช้ที่ดิน ผลิตภัณฑ์นมวัวก็สิ้นเปลืองมากกว่า

เขียนมาถึงตรงนี้ อยากจะบอกกล่าวกับท่านผู้อ่านว่า ผู้เขียนยังคงชอบกาแฟแท้ ๆ ที่ปลูกโดยคนจากที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้มากกว่า แต่กาแฟไร้เมล็ดที่แปรรูปจากธัญพืชต่าง ๆ แล้วก็เป็นธุรกิจที่มีคนเริ่มสนใจทำกันทั่วโลก เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยสร้างความหลากหลายให้กับวงการเครื่องดื่ม  ก็ถือว่าเป็น 'ทางเลือก' ที่น่าสนใจในอนาคต

หลาย ๆ คนอาจบอกว่านี่กาแฟไร้เมล็ดไม่ใช่กาแฟ แต่เป็นเครื่องดื่มที่ให้รสชาติคล้ายกาแฟมากกว่า เรียกว่า 'กาแฟเทียม' ก็ได้ เพราะกาแฟจริง ๆ แล้วต้องมาจากต้นกาแฟที่ปลูกในธรรมชาติเท่านั้น ซึ่งก็ใช่เลยครับ

ทว่าก็มีคนออกมาให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน 'การปลูกกาแฟ' เจอปัญหาเยอะมากจากสถานการณ์โลกร้อน เช่น ผลผลิตลดลง เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นและสภาพอากาศแปรปรวน ทำให้ต้นกาแฟอ่อนแอลงและมีศัตรูพืชมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และพื้นที่เพาะปลูกที่เหมาะสมลดน้อยลง ท้ายที่สุดแล้วจะทำให้ราคากาแฟสูงขึ้นอย่างที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบัน

'อายิโนะโมะโต๊ะ' กับเมนูแรก 'กาแฟไร้เมล็ด'

อายิโนะโมะโต๊ะ มีแบรนด์กาแฟอยู่ในพอร์ตมากมาย รวมไปถึงเป็นเจ้าของเอจีเอฟ คอฟฟี่ แบรนด์กาแฟดังสัญชาติญี่ปุ่นด้วย

นอกจากนั้น การปลูกกาแฟในบางพื้นที่ยังถูกมองว่าสร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ดินเสื่อมโทรม และการตัดไม้ทำลายป่า 

ไม่ต้องดูอื่นไกลไป กฎหมายใหม่ของสหภาพยุโรปว่าด้วยสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า หรือ 'อียูดีอาร์' ตรากฎห้ามนำเข้าสินค้าเกษตร เช่น กาแฟ โกโก้ และน้ำมันปาล์ม จากพื้นที่ปลูกซึ่งเกิดการทำลายป่า จะมีผลบังคับใช้ในสิ้นปีนี้แล้ว 

ในทางกลับกัน 'ข้อดี' ของกาแฟไร้เมล็ด ก็มีไม่น้อยทีเดียว เช่น สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้, ลดการใช้น้ำลงได้มาก, ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่ากาแฟทั่วไป, เป็นทางเลือกที่ช่วยลดปัญหาการทำลายป่าเพื่อขยายพื้นที่เพาะปลูก และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากคาเฟอีน

อย่างบริษัทพรีเฟอร์ เจ้าของธุรกิจกาแฟไร้เมล็ดในสิงคโปร์ ก็โฆษณาว่า เมื่อนำกาแฟไร้เมล็ดมาใช้ทดแทนกาแฟจริง 30% จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของผลิตภัณฑ์ลงได้ 25%

'อายิโนะโมะโต๊ะ' กับเมนูแรก 'กาแฟไร้เมล็ด'

แผนพันธมิตรทางธุรกิจของพรีเฟอร์ ผู้ผลิตกาแฟไร้เมล็ดจากสิงคโปร์ ปักหมุดลงในไทยและออสเตรเลีย  (ภาพ : instagram.com/prefercoffeesg)

ส่วนข้อเสีย อย่างแรกเลยก็น่าจะเป็นประเด็น 'กลิ่นรส' ที่ไม่เหมือนกาแฟแท้ ๆ ที่มีคาเฟอีน ขณะที่ผลกระทบต่อสุขภาพนั้นยังไม่ปรากฎชัดเจน เพราะยังเป็นธุรกิจที่เล็กอยู่มาก แทบไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจกาแฟในขณะนี้

อย่างไรก็ดี ที่ผู้เขียนอดทึ่งไม่ได้ก็คือ ไปหยิบเอาธัญพืชพวกข้าว, ถั่วชนิดต่าง ๆ ,  รากชิโครี, เมล็ดอินทผลัม, ขนมปัง และอื่น ๆ มากองรวมกันแล้วนำไปเข้าสู่กระบวนการแปรรูป จนออกมามีรสชาติใกล้เคียงกับกาแฟที่ดื่มกันอยู่ ไม่รู้ทำได้อย่างไรกัน

ผู้เขียนไปเห็นแผนการลงทุนในอนาคตของบริษัทพรีเฟอร์ ผู้ผลิตกาแฟไร้เมล็ดจากสิงคโปร์ พบว่า จะมีการจับมือเป็น 'พันธมิตร' ทางธุรกิจกับอีกสองบริษัทต่างประเทศ คือ 'เดอะ คอฟฟี่ เฟิร์ม' ของออสเตรเลีย และ 'อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย' แต่ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมมากไปกว่านี้

ยอมรับเลยว่า ถ้ามีกาแฟไร้เมล็ดมาเปิดตัวในไทย ผู้เขียนก็อยากลองชิม อยากรู้ว่ารสชาติโอเคไหม ราคาเป็นไงบ้าง แต่สำหรับวันนี้ หยิบเรื่องมาเล่าสู่กันฟังยาวพอสมควรแล้ว ขอตัวไปจิบลาเต้เย็นจากเมล็ดกาแฟแท้ ๆ ก่อนนะครับ รู้สึกโหยมาก ๆ เลย

.......................................

เขียนโดย : ชาลี วาระดี