'ชาโต มาร์โกซ์' ไวน์ที่มาจากชื่อตำบลที่มีชื่อเสียงก้องโลก

หนึ่งใน ‘5 เสือ เมด็อก’ ‘ชาโต มาร์โกซ์’ ที่แตกต่างกว่าชาวบ้านคือ ใช้ชื่อตำบลมาเป็นชื่อไวน์ นอกนั้นส่วนใหญ่ใช้ชื่อตระกูลที่เคยครอบครองเป็นชื่อไวน์หรือชื่อชาโต
มาร์โกซ์ (Margaux) เป็นหนึ่งในคอมมูนหรือตำบลของอำเภอเมด็อก (Médoc) เมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux) อยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำฌีฮรองด์ (Gironde) และอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของตัวเมืองบอร์กโดซ์ ไวน์ชาโต มาร์โกซ์ มีฐานะเป็น AOC
สาเหตุที่ตำบลมาร์โกซ์ทำไวน์ได้ยอดเยี่ยมเนื่องจากมีดินกรวดชนิดพิเศษ ที่ถูกสายน้ำพัดพามาจากภูเขา เมื่อประกอบกับดินฟ้า อากาศ และปัจจัยอื่น ๆ เป็น “แตร์ฮรัวร์” (Terroir) ที่ล้ำค่า
นอกจากความแตกต่างจากชาวบ้านที่ใช้ชื่อตำบลมาเป็นชื่อไวน์ ยังมีไวน์ที่สร้างชื่อระดับ กรองด์ ครู คลาสเซ ในบัญชีดังกล่าวถึง 20 ชาโต จากทั้งหมด 61 ชาโต มากกว่าทุกคอมมูน (ชั้น 2 = 5 ชาโต / ชั้น 3 = 10 ชาโต / ชั้น 4 = 3 ชาโต / ชั้น 5 = 2 ชาโต) รวมแล้ว 21 ชาโต
ตามบัญชี การจัดเกรดไวน์ Bordeaux Classification 1855 หรือ เมด็อก 1855 (Medoc 1855) แบ่งไวน์กรองด์ ครู ออกเป็น 5 ชั้น รวมทั้งสิ้น 61 ตัว โดยชั้น 1 มี 5 ตัว เรียกว่า 5 เสือเมด็อก เป็นชั้นที่ได้รับความสนใจมากที่สุด
แผนที่มาร์โกซ์
ตำบลมาร์โกซ์ได้รับ AOC ในปี 1954 มีพื้นที่ปลูกองุ่นรวม 1,530 เฮกตาร์ ประกอบด้วย 64 ชาโตหรือโดเมน (Chateau / Domaine) ปลูกองุ่นกาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) 53 % แมร์โลต์ (Merlot) 40% เปอติต์ แวร์กโดต์ (Petit Verdot) 4% กาแบร์เนต์ ฟรอง (Cabernet Franc) 3%
ส่วนไวน์ขาวมีบ้างแต่ไม่มาก ทำจากโซวีญยอง บลอง (Sauvignon Blanc) และเซมิลยง (Sémillon) แต่ไม่สามารถระบุในฉลากเป็น AOC Margaux (Appellation Margaux Controlee) ได้ เพราะ AOC Margaux บังคับเฉพาะไวน์แดง จึงต้องระบุเป็น AOC Bordeaux หรือ AOC Bordeaux Supérieure
ชาโต มาร์โกซ์ เดิมชื่อ ลามอธ เดอ มาร์โกซ์ (La Mothe de Margaux) ต้นกำเนิดของชาโตไม่ได้ระบุอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่ระบุว่าอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 12 – 14 ณ มหาปราสาทลาอมธ (Lamothe / La Mothe) โดยตระกูลดูร์ฟอรต์ (Durfort) ซึ่งเป็นเจ้าของชาโต ดูร์ฟรอต์ วีวองส์ (Chateau Durfort-Vivens)
มีไวน์กรองด์ ครู ชั้น 2 ด้วยการยุบจากไวน์ 2 ตัวที่รู้จักกันดีในช่วงศตวรรษที่ 15 คือมาร์กู (Margou) และมาร์กูส (Margous) เป็น Chateau Margaux ในปี 1750
หลังจากนั้น ชาโต มาร์โกซ์ ก็เป็นสมบัติผลัดกันชมของมหาเศรษฐีหลายตระกูล แต่ที่ต้องบันทึกไว้คือปี 1836 ตระกูลดูร์ฟอรต์ ขายกิจการให้ วีกอง เด อาโกโด ตระกูลขุนนางผู้ดี ซึ่งได้สร้างตึกมาร์โกซ์ใหม่ที่เห็นในปัจจุบัน โดยฝีมือของวิกตอร์ ลูอิส สถาปนิกชื่อดัง ลักษณะเป็นศิลปกรรมยุคบาบิโลนอันงดงาม ซึ่งว่ากันว่างดงามที่สุดในเมด็อก ประดับด้วยต้นไม้ล้ำค่าจากมองโกเลีย ล้อมรอบด้วยทะเลสาบ ที่ได้รับการบูรณะใหม่แล้วเสร็จในปี 1812
ถังโอ๊คบ่มไวน์ของชาโต มาร์โกซ์
ปี 1976 อังเดร เมนต์เซโลปูลอส (Andre Mentzelopoulos) ผู้บริหารไฟแนนซ์ Felix Potin สายเลือดกรีซ เข้าครอบครองด้วยเงิน 72 ล้านฟังส์หรือ 16 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีครอบครัว Agnelli ถือหุ้นด้วย ที่สำคัญคือได้ อีมิล เปย์โนด์ (Émile Peynaud) สุดยอดนักปรุงไวน์ของโลกมาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งมีส่วนอย่างมากที่ทำให้ ชาโต มาร์โกซ์ ไร้เทียมทาน
เมื่อ อังเดร เสียชีวิตในปี 1980 หน้าที่หลักจึงตกอยู่กับลูกสาว คอรีนน์ เมนต์เซโลปูลอส (Corinne Mentzelopoulos) ต่อมาครอบครัวก็ซื้อหุ้นใหญ่อย่างเต็มตัวในปี 2003 เธอจึงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในหญิงแกร่งแห่งวงการไวน์บอร์กโดซ์
ทำถังโอ๊คเอง
เดือนตุลาคม 2023 คอรีนน์ ประกาศวางมือจาก CEO ของ ชาโต มาร์โกซ์ หลังจากทำหน้าที่มาถึง 43 ปี ผู้ที่รับหน้าที่แทนคือ อเล็กซิส เลอเวง เมนต์เซโลปูลอส ลูกชายของเธอซึ่งมาร่วมงานกับชาโต มาร์โกซ์ ในปี 2020 ในตำแหน่งผู้อำนายการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
ชาโต มาร์โกซ์ เป็นไวน์ที่สร้างชื่อเสียงไว้มากมายตั้งแต่อดีต เช่น ในปี 1771 ได้ชื่อว่า เป็นไวน์แดงตัวแรกที่ประมูลในสถาบันคริสตี้ กรุงลอนดอน (Christie’s) ขณะที่โทมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเคยมารับราชการในบอร์กโดซ์และมาเยี่ยมชาโต มาร์โกซ์ ในปี 1787 บอกไว้ว่า ชาโต มาร์โกซ์ เป็น “four vineyards of first quality”
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลฝรั่งเศสต้องการขนมปังจำนวนมากจากสหรัฐ เพื่อเป็นอาหาร สหรัฐยื่นข้อเสนอว่า สิ่งที่จะแลกกับขนมปังต้องเป็นไวน์ Chateau Margaux เท่านั้น อย่างอื่นไม่ต้องการ
ชาโต มาร์โกซ์ มีพื้นที่ปลูกองุ่น 262 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ = 6 ไร่ 1 งาน) ในจำนวนนี้เป็นพื้นที่ใน Margaux AOC 87 เฮกตาร์ ขณะที่พื้นที่ 80 เฮกตาร์ ปลูกกาแบร์เนต์ โซวีญยอง 75% แมร์โลต์ 20% กาแบร์เนต์ ฟรอง และเปอติต์ แวร์กโดต์ 2 % นอกจากนั้นอีก 12 เฮกตาร์ปลูกองุ่นเขียว โซวีญยอง บลอง เพื่อทำไวน์ขาวปาวิลลง บลอง (Pavillon Blanc)
ปาวิลลง บลอง ดู ชาโต มาร์โกซ์ (Pavillon Blanc du Chateau Margaux) : เป็น ไวน์ขาว ในชายคาของชาโต มาร์โกซ์ เริ่มจุดประกายมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ภายใต้ชื่อ ชาโต มาร์โกซ์ แวง เดอ โซวีญยอง (Château Margaux vin de Sauvignon) แต่มาเริ่มผลิตขายจริงจังมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 ภายใต้ชื่อ ไวท์ โซวีญยอง ไวน์ (White Sauvignon Wine) ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น Pavillion Blanc du Chateau Margaux ดังปัจจุบันตั้งแต่ปี 1920 เป็นต้นมา
ทำจากองุ่นโซวีญยอง บลอง หลังจากผ่านการหมักในถังไม้โอ๊คแล้วจะนำไปบ่มในถังโอ๊คใหม่อีกประมาณ 7-8 เดือนก่อนบรรจุให้คอไวน์แย่งชิงกัน เพราะผลิตปีละประมาณ 3,000 ขวดเท่านั้น
วันที่ 26 มกราคม 2567 ชาโต มาร์โกซ์เปิดตัว ปาลิลลง บลอง เซคัน แวง (Pavillon Blanc Second Vin) ในฐานะไวน์ขาวฉลากที่ 2 ของชาโต มาร์โกซ์ วินเทจ 2022 เป็นวินเทจแรก นับเป็นไวน์ขาวฉลากที่ 5 ของชาโต มาร์โกซ์ในรอบ 5 ศตวรรษ ทำจากองุ่นโซวีญยอง บลอง 100% วินเทจนี้ผลิตเพียง 8,000 ขวดเท่านั้น
ลองชิมไวน์ขาวและแดงของชาโต มาร์โกซ์กันสัก 3-4 วินเทจ
ปาวิลลง บลอง ดู ชาโต มาร์โกซ์ 2016 (Pavillon Blanc du Château Margaux 2016) : ทำจากโซวีญยอง บลอง เป็นหลัก เบลนด์ด้วยเซมิลยง เล็กน้อย ตามสไตล์ไวน์ขาวบอร์กโดซ์ บ่มในโอ๊คใหม่ฝรั่งเศส 20%
ปาวิลลง บลอง 2016
สีเหลืองทองอร่าม หอมกลิ่นผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล ซีทรัส พีช เลมอน มิเนอรัล ดอกไม้ ยี่หร่า ใบไธม์ ตะไคร้ แอสิดสดชื่น จบยาวด้วยผลไม้ มิเนอรัล และชุ่ม ๆ คล้ายมะขามป้อม กำลังดื่มอร่อย ...18.5/20 คะแนน
ชาโต มาร์โกซ์ มาร์โกซ์ 2015 (Château Margaux Margaux 2015) : วินเทจนี้ขวดสีดำ ลายเส้นสีทอง เป็น Limited Edition ผลิตเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ “ปอล ปงเตลลิเยร์” (Paul Pontallier) MD คนสำคัญของชาโต ที่เสียชีวิตในเดือนมีนาคม 2016 ที่ฉลากใกล้ก้นขวดมีคำว่า “Hommage à Paul Pontellier” แปลว่า “ด้วยความเคารพ ปอล ปงเตลลิเยร์” วินเทจ 2015 จึงเป็นวินเทจสุดท้ายในชีวิตของเขา
ชาโต มาร์โกซ์ 2015
เบลนด์จากกาแบร์เนต์ โซวีญยอง 87% แมร์โลต์ 8% กาแบร์เนต์ ฟรอง 3% และเปอตีต์ แวร์กโดต์ 2% บ่ม 20 เดือนในโอ๊คฝรั่งเศสใหม่ 100%
สีแดงโกเมนเข้ม สดใส หอมกลิ่นผลไม้สุกอบอวล แบล็คเคอร์แรนท์ แบล็คเบอร์รี พลัม บลูเบอร์รี ราสพ์เบอร์รี มิเนอรัล ดอกลาเวนเดอร์ ช็อกโกแลตเค้ก กราไฟต์ สไปซีเฮิร์บ ยี่หร่า ชะเอมเทศ ไม้จันทน์ จูนิเปอร์ ใบชา ใบยาสูบ สโมคกี้โอ๊ค ซีดาร์ กล่องซิการ์ แอสิดสดชื่น แทนนินนุ่มนวลเนียน จบยาวด้วยผลไม้ โอ๊ค สไปซี่เฮิร์บ และมิเนอรัล สามารถเริ่มดื่มได้ในปีนเป็นต้นไป เป็นวินเทจที่สมบูรณ์แบบหาที่ติมิได้ ....20/20 คะแนน
ชาโต มาร์โกซ์ 2014
ชาโต มาร์โกซ์ มาร์โกซ์ 2014 (Château Margaux, Margaux 2014) : หนึ่งในวินเทจยอดเยี่ยมและคลาสสิกของชาโต มาร์โกซ์ เทียบเท่าวินเทจ 1995 1996 ประมาณนั้น ท่านที่มีโอกาสรีบทุบกระปุกซื้อไว้เลย ออกสู่ท้องตลาดเมื่อไรราคามหาโหดแน่นอน ที่สำคัญซื้อไว้ขายได้ตังค์ดีกว่าฝากเงินในแบงค์บ้านเรา
ทำจากกาแบร์เนต์ โซวีญยอง 90% แมร์โลต์ 5% กาแบร์เนต์ ฟรอง 3% และเปติต์ แวร์กโดซ์ 2% ....สีแดงโกเมนเข้ สดใส หอมกลิ่นผลไม้ แบล็คเคอร์แรนท์ แบล็คเบอร์รี และพลัม มิเนอรัล ดอกไวโอเล็ต กรีนเปปเปอร์ สไปซีเฮิร์บ จันทน์เทศ กานพลู ซีดาร์ ใบยาสูบ ใบชา ผิวมะกรูด แอสิดสดชื่น แทนนินหนักแน่นเริ่มนุ่ม โอ๊คหอมกรุ่น จบยาวด้วยผมไม้ ดอกไม้ มิเนอรัล วานิลลา.....19.5/20 คะแนน
ชาโต มาร์โกซ์ 2000
ชาโต มาร์โกซ์ มาร์โกซ์ 2000 (Château Margaux Margaux 2000) : เป็นวินเทจทองของไวน์ฝรั่งเศส โดยเฉพาะบอร์กโดซ์ เบลนด์จากองุ่นกาแบร์เนต์ โซวีญยอง 90% และแมร์โลต์ 10% บ่มในถังโอ๊ค 2 ปี
สีแดงเข้ม ขอบบราวน์นิด ๆ สดใส หอมกลิ่นผลไม้ แบล็คเคอร์แรนท์ แบล็คเบอร์รี พลัม บลูเบอร์รี พรุน และราสพ์เบอร์รี มิเนอรัล แบล็คเปปเปอร์ ดอกไวโอเลต ไส้ดินสอ ไม้จันทน์ ใบเบย์ โอ๊คหอมหวาน ยาสูบ หนังสัตว์ แอสิดสดชื่น แทนนินหนักแน่นนุ่มเนียน จบยาวเหยียดด้วยผลไม้สุก มิเนอรัล สไปซี่เฮิร์บ สามารถเก็บได้ประมาณ 30 - 40 ปี .....19.5 / 20 คะแนน
ชาโต มาร์โกซ์ ไวน์กรองด์ ครู คลาสเซ ชั้น 1 ที่ใช้ชื่อตำบลมาเป็นชื่อไวน์ แต่สามารถทำชื่อเสียงและราคาได้ระดับโลก