อเมริกันบ่นยุคภาษีทรัมป์ กาแฟแพงกว่าล็อบสเตอร์?

อเมริกันบ่นยุคภาษีทรัมป์ กาแฟแพงกว่าล็อบสเตอร์?

อเมริกันกระอัก! ราคากาแฟพุ่งลิ่ว เฉพาะเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 14.5% เตือนภาษีทรัมป์กระหน่ำซ้ำ ทำกาแฟแพงหนักขึ้นไปอีก

วันก่อนผู้เขียนอ่านเจอหนึ่งความเห็นจากคอกาแฟอเมริกัน จากสื่อเว็บไซต์ท้องถิ่นเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ให้รู้สึกตกใจมิใช่น้อย หลังคอกาแฟรายนี้โอดครวญว่า 'กาแฟเกรดสเปเชียลตี้'หรือกาแฟพิเศษบางตัวในร้านกาแฟ ตอนนี้ราคาเพิ่มขึ้นสูงกว่าอาหารลักชัวรี่อย่าง 'ล็อบสเตอร์' ไปเสียแล้ว

สื่อท้องถิ่นเมืองพอร์ตแลนด์รายนี้คือ 'โอเรกอนลีฟ' (oregonlive) ที่ส่วนใหญ่ก็รายงานข่าวเกี่ยวกับสารทุกข์สุกดิบของประชากรในรัฐโอเรกอน ล่าสุดก็ไปสัมภาษณ์ชาวเมืองพอร์ตแลนด์ที่นั่งจิบกาแฟตามร้านรวง เพื่อทำสกู๊ปข่าวชื่อว่า “แพงกว่าล็อบสเตอร์? ราคากาแฟในพอร์ตแลนด์พุ่งสูงขึ้นหลังประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษี”

ใครเป็นคอกาแฟพิเศษคงทราบดีว่า เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน มีชื่อเสียงในด้านกาแฟแบบพิเศษมากๆ ร้านกาแฟควบโรงคั่วในเมืองนี้ถูกยกย่องให้เป็นผู้บุกเบิกกระแสกาแฟ 'คลื่นลูกที่สาม' กระแสนี้เน้นที่เมล็ดกาแฟคุณภาพสูง, การจัดหากาแฟอย่างมีจริยธรรม และเทคนิคการคั่วกาแฟที่พิถีพิถันซึ่งถือเป็นหนึ่งในสมบัติอันมีค่าประจำเมืองเลยทีเดียว

ร้านกาแฟกึ่งโรงคั่วดังๆของพอร์ตแลนด์ก็ได้แก่ 'สตัมป์ทาวน์ คอฟฟี่ โรสเตอร์ส', 'โควา คอฟฟี่ โรสเตอร์ส','ฮาร์ต คอฟฟี่ โรสเตอร์ส', 'เคส สตัดดี้ คอฟฟี่ โรสเตอร์ส' และ 'วอเตอร์ อเวนิว คอฟฟี่'

อเมริกันบ่นยุคภาษีทรัมป์ กาแฟแพงกว่าล็อบสเตอร์?

เฉพาะเดือนกรกฎาคมปีนี้ ราคาเมล็ดกาแฟคั่วบดในสหรัฐเพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกภายใต้นโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์  (ภาพ : Charlie Waradee)

โอเรกอนลีฟ รายงานว่า ในบางกรณี ราคาเมล็ดกาแฟคั่วพุ่งสูงเกิน 25 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ไม่ใช่ที่ขายตามร้านกาแฟในย่านนี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงร้านมินิมาร์ทด้วย ขณะที่ร้านกาแฟพิเศษในเมืองพอร์ตแลนด์เพิ่งขึ้นราคากาแฟไปเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้กาแฟพิเศษคุณภาพสูงบางชนิด พุ่งสูงกว่า 35 - 40 ดอลลาร์ต่อปอนด์ สูงกว่าราคา 'ล็อบสเตอร์' ที่ขายตามร้านอาหารทะเลเสียอีก

สื่อท้องถิ่นเมืองพอร์ตแลนด์เอาประเด็น "กาแฟแพงกว่าล็อบสเตอร์" ไปถามความคิดเห็นจากคริสโตเฟอร์ เฮนดอน รองศาสตราจารย์ด้านเคมีแห่งมหาวิทยาลัยออริกอน ที่ตอบกลับมาว่า นี่เป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ค่อยยุติธรรมนัก  เพราะคน ๆ หนึ่งอาจกินล็อบสเตอร์ได้ภายในมื้อเดียว ขณะที่กาแฟหนึ่งถุงสามารถดื่มได้หลายวัน พร้อมคำนวณว่า กาแฟหนึ่งปอนด์ชงกาแฟได้ 16 แก้ว

รองศาสตราจารย์รายนี้มีความรอบรู้เรื่องกาแฟไม่เบาทีเดียว เพราะเคยผลิตงานวิจัยเรื่องวิธีการชงช็อตเอสเพรสโซที่ดีที่สุดในราคาประหยัดที่สุด

กระนั้นก็ตาม ราคากาแฟนำเข้าที่สูงขึ้นทำให้คอกาแฟจำนวนหนึ่งในพอร์ตแลนด์เริ่มกลับมาใช้เครื่องชงกาแฟแบบไฟฟ้าภายในบ้านกันอีกครั้ง ซึ่งบางคนได้ลงทุนซื้อไว้ตั้งแต่เริ่มการระบาดของ 'โควิด-19'  ช่วงนั้นร้านกาแฟทั้งหมดต้องปิดให้บริการแบบนั่งดื่มภายในร้าน

อเมริกันบ่นยุคภาษีทรัมป์ กาแฟแพงกว่าล็อบสเตอร์?

เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน มีชื่อเสียงมากในด้านกาแฟแบบพิเศษ ในภาพนี้เป็นร้านสตัมป์ทาวน์ คอฟฟี่ โรสเตอร์ส ร้านกาแฟควบโรงคั่วดังประจำเมือง  (ภาพ : facebook.com/stumptowncoffee)

คอกาแฟรายหนึ่งให้สัมภาษณ์สื่อโอเรกอนลีฟว่า ภาษีศุลกากรของทรัมป์ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทขนาดใหญ่อย่าง 'สตาร์บัคส์' มากนัก เพราะสตาร์บัคส์มีความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มากมาย ทั้งอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ใช่กาแฟ แต่โรงคั่วกาแฟในพอร์ตแลนด์ เช่น สตัมป์ทาวน์และเคส สตัดดี้ ส่วนใหญ่ขายแต่กาแฟ คงกำลังประสบปัญหาอยู

ส่วนเจ้าของร้านฮาร์ต คอฟฟี่ โรสเตอร์ส์ บอกว่า ภาษีไม่ได้จำกัดอยู่แค่กาแฟเท่านั้น แต่รวมถึงถุงกระดาษที่ใช้บรรจุเมล็ดกาแฟด้วย ทางร้านนำเข้าจากจีน ตอนนี้โดนภาษีไป 30% ทำให้ต้นทุนถุงเพิ่มขึ้นจาก 60 เซนต์ เป็นราคาเกินหนึ่งดอลลาร์ไปแล้ว

ในเมืองพอร์ตแลนด์นี้ ไม่ใช่ 'ฐานเสียง' พรรครีพับลิกัน ทรัมป์จึงได้รับคะแนนเสียงเพียง 17% ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ทรัมป์กลับมาครองตำแหน่งประธานาธิบดีสมัย 2  ยิ่งเมื่อต้องมาแบกรับภาระค่าสินค้าเพิ่มขึ้นจากนโยบายภาษี โดยเฉพาะกาแฟ ทำให้ชาวเมืองเกิดความไม่พอใจท่านผู้นำเป็นอย่างมาก

ประมาณว่าทรัมป์ได้ภาษี แต่ชาวบ้านได้ของแพง!

ไม่ใช่แค่รัฐนี้เท่านั้นนะที่มีราคากาแฟแพงขึ้น แต่แพงขึ้นทั่วประเทศ เรียกว่าร้านกาแฟและคอกาแฟ 'จุกอก' กันไปทั่วหน้า ถึงกับทำให้บางรายบ่นว่าจะเลิกกาแฟแหละ หันไปดื่มชาแทนดีกว่า

อเมริกันบ่นยุคภาษีทรัมป์ กาแฟแพงกว่าล็อบสเตอร์?

ราคากาแฟที่แพงขึ้นในสหรัฐอเมริกา อาจส่งผลให้ผู้บริโภคลดการเข้าร้านกาแฟ หันไปซื้อกาแฟมาชงดื่มเองที่บ้านเหมือนช่วงวิกฤติโควิด-19  (ภาพ : Bean Bros on Unsplash)

ตัวเลขของสำนักงานสถิติแรงงานแห่งสหรัฐอเมริการะบุว่า ในปีนี้ราคา 'เมล็ดกาแฟคั่วบด' ในสหรัฐพุ่งสูงขึ้นเฉลี่ย 8.4 ดอลลาร์ต่อปอนด์ (หนึ่งปอนด์ก็ตกราวครึ่งกิโลกรัม) หลังเพิ่มขึ้น 33% เมื่อปีที่แล้ว และในรอบ 4 ปที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นไปแล้วกว่า 80%

เฉพาะเดือนกรกฎาคมปีนี้ ราคากาแฟคั่วบดเพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน

สาเหตุการเพิ่มขึ้นราคาของกาแฟนี่เป็นปรากฎการณ์ทั่วโลก รวมถึงเมืองไทยด้วย คงนึกออกกันนะครับว่า ปีสองปีที่ผ่านมาเกิดปัญหาสต๊อกกาแฟขาดแคลน ผลพวงจากสภาพอากาศแปรปรวนในประเทศผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่อย่างบราซิลกับเวียดนาม นั่นเป็น 'ดาบแรก'

ที่สหรัฐอเมริกาจะมีปัจจัยลบมาซ้ำเติมเป็น 'ดาบสอง' ซึ่งก็คือกำแพงภาษีของทรัมป์ โดยเฉพาะที่เก็บจากบราซิลสูงถึง 50%

ผู้บริหาร 'ลา โคลอมบ์' ร้านและโรงคั่วกาแฟพิเศษระดับไฮเอนด์ในฟิลาเดลเฟีย ให้สัมภาษณ์สื่อยักษ์ใหญ่อย่างวอชิงตัน โพสต์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า บริษัทนำเข้ากาแฟบางแห่งอาจเปลี่ยนแปลงไปซื้อกาแฟจากประเทศที่เสียภาษีต่ำกว่า แต่ส่วนใหญ่แล้ว ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะถูกส่งต่อไปยังนักดื่มกาแฟทั้งหลาย

อเมริกันบ่นยุคภาษีทรัมป์ กาแฟแพงกว่าล็อบสเตอร์?

นอกจากปัญหาภาษีนำเข้ากาแฟแล้ว ร้านฮาร์ต คอฟฟี่ โรสเตอร์ส์ จากเมืองพอร์ตแลนด์ ยังเจอพิษต้นทุนถุงกระดาษบรรจุกาแฟที่สูงขึ้น เพราะนำเข้าจากจีนที่ตอนนี้โดนภาษี 30%  (ภาพ : facebook.com/HeartRoasters)

"กาแฟมีความสำคัญและเป็นสากลมากเกินกว่าที่จะถูกนำมาวางไว้ตรงกลางของการแข่งขันหมากรุกทางภูมิรัฐศาสตร์" ผู้บริหารลา โคลอมบ์ พูดคำคมเอาไว้...ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นสารที่ส่งไปถึงโดนัลด์ ทรัมป์ หรือไม่/อย่างไร

ช่วงนี้บรรดาสื่อหลักสื่อเว็บไซต์ในสหรัฐอเมริกาเลยต้องทำงานกันหนักชนิดตัวเป็นเกรียวกันทีเดียว

มีหลายประเด็นหลากแง่มุมที่ต้องรีบนำเสนอออกสู่สาธารณชนเพื่อให้รับรู้ถึงผลกระทบต่อเงินทองใน 'กระเป๋าผู้บริโภค' ที่จะต้องจ่ายเงินเพิ่มในการซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค หลังจากการตั้งกำแพงภาษีศุลากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มมีผลจริงจังต่อวิถีชีวิตของอเมริกันชนทั้งประเทศ ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ไกด์ไลน์หรือคำแนะนำการเลือกซื้อสินค้าในชีวิตประจำวันมีให้เห็นกันเยอะทีเดียว ยามเข้าร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ตจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มมาก ไล่เรียงกันไปตั้งแต่สินค้านำเข้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม เช่น กาแฟ, ไวน์, เบียร์, ชา, ช็อคโกแลต, เนื้อไก่, ปลา, กุ้ง, ปู, ชีส และเครื่องเทศ ไปจนถึงสินค้าอย่างโทรศัพท์มือถือ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ของเล่นเด็ก, เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์กีฬา, รถยนต์ และอื่นๆอีกมาก               

อเมริกันบ่นยุคภาษีทรัมป์ กาแฟแพงกว่าล็อบสเตอร์?

แคปซูลกาแฟเนสเพรสโซที่ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์ อาจต้องเสียภาษีศุลกากร 39%  หากนำเข้าไปจำหน่ายยังตลาดสหรัฐอเมริกา  (ภาพ :  Jürgen Diermaier from Pixabay)

ที่ต้องจัดทำคู่มือ 'เลือกซื้อสินค้า' นั้น ก็เพราะในการจัดเก็บภาษีศุลากรสินค้านำเข้า แต่ละประเทศมีอัตราไม่เท่าเทียมกัน อย่างบราซิล ชาติที่สหรัฐนำเข้ากาแฟมากที่สุด โดนไป 50% เท่ากับอินเดีย เม็กซิโก 25%, จีน 30% และแอฟริกาใต้ 30% ขณะที่ชาติอาเซียนหลายประเทศรวมทั้งไทยเรา เจอไป 19% ยกเว้นเวียดนามที่ถูกเก็บในอัตรา 20%

ถึงตอนนี้ภาคธุรกิจและผู้บริโภคอเมริกันคงรับรู้แล้วล่ะว่า สิ่งที่ผู้นำประเทศบอกว่าต่างประเทศจะเป็นผู้แบกรับภาระต้นทุนจากภาษีที่สูงขึ้นนั้น 'ไม่จริง'

แต่เรื่องจริงไม่จกตาคือราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นไปแล้ว แต่เพิ่มขึ้นมากน้อยขนาดไหน และเพิ่มขึ้นไปถึงเมื่อใด ยังบอกไม่ได้ ก็คงเฝ้าติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

ในส่วนของสินค้าประเภทกาแฟนั้น เว็บไซต์การเมืองชั้นแนวหน้าอย่าง 'เดอะ ฮิลล์' (The Hill) มีข้อแนะนำว่า การดื่มกาแฟรับอรุณของคุณได้รับผลกระทบหนักแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับแบรนด์, ร้านค้า และประเภทของเมล็ดกาแฟที่เลือกช้อป

อเมริกันบ่นยุคภาษีทรัมป์ กาแฟแพงกว่าล็อบสเตอร์?

บริษัทนำเข้ากาแฟในสหรัฐเริ่มปรับเปลี่ยนไปซื้อกาแฟจากประเทศที่เสียภาษีในอัตราต่ำกว่า แต่ส่วนใหญ่แล้ว ภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้จะถูกส่งต่อไปยังนักดื่มกาแฟ  (ภาพ : Nathan Dumlao on Unsplash)

เว็บไซต์การเมืองรายนี้ให้ข้อมูลว่า ราคากาแฟพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 25% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และเนื่องจากถูกเก็บภาษีสูงมาก บริษัทอเมริกันเริ่มชะลอการนำเข้ากาแฟจากบราซิล

เดอะ ฮิลล์ ยังยกตัวอย่างว่า แคปซูลกาแฟ 'เนสเพรสโซ' ที่ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์ทั้งหมด ต้องเสียภาษีนำเข้า 39% ขณะที่โคลอมเบียซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกกาแฟเข้าสหรัฐมากเป็นอันดับสองรองจากบราซิล เสียภาษีนำเข้าเพียง 10% เท่านั้น

ล่าสุดมีข่าวว่า สส.พรรคเดโมแครต จะยื่นร่างกฎหมายฉบับหนึ่งต่อรัฐสภา เป็นร่างกฎหมายที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งพรรคเดโมแครตเองและพรรครีพับลิกันด้วย เพื่อขอ 'ยกเว้น' การจัดเก็บภาษีศุลกากรสินค้าประเภทกาแฟ

ถ้าร่างกฎหมายนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภา มีอันถูกปัดตกไป ขอให้มั่นใจได้เลยว่าราคากาแฟจะแพงกว่าล็อบสเตอร์อีกหลายเท่าตัว

.................................................

เขียนโดย : ชาลี วาระดี