อาหารและเครื่องปรุง แนวธรรมชาติบำบัด เพื่อการเยียวยาร่างกาย

อาหารและเครื่องปรุง แนวธรรมชาติบำบัด เพื่อการเยียวยาร่างกาย

ไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ป่วย การกินอาหารออร์แกนิก และอาหารธรรมชาติ ไม่ว่าสูตรไหน ก็ดีต่อร่างกาย ลองดูแนวทางธรรมชาติบำบัด หรือแนวทางเลือกกินอยู่ให้สมดุล

สำหรับคนที่อยากเลือกกินอาหารเพื่อดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ป่วย อาหารธรรมชาติ พืชผักออร์แกนิก ปลอดสารพิษ รวมถึงเครื่องปรุงที่ทำเอง ไม่หวานไป เค็มจัด น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ

ลองดูสองแนวทางที่เลือกสรรมาแล้ว นั่นก็คือ ธรรมชาติบำบัด และแนวทางเลือกปลูกผัก ทำอาหารและเครื่องปรุงรสเอง  

อาหารธรรมชาติดีสุด

เมื่อพูดถึงธรรมชาติบำบัด หลายคนก็เข้าใจดีว่า ต้องกินอาหารที่ปรุงแต่งน้อยที่สุด หรือแทบจะไม่ปรุงแต่งเลย เป็นอาหารธรรมชาติ ไม่มีสารพิษ และใช้สิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติเยียวยาร่างกาย

อาหารและเครื่องปรุง แนวธรรมชาติบำบัด เพื่อการเยียวยาร่างกาย

ทำเต้าหู้กินเองสูตรป้าป้อมปลูกผัก 

จำได้ว่า เมื่อมีโอกาสเข้าคอร์สธรรมชาติบำบัด หรือคุยเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพกับผู้รู้หลายคน แม้กระบวนการบางอย่างจะไม่เหมือนกัน แต่หลักๆ ใช้ธรรมชาติเยียวยาร่างกาย และต้องตระหนักรู้ว่า สภาพร่างกายและอาการป่วยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงไม่อาจฟันธงได้ว่า เมื่อหันมาดูแลร่างกายตามแนวทางนี้จะหายป่วยทันที แต่สิ่งที่ได้แน่ๆ ก็คือ อาหารรูปแบบนี้ช่วยรักษาสมดุลให้ร่างกายได้

เจค็อบ วาทักกันเชรี นักธรรมชาติบำบัดจากอินเดีย ให้ข้อมูลไว้ว่า เวลาที่เราไอ จาม มีน้ำมูก นั่นแปลว่าร่างกายพยายามขับสารพิษ ของเสียออกมา การจาม ก็คือการปล่อยสิ่งสกปรกออกมา แต่คนทั่วไปกลับคิดว่าเป็นโรคอย่างหนึ่ง  ทั้งๆ ที่ร่างกายของเรา มีวิธีการขับสารพิษ ออกมาหลายทาง ทั้งการหายใจออก ทางเหงื่อ ปัสสาวะ และอุจจาระ

ดังนั้นการหายใจที่ถูกต้อง ต้องหายใจเข้าให้เต็มปอด และหายใจออกยาวๆ เพื่อขับพิษ แม้กระทั่งการอาบน้ำแล้วใช้แป้งทาก็จะไปอุดตันตามรูขุมขน ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับพิษออกมาทางต่อมเหงื่อ 

 

อาหารและเครื่องปรุง แนวธรรมชาติบำบัด เพื่อการเยียวยาร่างกาย
พืชบางชนิดฤทธิ์เย็น ตามแนวทางธรรมชาติบำบัดต้องเลือกให้เหมาะ

ส่วนอาหารแนวทางธรรมชาติบำบัด จะเน้นความสดใหม่ ไม่ผ่านการปรุงแต่ง หรือกระบวนการใดๆ หรือผ่านการปรุงแต่งให้น้อยที่สุด ถ้าเป็นผักผลไม้ ควรกินตามฤดูกาลและปลูกในภูมิภาคนั้นๆ ปลอดสารพิษดีสุด

ส่วนใหญ่แนวทางธรรมชาติบำบัดจะงดเนื้อสัตว์ทุกชนิด เพราะมีมุมมองว่า ร่างกายมนุษย์ถูกสร้างมาให้เหมาะกับการกินผักผลไม้มากกว่าเนื้อสัตว์

นอกจากนี้ยังให้งดอาหารแปรรูป อาหารสำเร็จรูป พวกบะหมี่สำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง อาหารจานด่วน และงดเว้นอาหารที่ทำจากน้ำตาลขาว และแป้งขัดขาว พวกคุกกี้ เค้ก ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม ฯลฯ ซึ่งมีแคลอรีเกินความต้องการของร่างกาย ยิ่งกินมาก ร่างกายยิ่งต้องเร่งกระบวนการเผาผลาญมากขึ้น เกิดอนุมูลอิสระมากยิ่งขึ้น และอาหารเหล่านี้ไม่มีวิตามินและเกลือแร่ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ

วิธีกินผลไม้ตามแนวธรรมชาติบำบัด

วิธีการกินผลไม้ตามแนวทางนี้ ไม่ว่ามื้อเช้าหรือเย็นสามารถเลือกกินได้มากกว่าหนึ่งชนิด แต่ไม่เกิดสามชนิด โดยมีหลักเกณฑ์ว่าให้เลือกผลไม้รสเดียวกัน ถ้าจะรับประทานรสหวาน อาทิ กล้าวน้ำว้า มะละกอ หรือ รสเปรี้ยวก็ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่สามารถนำผลไม้รสกลาง พวก ฝรั่ง ชมพู มารับประทานร่วมกับรสหวานและเปรี้ยวได้

โดยคำนึงถึงฤทธิ์ร้อนหรือฤทธิ์เย็น ไม่ควรรับประทานผลไม้สุกเกินไป เพราะมีฤทธิ์ร้อนเกินไป เนื่องจากให้พลังน้อย แก๊สมาก ทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ควรเน้นผลไม้ห่ามๆ อาทิ กล้วยหรือมะละกอ

นอกจากกินอาหารธรรมชาติแล้ว เพื่อเพิ่มพลังชีวิตให้กับร่างกาย การล้างพิษก็สำคัญ ในกลุ่มธรรมชาติบำบัด จะมีกระบวนการอดอาหาร ช่วงที่อดอาหารให้ดื่มน้ำเปล่า หรือดื่มน้ำผลไม้

การอดอาหาร เป็นกระบวนการล้างพิษที่สะสมในร่างกาย เนื่องจากความไม่สมดุลของธาตุในร่างกาย ทั้งจากสภาพแวดล้อมเป็นพิษและการบริโภคอาหารปนเปื้อนสารพิษที่ก่อให้เกิดสารอนุมูลอิสระที่มีผลต่อระบบอวัยวะภายใน

ตามหลักวิทยาศาสตร์ เมื่อเรากินอาหารเข้าไปแล้ว ร่างกายต้องใช้พลังงานในการย่อยอาหาร แต่เมื่อเราอดอาหาร ร่างกายก็ใช้พลังงานในการขับสารพิษ

เนื่องจากตอนที่เรารับประทานอาหารเข้าไป เส้นทางการย่อยอาหารจากปากจนถึงทวารหนักใช้เวลา 24-48 ชั่วโมง จากนั้นสารพิษจะถูกดูดซับโดยตับ แล้วขับออกมากับน้ำดี น้ำดีเข้ามาผสมกับกากอาหารที่เหลือจากการย่อย

อาหารและเครื่องปรุง แนวธรรมชาติบำบัด เพื่อการเยียวยาร่างกาย

สาธิตเต้าหู้ทำเอง (เฟซบุ๊ก ป้าป้อมปลูกผัก)

)ทำเครื่องปรุงและปลูกผักกินเอง

อีกแนวทางที่ไม่ต่างกัน ป้อม-ศิริกุล ซื่อต่อชาติ หรือเจ้าของเฟซบุ๊ก ป้าป้อมปลูกผัก ทำเครื่องปรุงรสพวกซีอิ๋ว น้ำปลาด้วยตัวเอง และหันมาปลูกผักในพื้นที่จำกัด ไม่ว่าหน้าบ้าน หลังบ้าน หรือพื้นที่ที่สร้างสรรค์ใหม่เพื่อการปลูกผัก ทำจนมีผลงานหนังสือสองเล่มคือปลูกผักกันเถอะ และMy Organic Life

หลังจากปลูกผักมาเรื่อยๆ ทางกลุ่มสวนผักคนเมือง ก็ชวนแบ่งปันความรู้ ทำเป็นศูนย์เรียนรู้บ้านป้าป้อมปลูกผัก

"ลองเอาผักที่ปลูกมาปรุงอาหารง่าย ๆ ยกตัวอย่าง ผักน้ำ เป็นทั้งไม้ประดับและกินได้ด้วย ในเรื่องการกิน การอยู่ ต้องคิดต่อว่า จะกินอยู่ยังไงให้ชีวิตปลอดภัย เมื่อพืชผักที่ปลูกมีเยอะขึ้น ก็หันมาแปรรูป ทำแยม ทำยาสีฟัน แชมพูสระผม ซีอิ๋ว น้ำปลาใช้เอง

ถ้าผักชนิดไหน ปลูกไว้เยอะก็เอามาทำผักดอง ผักกาดขาวเอามาทำกิมจิ ทุกอย่างดัดแปลงได้ ถ้าทำไม่เป็นก็เปิดยูทูปดู อย่างการทำกิมจิแทนที่จะใช้ผักเกาหลี ก็ใช้ผักไทยๆ ที่มีเนื้อสัมผัสเหมือนกัน”

....................

อ้างอิง : จากแนวการประยุกต์หลักพุทธธรรมเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพ ในโครงการธรรมชาติบำบัดเพื่อชีวิตเป็นสุขของเสถียรธรรมสถาน โดย แม่ชีกาญจนา เตรียมธนาโชค