สมเด็จพระพันปีหลวง : คาเวียร์ ทรงสร้างอาชีพบนดอยสูงสู่ตำรับสากล

"สมเด็จพระพันปีหลวง" ทรงมีพระราชดำริให้เพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนเพื่อผลิต "คาเวียร์" เป็นการสร้างอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่ราษฎรบนพื้นที่สูงของไทย
KEY
POINTS
- "สมเด็จพระพันปีหลวง" ทรงมีพระราชดำริให้เพาะเลี้ยงปลาสเตอร์เจียนเพื่อผลิต "คาเวียร์" เป็นการสร้างอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่ราษฎรบนพื้นที่สูงของจังหวัดเชียงใหม่
- ประเทศไทยสามารถผลิตคาเวียร์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกภายใต้โครงการตามพระราชดำริ "บ้านเล็กในป่าใหญ่ ดอยคำ" โดยได้รับความช่วยเหลือด้านสายพันธุ์ปลาและผู้เชี่ยวชาญจากประเทศรัสเซีย
- "คาเวียร์ ศิลปาชีพ" ที่ผลิตได้จากโครงการฯ ได้รับการยอมรับในคุณภาพ และได้รับคัดเลือกเป็นวัตถุดิบในเมนูอาหารสำหรับงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำในการประชุมเอเปค 2022
ภายหลังที่ ‘สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์’ สถานีวิจัยพืชเมืองหนาวตั้งอยู่บนดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งก่อตั้งขึ้นตามพระราชดำริของ ‘พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร’ ประสบความสำเร็จเพาะเลี้ยงปลาเมืองหนาว ‘เรนโบว์ เทราต์’ สร้างอาชีพและรายได้ให้ราษฎรชาวไทยในเขตที่สูงตั้งแต่ปีพ.ศ.2545
ต่อมาเมื่อปีพ.ศ.2559 มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (ปัจจุบันคือมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง) ก็ประกาศผลความสำเร็จในการผลิต คาเวียร์ (Caviar) ได้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย อันเนื่องมาจากพระราชดำริใน สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เพราะน้ำดี-อากาศเย็น แต่ไม่มีปลา
“ทุกคนพอนึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ ก็มักนึกถึงผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมแพรวา พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดินที่พระที่นั่งอนันตสมาคม งานโขน งานทางด้านศิลปวัฒนธรรม งานนี้จึงอยากสื่อให้เห็นถึงว่า พระองค์ท่านทรงงานมากมายหลายด้าน โดยเฉพาะการทรงงานเกี่ยวกับการเกษตร”
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ เมื่อครั้งถวายงานในตำแหน่งราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 กล่าวไว้ในงาน 'A Spoonful of Love: ช้อน...รัก' ซึ่งจัดขึ้นเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากโครงการตามพระราชดำริฯ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และ การผลิตคาเวียร์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นเมืองในเขตร้อนชื้น เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ.2559
พระราชกรณียกิจและพระราชดำริน้อยใหญ่ที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (สมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9) ทรงทำเพื่อราษฎร ความจริงแล้วหลักสำคัญคือ ทรงอยากเห็นพสกนิกรที่อยู่ห่างไกลมีรายได้น้อยหรือแร้นแค้น พลิกกลับมามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ เล่าถึงวิธีทรงงานของ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไว้ด้วยว่า
“ถ้าย้อนกลับไปสามสิบ-สี่สิบปีที่แล้ว (หรือเกือบ 50 ปีในวันนี้) สังเกตจากเวลาเสด็จฯ ทรงเยี่ยมราษฎร มักรับสั่งถามราษฎรเสมอว่า แถวบ้านมีแหล่งน้ำอะไรบ้าง ในน้ำมีปลาไหม มีตลอดปีไหม
ทรงมีพระราชดำริว่า ถ้าเขาขาดโปรตีน เด็กๆ จะเจริญเติบโตขึ้นมาอย่างไร จะมีสติปัญญาได้เล่าเรียนหนังสือไหม มีอาหารเพียงพอขณะแม่ตั้งครรภ์ไหม
จึงเป็นพระราชกิจอีกอย่างหนึ่งที่ทรงทำเพื่อการกินอยู่ การทำมาหากิน เลยไปถึงสุขภาพด้วย พร้อมๆ ก็ไปถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม
จากการเห็นว่ามีการตัดไม้ทำลายป่ามากเหลือเกิน ทรงเศร้าพระทัย ป่าไม้ถูกทำลาย แผ่นดินจะแห้งแล้ง คนจะอยู่ยังไง จึงทรงขอป่าที่เสื่อมโทรมไปแล้ว ถูกตัดทำลายจนแทบไม่มีต้นไม้เหลือ มาทำ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ทำสถานีเกษตรบนที่สูง ฟาร์มตัวอย่าง คือทำเกี่ยวกับการเกษตรเพื่อราษฎร”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ดอยดำ ซึ่งตั้งอยู่ท้องที่ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ในเขตอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง คือสถานที่ต้นกำเนิดแห่งความสำเร็จในการผลิต คาเวียร์ ได้เป็นครั้่งแรกในประเทศไทย
“สถานที่ตรงน้้นยังไม่ถึงกับไม่มีต้นไม้ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินครั้งแรก(พ.ศ.2545) สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับสั่งถามชาวบ้านว่า มีน้ำเป็นยังไง ปรากฎว่าน้ำดี-อากาศเย็น แต่ไม่มีปลาตัวเล็กตัวน้อย เพราะอากาศเย็นมาก ปลามุดลงไปอยู่ในทราย ซึ่งเป็นที่มาที่เราตื่นตาตื่นใจในวันนี้ คือสามารถเลี้ยงปลาเทราต์ และต่อมาเลี้ยงปลาสเตอร์เจียน จนเราสามารถผลิตคาเวียร์ได้ในประเทศไทยซึ่งเป็นเมืองร้อน”
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ กล่าวและว่า ในเวลานั้นคุณจรัลธาดา กรรณสูต ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมประมง ตามเสด็จพระราชดำเนินด้วย
เจอเคล็ดตัวผู้ - ขอความช่วยเหลือรัสเซีย
นายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี อดีตที่ปรึกษาสำนักราชเลขาธิการและอธิบดีกรมประมง ย้อนเล่าให้ฟังถึงที่มาของการเลี้ยงปลา สเตอร์เจียน (sturgeon) ในประเทศไทย ซึ่งเป็นปลาที่ให้ผลผลิต ‘คาเวียร์’
โดยสืบย้อนกลับไปยังจุดกำเนิดของ ‘โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ดอยดำ’ และเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากการเลี้ยงปลาเรนโบว์เทราต์ ซึ่งกว่าจะสำเร็จ ต้องใช้เวลาและได้การเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศของ ‘สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง’ เข้าช่วยเหลือการศึกษาวิจัย
นายจรัลธาดา เล่าว่า ประมาณปลายปีพ.ศ.2540 ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ’ ทรงมีรับสั่งว่า
'ถ้าการเลี้ยงปลาเรนโบว์เทราต์สำเร็จดีแล้ว อยากให้ทดลองเพาะเลี้ยงปลา ‘สเตอร์เจียน’ เพราะนอกจากทรงโปรดเสวย ‘คาเวียร์’ ซึ่งทำจากไข่ปลาสเตอร์เจียน ในวังก็มีงานเลี้ยงบ่อยครั้งที่เสิร์ฟคานาเป้กับคาเวียร์เพื่อรับรองแขกต่างประเทศ อาจช่วยลดการนำเข้าคาเวียร์จากต่างประเทศลงได้'
"พวกเรารับพระราชเสาวนีย์มาเพื่อทดลอง ตอนนั้นผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้สำเร็จหรือเปล่า เพราะปลาชนิดนี้อยู่ในน้ำซึ่งเย็นมาก
สเตอร์เจียนมีอยู่หลายพันธุ์ บางพันธุ์อยู่ในน้ำเค็ม เช่น เบลูก้า (Beluga) ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ดีที่สุด อยู่ในทะเลสาปแคสเบี้ยนซึ่งเป็นทะเลสาปน้ำเค็ม และยังมีสเตอร์เจียนอีกหลายสายพันธุ์ที่อยู่ในแม่น้ำต่างๆ ของประเทศรัสเซียและจีนตอนเหนือ
เราค้นคว้าจากหนังสือพบว่า สเตอร์เจียนที่เรียกว่า ไซบีเรียน สเตอร์เจียน (Siberian sturgeon) เป็นพันธุ์ที่น่าจะเหมาะสมและง่ายต่อการเลี้ยง....
ปลาสเตอร์เจียนไม่ได้ให้ไข่เร็ว พันธุ์ไซบีเรียนใช้เวลาถึง 8 ปีในการโตมีไข่ได้ และเราเสียเวลาไปสองปีกว่า ทีแรกเราสั่งสเตอร์เจียนจากเยอรมนี เพราะตอนนั้นความสัมพันธ์เรากับรัสเซียยังไม่กระชับดีนัก
ปรากฎว่าไข่ปลาที่ซื้อมาจากเยอรมนีเขาทำเคล็ดมาเป็นตัวผู้ทั้งหมด ตอนเล็กๆ เราไม่สามารถบอกเพศได้ จนเราต้องเอกซ์เรย์ ก็พบว่าเป็นตัวผู้ทั้งหมด ปลาชุดนั้นจึงใช้สำหรับขายเนื้ออย่างเดียว"
นายจรัลธาดา เล่าต่อไปว่า “พ.ศ.2550 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ (รัชกาลที่ 9) เยือนรัสเซีย ทำให้ความสัมพันธ์เรากับรัสเซียกระชับมากยิ่งขึ้น เราขอพันธุ์ปลาสเตอร์เจียนจากรัสเซีย บอกเขาตามตรงว่าเราจะเพาะเลี้ยง
เข้าปีที่เจ็ด เราลองใช้อัลตร้าซาวน์ ปรากฎว่าปลามีไข่ ปีที่แปดก็ได้ไข่ และขอความร่วมมือจากรัสเซียส่งผู้เชี่ยวชาญมาสอนทำคาเวียร์จนเป็นผลสำเร็จ”
คณะศึกษาวิจัยนำ คาเวียร์ ที่ทำสำเร็จครั้งแรก ทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นเครื่องเสวย
“ทรงคอมเมนต์มาว่า ‘เหมือนแล้ว ใช้ได้’ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงคอมเมนต์อย่างเดียวกัน" นายจรัลธาดา กล่าว
คาเวียร์ ศิลปาชีพ : ครบลักษณะคาเวียร์ที่ดี
ในการเปิดตัว 'คาเวียร์ ศิลปาชีพ' ครั้งแรกในปี 2559, เชฟชาวฝรั่งเศส มร.แอร์เว่ เฟรราด์ มีโอกาสนำ คาเวียร์ ศิลปาชีพ ประกอบเป็นอาหารฝรั่งเศส เมนู คาเวียร์บนครีมส้มยูซุ (Caviar Malossol, Fresh Sea Urchin, Yuzu Cream) และให้ความเห็นว่า
ลักษณะคาเวียร์ที่ดีต้องมีความเฟิร์ม เม็ดกลม เคี้ยวแล้วมีความยืดหยุ่นของผิวด้านนอก กัดแล้วต้องแตกในปาก และไม่เค็มเกินไปจนกลบรสชาติคาเวียร์ ซึ่ง คาเวียร์ ศิลปาชีพ ครบลักษณะที่ดี และให้รสเค็มน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ เบลูก้า คาเวียร์ (ได้ชื่อว่าแพงที่สุดในโลก)
ส่วนที่เชฟแอร์เว่ชื่นชอบมากๆ คือ ‘คาเวียร์ ศิลปาชีพ’ ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ แม้ทำให้อายุของการเปิดบรรจุภัณฑ์อยู่ได้เพียง 2-3 วัน แต่ก็ได้รสชาติและคุณค่าคาเวียร์เต็มที่กว่าคาเวียร์ที่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์
นอกจากทำคาเวียร์สำเร็จ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ยังเพาะพันธุ์ปลาสเตอร์เจียนเป็นตัวได้ในประเทศไทยเป็นเครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งที่ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น
“ปลาสเตอร์เจียน 1 ตัวให้ไข่ไม่เกิน 2 กิโลกรัม และให้ไข่เฉพาะช่วงฤดูหนาวคือเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์” นายจรัลธาดากล่าวและว่า “ปลาต้องโตแปดปีถึงจะให้ไข่ เราต้องพยายามผลิตให้ได้ตัวปลาทุกปี เราถึงจะทำคาเวียร์ได้ต่อเนื่อง”
สู่โต๊ะอาหารค่ำผู้นำ APEC 2022
ในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC 2022 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม, คาเวียร์ ศิลปาชีพ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในวัตถุดิบไทยสำหรับการประกอบอาหารใน งานเลี้ยงอาหารค่ำผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC (Gala Dinner) เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 ที่หอประชุมกองทัพเรือ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ
รายการอาหารในงานเลี้ยงค่ำนั้นได้รับการปรุงภายใต้แนวความคิด “Sustainable Thai Gastronomy Gala Dinner” รังสรรค์โดย เชฟชุมพล แจ้งไพร ผู้ได้รับยกย่องให้เป็นทูตอาหารยั่งยืนคนแรกของโลก
เมนู กระทงทองไส้ครีมซอสและไข่ปลาสเตอร์เจียนโครงการหลวงดอยอินทนนท์ คือเมนูแรกที่ได้รับการนำเสนอต่อผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ในการประชุม APEC 2022
แม้ คาเวียร์ ศิลปาชีพ ไม่ใช่ผลผลิตจากปลา ‘เบลูก้า สเตอร์เจียน’ แต่ก็เป็นคาเวียร์คุณภาพดี ในเวลานั้นสามารถจำหน่ายได้ที่น้ำหนัก 100 กรัม ราคา 5,000 บาท
ด้วยความที่กระบวนการบรรจุไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จึงลดขนาดบรรจุภัณฑ์ลงเหลือขนาด 25 กรัม และ 50 กรัม เพื่อให้บริโภคได้หมดต่อการเปิดบรรจุภัณฑ์ในครั้งเดียว
ผลิตภัณฑ์คาเวียร์และเนื้อปลาสเตอร์เจียนที่ผลิตได้ในประเทศไทยครั้งนั้น มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จัดจำหน่ายภายใต้ชื่อแบรนด์ ศิลปาชีพ ซึ่งมีรูป ‘ดอกกล้วยไม้’ เป็นตราสัญลักษณ์ของแบรนด์
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2568 เวลา 21.21 น. สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
- credit photo : FB/โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริ ดอยดำ











