‘5 อันดับข้าวแช่’ ประจำฤดูกาล 2568 นี้ ที่คุณไม่ควรพลาด

‘5 อันดับข้าวแช่’ ในปี 2568 ที่ หมูหวานชวนชิม ประทับใจ เริ่มจาก ‘รอยัลโอชา’ (Royal Osha) มาจนถึง โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ
ข้าวแช่มีจุดกำเนิดเกิดจากชาวมอญ ทำถวายพระใน เทศกาลสงกรานต์ กลายเป็น อาหารไทยชาววัง ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ทุกวันนี้กลายเป็น สำรับหน้าร้อน ซอฟต์พาวเวอร์ อาหารไทย ไปเรียบร้อยแล้ว
ลักษณะพิเศษของอาหารสำรับนี้ ประกอบด้วยกรรมวิธีการปรุงที่สำคัญ สืบต่อกันมาอาทิ วิธีการหุงข้าว การทำรข้าวแช่ การเตรียมน้ำลอยดอกไม้ และการอบร่ำควันเทียน กับข้าวประกอบไปด้วย ลูกกะปิ หัวหอมยัดไส้ ไชโป๊วผัดหวาน พริกหยวกสอดไส้ หมูผัดหวาน
และการเตรียมผักสดต่างๆมาแกล้ม ช่วยเสริมรสชาติ แก้เลี่ยน ทำให้ อาหารไทย สำรับนั้นมี ความอร่อย สดชื่น ลงตัว คลายร้อนได้ในเดือนเมษายน ฤดูกาลนี้ หมูหวานชวนชิม มีโอกาสชิม ข้าวแช่ 2025 หลากหลายแห่งอาจจะยกมากล่าวกันไม่หมด
จึงขอหยิบยกมาเพียง 5 อันดับข้าวแช่ เริ่มจาก รอยัลโอชา (Royal Osha) ถัดมาเป็นร้าน นาราไทย คูซีน และ ห้องอาหาร Bangkok’78 โรงแรมสินธร มิดทาวน์ กรุงเทพฯ วีนแยทท์ คอลเล็คชั่น ร้าน KHAO เครื่องเคียงพิเศษ 9 ชนิด และ ห้องอาหารเฟลอริช โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ
5 อันดับข้าวแช่ ฤดูกาล 2568 นี้ ที่คุณไม่ควรพลาด ร้านแรกเริ่มที่ รอยัล โอชา (Royal Osha) เชฟวิชิต มุกุระ ผู้มีประสบการ์ด้าน อาหารไทย มา 40 ปี รังสรรค์ เครื่องเคียง 7 อย่าง พิเศษมี ‘เห็ดหวาน ทรงเครื่อง’ เป็นเห็ดจากโรงเรือนที่เชฟปลูกเอง หากชอบบรรยากาศหรูหรา ทว่าไม่ได้อยู่ในโรงแรม ก็ต้องเป็นร้านนี้ที่มีรางวัลมิชลินไกด์การันตี 7 ปีซ้อน
ความอร่อย นอกจาก ข้าวแช่ แล้วยังมี มะม่วงน้ำปลาหวาน ผสานกำลังระหว่างมะม่วงเขียวเสวย และแก้วขมิ้น ได้ชิม‘ฝรั่งสีชมพู’ ในรูปแบบ ‘ม้าฮ่อ’ ขอบอกไส้สาคูที่วางมาบนม้าฮ้อนั้น อร่อยมาก
เชฟวิชิต เล่าถึงวิธีทำ ลูกกะปิ ว่าได้นำส่วนผสมต่างๆที่กล่าวไปมาผัดใส่กะทิ ปรุงรสให้กลมกล่อมด้วยน้ำตาล ปั้นเป็นก้อนกลมพอดีคำ ส่วนเคล็ดลับการทำกะปิ ก็คือนำมาห่อใบตองย่างไฟ เพื่อเพิ่มความหอม
สาเหตุที่ หมูหวานชวนชิม ยกให้ รอยัล โอชา (Royal Osha) เป็นที่ 1 ในดวงใจก็เพราะลูกกะปิ และ ‘ข้าว’ อร่อย โดนใจ นอกจากนั้นไม่ว่าจะเป็น ‘หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง’ และ ‘พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง’ บรรจงทำมาอย่างพิถีพิถัน อร่อยอย่างไม่มีที่ติ
มะม่วงน้ำปลาหวาน กับ ม้าฮ่อ (ฝรั่งสีชมพู)
‘ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด’ นำไข่แดงเค็มไชยาอันเลื่องชื่อที่มีความมัน ความแน่นหนึบ และเค็มเล็กน้อย มาตีและปั้นเป็นเม็ดพอดีคำ จากนั้นนำไปชุบแป้งที่มีส่วนผสมของไข่ขาวจากไข่เค็ม แล้วนำไปทอดให้ด้านนอกเหลืองทองอร่าม เวลารับประทานจะได้รสสัมผัสที่แตกต่างกันตรงที่ด้านนอกจะกรอบ และด้านในจะให้ความนุ่มหนึบ
‘หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม’ เป็นการหลบหลีกจากการทำ ‘หมูฝอย’ ธรรมดาๆ ด้วยการนำหมูมาต้มฉีกทำฝอยแล้วคั่ว เพิ่มรสชาติไม่ซ้ำใครด้วยการผัดน้ำพริกมะขามกับหมูฝอย ก็จะได้หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขามรสเข้มข้น สัมผัสได้ถึงความแตกต่างจากหมูฝอยทั่วไป
‘ปลายี่สนผัดหวาน’ เชฟวิชิต ได้นำปลากระเบนแห้งมาแช่น้ำให้เนื้อนิ่ม หลังจากนั้นนำมาตำจนเนื้อนุ่มฟู แล้วผัดกับส่วนผสมและเครื่องปรุงรสเข้มข้น ผัดจนเครื่องซึมเข้าในเนื้อปลาจนแห้ง ขณะที่
หัวไชโป๊วผัดหวาน พิถีพิถันตั้งแต่การเลือกหัวไชโป๊วที่ไม่เค็มนัก ล้างทำความสะอาดอย่างดี นำมาหั่นเป็นเส้นฝอย หลังจากนั้นนำมาผัดกับกระเทียม และน้ำตาลปี๊บ ใช้ไฟอ่อนผัดพอให้กรึบๆ สลับการโรยน้ำตาลปี๊บให้ค่อยๆ เคลือบจนน้ำตาลรัด จนเส้นไชโป๊วมีความเงาขึ้นมาเอง พร้อมโรยด้วยกระเทียมเจียวหอมๆ
เครื่องเคียงพิเศษ สำหรับปีนี้ เชฟได้รังสรรค์ ‘เห็ดหวาน ทรงเครื่อง’ นำมาเป็นทางเลือกของคนรักสุขภาพ โดยนำเห็ดโคนหลวงมาทำให้แห้ง (Dehydration) ฉีกเป็นเส้นๆ ก่อนนำลงทอดและเคลือบด้วยงากับน้ำตาล จนกรอบ
และมีกลิ่นหอม ‘ผักแกะสลัก’ สุดประณีต ทั้งกระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยวและแตงกวาแกะสลักรูปใบไม้ รับประทานกับข้าวหอมมะลิเสาไห้ในน้ำลอยดอกไม้ไทย 4 ชนิด ได้แก่ ชมนาด กระดังงา กุหลาบมอญ และมะลิ
เคล็ดลับการรับประทานข้าวแช่ให้ 'อร่อย'
ควรตักข้าว หรือ กับ เข้าปากก่อน แนะนำให้เริ่มกับข้าวชนิดคาวอย่าง ‘ลูกกะปิ’ ก่อน จากนั้น เด็ดกลีบดอกจำปี ที่ทำจากกระชายแกะสลัก สัก 1-2 กลีบ เคี้ยวไปพร้อมกับลูกกะปิ เพิ่มอรรถรส ความอร่อย
เชฟวิชิต มุกุระ แห่ง ร้านรอยัล โอชา
ส่วน ‘หอมแดงสอดไส้’ ควรรับประทานคู่กับแตงกวา ต้นหอมม้วน ‘พริกหยวกสอดไส้’ รับประทานคู่กับ แตงกวา มะม่วง ‘ไข่เค็มชุบแป้งทอด’ คู่กับ มะม่วงเปรี้ยว ต้นหอมม้วน ‘หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม’ รับประทานคู่กับแตงกวา
‘ปลายี่สนผัดหวาน’ คู่กับมะม่วงเปรี้ยว ‘ไชโป๊วผัดหวาน’ คู่กับแตงกวา ต้นหอมม้วน การรับประทานแบบนี้จะเป็นการล้างปาก แก้เลี่ยน เตรียมอร่อยกับคำต่อๆไปจนจบสำรับด้วยความสุขกายสบายใจ
ข้าวแช่ 2025 ที่ ร้านรอยัล โอชา เสิร์ฟทั้งมื้อกลางวัน และมื้อเย็น (สำรองที่นั่งล่วงหน้า) ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 กรกฎาคม 2568 ภายใน 1 สำรับ ประกอบด้วย ของว่าง 2 ชนิด ข้าวแช่ และผลไม้ลอยแก้ว ราคาชุดละ 1,350++ บาท/ท่าน
และข้าวแช่บรรจุในกล่องของขวัญดีไซน์สวยงามคล้ายปิ่นโตทรงเหลี่ยม ราคา 2,300 บาทสุทธิ/กล่อง เหมาะสำหรับรับประทาน 2 ท่านหรือมอบเป็นของขวัญให้ผู้ใหญ่ในโอกาสสำคัญ
สามารถสั่งพวงมาลัยคล้องมือเพิ่มเติม ในราคา 300 บาท ณ ร้านรอยัล โอชา ซอยร่วมฤดี (ถนนวิทยุ) โทร.0-2256-6555 หรือ 08-5489-0571
นาราไทย คูซีน ร้านอาหารไทย รสชาติไทยแท้ เปิดบริการมากว่า 20 ปี ปีนี้เปิดตัว ‘ข้าวแช่’ The Symphony of Thai Summer Delicacy ท่วงทำนองเสน่ห์ฤดูคิมหันต์ ดึงนักแสดง 2 เจนฯ แหม่ม-คัทลียา แมคอินทอช กับ ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร เชิญชวนคนรุ่นใหม่หันมารับประทานข้าวแช่
หมูหวานชวนชิม ประทับใจ ‘ข้าวนุ่มๆ’ ที่เขาใช้ข้าวแบรนด์สิริไท ของ เชอร์รี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ เป็นปีที่สองที่นาราใช้ข้าวของแบรนด์นี้ เป็นข้าวเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษของชาวบ้านจังหวัดสกลนคร
การันตีรสชาติความหอม อร่อย นำมาหุงเสิร์ฟในสำรับหรู พร้อมเครื่องเคียงต้นตำรับปรุงอย่างประณีตพิถีพิถัน กว่า 10 ชนิด ได้แก่ พริกหยวกยัดไส้หมู ลูกกะปิปั้นทอด ปลายี่สนผัดหวาน พริกแห้งบางช้างทอดสอดไส้ปลาช่อน ไข่เค็มมุกมณี กุ้งหวานไชยา ไชโป๊วแผ่นหน้าหมู หัวหอมยัดไส้ทอด ไชโป๊วเส้นผัดหวาน
หมูหวานฝอย ร่วมด้วยเครื่องว่าง แตงโมปลาแห้ง และพิเศษกับ ช่อม่วง ของว่างสูตรอร่อยหาทานยากของนารา ข้าวแช่นารา เสิร์ฟที่ ร้านนาราไทย คูซีน ทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงเดือน กรกฎาคม 2568
‘เชฟกอล์ฟ’ แห่งห้องอาหาร ‘Bangkok’78’โรงแรมสินธร มิดทาวน์ กรุงเทพฯ วีนแยทท์ คอลเล็คชั่น โรงแรมในเครือ IHG
ข้าวแช่ แห่งปีสุดประทับใจอันดับที่ 3 หมูหวานชวนชิม ขอแนะนำที่ ห้องอาหาร Bangkok’78 โรงแรมสินธร มิดทาวน์ กรุงเทพฯ วีนแยทท์ คอลเล็คชั่น โรงแรมในเครือ IHG ข้าวแช่ที่ถูกใจอันดับแรก ‘ข้าว’ ต้องถูกใจก่อน ต้องนุ่ม ไม่แข็งเป็นไต น้ำลอยดอกไม้หอมกรุ่น ‘ลูกกะปิ’ ต้องอร่อยถูกต้องตามตำรา แถมราคาดี 950 บาท สุทธิ (สำหรับ 1 ท่าน) ซื้อกลับบ้าน 1,090 บาทสุทธิ แต่ต้องสั่งจองก่อนล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน
‘เชฟกอล์ฟ’ เล่าว่า เป็นปีที่ 3 แล้ว ที่ได้มาทำ ‘เมนูคลายร้อนแบบไทย’ กับข้าวพิเศษก็คือ ปลาช่อนสิงห์บุรีแห้ง แตงโมสองสี ส่วนของข้าวแช่นั้น เป็น ข้าวหอมมะลิ แช่น้ำอบควันเทียน ลอยดอกกุหลาบมอญ กระดังงา ดอกมะลิ และดอกชมนาด
‘ลูกกะปิ’ ถือว่าผ่านสำหรับหมูหวานชวนชิม เชฟปั้นมาเป็นก้อนเล็กๆขนาดพอดีคำ ‘พริกหยวกสอดไส้กุ้งและหมูห่อด้วยหรุ่มไข่’ อร่อยถูกใจ ‘หอมแดงสอดไส้ปลาช่อนและมะพร้าวคั่ว’ เคี้ยวสบายๆ เพราะถ้าหากทำไม่ดีแล้ว เปลือกหอมจะแข็งกระด้างไม่โอเค
‘ปลาช่อนผัดหวาน’ นั้นก็ อร่อย ถูกใจ เนื้อปลาช่อนหั่นมาพอดีคำทอดสุกกำลังดีเคลือบด้วยน้ำตาลหวานเบาๆ ไม่แข็งกระด้าง
‘ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด’ เค็มๆ มันๆ แถมยังมี ‘ดอกอัญชันสอดไส้กุ้งทอดสามเกลอ’ รสชาติดีมาก กลมกล่อม ลงตัว ‘หมูเปีย’ เป็นหมูสับปลาเค็มปั้นก้อนชุบไข่ทอด ก็อร่อยมาก สำหรับหอมแดงสอดไส้นั้นเชฟทำเป็น ‘หอมทอดสอดไส้ปลาช่อนถั่วลิสงและมะพร้าวคั่ว’ อร่อยไม่เหมือนใคร ‘ไชโป๊วเจ็ดเสมียนผัดหวาน’ ก็ผ่านฉลุย
กรานิต้าส้มฉุน ฝีมือเชฟกอล์ฟ
เสียดายที่ ‘ข้าวแช่’ แสนอร่อยนี้ ขายถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 ศกนี้เท่านั้น รีบๆไปชิมกันให้ได้นะคะ
ห้องอาหาร ‘Bangkok’78’ โรงแรมสินธร มิดทาวน์ กรุงเทพฯ วีนแยทท์ คอลเล็คชั่น โรงแรมในเครือ IHG ซอยหลังสวน สามารถดูรายละเอียดโปรโมชั่นชุดข้าวแช่ เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/41yvHX2
ข้าวแช่ ร้าน Khao
ข้าวแช่ 2025 ที่ ร้าน Khao ปีนี้มีเครื่องเคียง 9 ชนิด สูตรนี้หุงข้าวถูกต้องตามตำราโบราณ ใช้ข้าวเสาไห้ชั้นดีหุงพอเป็นตากบ ขัดยางจนได้เมล็ดข้าวสวยงาม แล้วนําไปนึ่ง และอบควันเทียนจนหอมกรุ่น จากนั้นแช่ในน้ำลอยดอกไม้ให้ความเย็นชื่นใจ
มีอาหารไทยโบราณ อย่าง ม้าอ้วน ทำจากหมูบด สามเกลอ และปลาอินทรีเค็ม ไข่ไก่ หัวกะทิ นึ่งจนสุกในถ้วยไล ท็อปปิ้งด้วยเนื้อปู หมูหวานชวนชิม ชอบ ลูกกะปิ เชฟบางท่านทำลูกกะปิ รสชาติกะปิโดด แบบนั้นต้องปรับปรุง แม้ได้ชื่อว่า ลูกกะปิ ความจริงแล้ว ในนั้นมีทั้งเนื้อปลาดุกย่างถ่าน และสมุนไพรต่างๆโขลกแล้วกวนกับกะทิไฟอ่อนๆ กลิ่นกะปิจางๆหรือแทบไม่ได้กลิ่น
เครื่องเคียงถัดมาก็คือ
ปลายี่สนผัดหวาน
● ปลายี่สนผัดหวาน – เชฟได้นําปลายี่สนมาต้มกับสมุนไพรเพื่อดับกลิ่นคาว แกะเอาแต่เนื้อโขลกจนฟูละเอียด ก่อนนําไปผัดในน้ำมันหอมเจียว แล้วค่อยๆเติมกะทิและน้ําตาลโตนดแท้ จนได้เนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่ม เป็นเอกลักษณ์ของปลายี่สนผัดหวาน ช่างนุ่มละมุนดีแท้
● หอมแดงไส้ปลา – หอมแดงคัดพิเศษลูกโต เลาะเอาไส้ในออก สอดไส้ด้วยปลาช่อนรมควันโขลกละเอียด ก่อนนําไปชุบแป้งบางๆ แล้วทอดจนกรอบ ได้รสชาติที่ลงตัวของความหวานธรรมชาติจากหัวหอม และความหอมของปลาช่อนรมควัน
● หมูฝอย เชฟได้นําเนื้อหมูไปนึ่งก่อนแล้วจึงฉีกออกเป็นเส้น ปรุงรสให้กลมกล่อม ก่อนนําไปทอดในน้ํามันหอมเจียวจนกรอบ แล้วนํามาคลุกเคล้ากับหอมเจียว สิ่งที่ได้สัมผัสนั้นก็คือ หมูฝอยรสชาติเค็มๆ หวานๆ หอมกลิ่นหอมแดงเจียว
● หัวไชโป๊วผัดหวาน เชฟได้นําหอมแดงมาผัดจนนิ่ม แล้วจึงใส่หัวไชโป๊วเนื้อแน่น ลงไปเคี่ยวด้วยกัน ค่อยๆ เติมน้ําตาลโตนดทีละน้อยและจนได้ความหวานหอมละมุน ได้หัวไชโป๊วเส้นที่ให้ความกรุบกรอบและหอมหวาน เข้ากันได้ดีกับ ‘ข้าวแช่’
● ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด เป็นอีกหนึ่งในเครื่องเคียงซิกเนเจอร์ของ ‘ร้าน Khao’ เชฟเลือกใช้ ‘ไข่แดงเค็มไชยา’ นำมา ปั้นเป็นก้อนกลมพอดีคํา ก่อนชุบ แป้งทอดจนได้สัมผัสกรอบนอก หนึบใน และรสเค็มมันที่กลมกล่อม รสละมุนไปอีกแบบ
บรรยากาศร้าน Khao สาขาถนนวิทยุ
● พริกหยวกสอดไส้ พริกหยวกลูกโตๆเนื้อแน่นๆ โดยเชฟจะคว้านเอาไส้พริกออก ก่อนบรรจงสอดไส้ ที่เป็นหมูบดและกุ้งสับที่ปรุงรสอย่างพิถีพิถันด้วยสามเกลอ จากนั้นนําไปชุบแพไข่ทอดให้ได้สีเหลืองทองน่ารับประทาน
สัมผัสแสนนุ่มนวลสลับความกรอบของไข่ทอดที่เป็นแพตาข่ายห่อหุ้มพริกหยวกเอาไว้ เมื่อรับประทานแล้วก็จะได้กลิ่นความหอมและนุ่มของหมูบด และกุ้งสับที่ซ่อนตัวอยู่ด้านใน
ม้าอ้วน
● ม้าอ้วน – เมนูตํารับโบราณที่หาทานได้ยาก เราประยุกต์โดยนําปลาอินทรีเค็มทอดจนหอม ผสมเข้ากับหมูบด มันหมูและสามเกลอ เติมหัวกะทิและไข่ไก่ให้ได้รสชาติกลมกล่อม ก่อนนําไปใส่ถ้วยตะไล โรยหน้าด้วยเนื้อปูนึ่งจนสุกหอม ได้รสเค็มจากปลาอินทรีตัดด้วยความหวานจากเนื้อปู
● ปลาใบไม้ทอด ถือว่าเป็นรสชาติที่แปลกใหม่ เป็นเครื่องเคียงพิเศษประจําปี ที่ทางร้านคัดสรรปลาสลิดเนื้อฟูหั่นชิ้นพอดีคํา คลุกไข่เป็ดคุณภาพดีแล้วทอดจนเหลืองกรอบ ให้รสสัมผัสที่กรอบนอกนุ่มใน และรสเค็มอ่อนๆ เข้ากับความหอมละมุนของข้าวแช่ได้อย่างลงตัว
‘ร้าน KHAO’ เปิดให้บริการทุกวันรอบกลางวัน เวลา 11.30 - 14.00 น. และ รอบเย็น เวลา 17.30 - 22.00 น.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สาขาเอกมัย (Khao Ekkamai) Tel : 098-829-8878 สาขาถนนวิทยุ (Khao Wireless road) Tel : 087-907-7777 , 097-907-7777
‘เชฟชัชษร ประทุมมา’ Executive Sous Chef
ข้าวแช่ สำรับไทยคลายร้อน ที่ ห้องอาหารเฟลอริช โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ อร่อยมากเสิร์ฟ พร้อมกับข้าว 7 อย่าง
ปีนี้ เชฟชัชษร ประทุมมา Executive Sous Chef ผู้เชี่ยวชาญ‘อาหารไทย’ รังสรรค์เมนูข้าวแช่ ตำรับชาววัง ก่อนทำน้ำลอยดอกไม้ จะต้มน้ำสุกทิ้งไว้ก่อน 1 คืน
เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ เชฟชัชษร ได้เตรียมไว้เสิร์ฟ ความอร่อย ให้กับทุกท่าน ทั้งหมด 7 เมนู
หอมแดงไส้ปลายี่สนผัดหวาน เชฟได้นำหอมแดงโทนลูกใหญ่ คว้านเนื้อในออก และสอดไส้ปลายี่สนผัดหวานเข้าไปแทนที่ จากนั้นนำหอมแดงสอดไส้ลงชุบแป้งลงทอดจนกรอบเหลือง
เคล็ดลับการปรุงไส้ปลายี่สนผัดหวาน นำปลายี่สนไปต้มจนสุก และนำมาลอกหนัง แกะก้างออก นำเฉพาะส่วนเนื้อปลาผัดกับน้ำตาลโตนด และน้ำมันหอมเจียวจนได้รสหวานหอม
พริกหยวกสอดไส้ เชฟชัชษร นำพริกหยวกเม็ดใหญ่ กรีดตรงกลางเพื่อนำเมล็ดออก แล้วสอดไส้ด้วยเนื้อหมูบดผสมเนื้อกุ้งสับ ที่ปรุงรสด้วยสามเกลอ ประกอบด้วย รากผักชี กระเทียม และพริกไทย แล้วนำทอดและห่อด้วยแพไข่ทอดสีเหลืองน่ารับประทาน
ไชโป๊วผัดหวาน
หัวไชโป๊วผัดหวาน ทางเชฟเลือกใช้หัวไชโป๊วชั้นดีมาผัดกับน้ำตาลโตนดและน้ำมันหอมเจียว ด้วยไฟอ่อนจนน้ำตาลแห้งเคลือบเนื้อไชโป๊วเป็นเส้นใสมันวาว หวานกลมกล่อม
เนื้อฝอย หอมกรุ่นกลิ่นเนื้อ
หมูฝอยหรือเนื้อฝอย เชฟได้นำหมูหรือเนื้อแดดเดียวมานึ่งให้สุกก่อน แล้วฉีกเป็นเส้น จากนั้นทอดจนกรอบ แล้วนำไปผัดเคลือบน้ำตาล โรยด้วยหอมเจียวเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
ยำมะม่วงกุ้งเสียบ
ยำมะม่วงกุ้งเสียบ ถือเป็นเมนูพิเศษประจำปี ที่รังสรรค์ขึ้นมาเพื่อฤดูกาลข้าวแช่ ปี 2568 นี้ เชฟนำมะม่วงเขียวเสวย 3 รส ผสมกับมะม่วงแรดรสเปรี้ยว คลุกเคล้าน้ำยำรสชาติจัดจ้าน เติมเต็ม ความอร่อย ด้วยกุ้งเสียบทอดกรอบตัวโตเต็มคำ
ผักแนม ที่มีทั้งกระชายสด มะม่วงดิบ และผักสดอื่นๆ เป็นตัวช่วยชูให้รสเครื่องเคียงโดดเด่นอีกด้วย
เชิญทุกท่านไปสัมผัสความอร่อยของสำรับข้าวแช่ตำรับชาววัง พร้อมเสิร์ฟที่ ห้องอาหารเฟลอริช โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 เมษายน 2568 ตั้งแต่เวลา 12:00 – 15:00 น.
• รับประทานที่ห้องอาหาร ในราคาชุดละ 990++ บาทสำหรับรับประทาน 1 ท่าน
• สำรับข้าวแช่ Takeaway ในราคาชุดละ 1,290++ บาทสำหรับรับประทาน 1 ท่าน
• สำรับข้าวแช่ Takeaway พร้อมตระกร้ากระจูดสีเขียวดีไซน์เก๋ ในราคาชุดละ 1,900++ บาทสำหรับรับประทาน 1 ท่าน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่โทร. 02 095 9999







