“จาเมกันรัม” หอมอบอวลมาไกลจากแคริบเบี้ยน

“จาเมกันรัม” หอมอบอวลมาไกลจากแคริบเบี้ยน

ประเทศ "จาเมกา” มีชื่อเสียงจาก “เหล้ารัม” ที่ผลิตมาจากอ้อยหรือกากน้ำตาล เริ่มโด่งดังราวศตวรรษที่ 19 ปัจจุบันขึ้นชื่อเรื่อง "จาเมกันรัม" และมี “รัมบาร์” มากที่สุดในโลก เมื่อเทียบกันเป็นตารางไมล์ต่อตารางไมล์

จาเกมา เริ่มทำ รัม มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1665 ยุคที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษ พื้นที่หลักในการผลิตอยู่ทางหมู่เกาะอินเดียตะวันตก รวมถึงประเทศในแถบทะเลคาริบเบี้ยน อาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาใต้ เช่น เปอร์โตริโก, คิวบา, บาร์บาโดส, ทรินิแดด, เฮติ, กีอานาของอังกฤษ, กีอานาของฝรั่งเศส และจาเมกา ฯลฯ

เหล้ารัมคุณภาพดีและมีชื่อเสียง ล้วนขนย้ายไปจากแถวนี้แทบทั้งสิ้น จะเห็นได้จากรัมจากประเทศเหล่านี้ บริษัทการตลาดมักอยู่ในยุโรป เช่น อังกฤษ สก็อตแลนด์ ฯลฯ

“จาเมกันรัม” หอมอบอวลมาไกลจากแคริบเบี้ยน      บาร์ริมทะเลแคริบเบี้ยนในจาเมกา (Cr.wheretostay.com)

จาเมกา (Jamaica) หรือ จาไมกา ประเทศที่เป็นเกาะในภูมิภาคเกรตเตอร์แอนทิลลีส ตั้งอยู่ในทะเลแคริบเบี้ยน  เกาะยาว 240 กิโลเมตร กว้าง 85 กิโลเมตร อยู่ทางใต้ของเกาะคิวบา 150 กิโลเมตร มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเกาะคิวบาและเกาะฮิสปันโยลา

“จาเมกันรัม” หอมอบอวลมาไกลจากแคริบเบี้ยน     ค็อกเทลจากรัม (Cr.realfood.tesco.com)

ชื่อจาเมกา มาจากการเรียกขานของชนพื้นเมืองตาอีโน (Taíno) ที่เรียกเกาะนี้ว่า ฌาเมคา (Xaymaca) ซึ่งแปลได้เป็น 2 ความหมายคือ "ดินแดนแห่งใบไม้ผลิ" หรือ "แดนแห่งป่าและน้ำ" จาเมกาเคยตกอยู่ใต้อาณัติของสเปนและสหราชอาณาจักร ปัจจุบันปกครองแบบประชาธิปไตยแบบมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พระเจ้าชาร์ลที่ 3 ทรงเป็นประมุขของประเทศ ทรงใช้พระราชอำนาจโดยผ่านทางผู้สำเร็จราชการ

“จาเมกันรัม” หอมอบอวลมาไกลจากแคริบเบี้ยน

     การทำรัมในอดีต

คนไทยรู้จักจาเมกามากที่สุดน่าจะเป็นยุค บ็อบ มาร์เลย์ (Bob Marley / 1945-1981) ศิลปินชาวจาเมกาผู้เผยแพร่ดนตรีเร็กเก้ให้ชาวโลกได้รู้จัก จนได้ชื่อว่าเป็น ราชาเร็กเก้ และรูปถ่ายของเขาต้องมีกัญชาประกอบเสมอ จนเป็นไอดอลของคนรักกัญชาทั่วโลกรวมทั้งในเมืองไทย และเมื่อมีนโยบายเสรีกัญชา รูปของบ็อบก็นำมาแพร่หลายอ้างอิงอีกครั้ง

“จาเมกันรัม” หอมอบอวลมาไกลจากแคริบเบี้ยน      คนงานปลูกอ้อยเพื่อทำเหล้ารัม

เอียน เฟลมมิ่ง ผู้เขียนนิยายเจมส์ บอนด์ ซื้อบ้านในจาเมกา มีชื่อเล่นว่า "Golden Eye" เขาเขียนนวนิยาย 14 เล่มในขณะที่อาศัยอยู่ในบ้านนี้ ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารกพักใน The Fleming Villa รองรับได้ 10 คน มีชายหาดส่วนตัว มีสระว่ายน้ำ

นอกจากนี้ จาเมกายังผลิตกาแฟ Blue Mountain ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก

ยูเซน โบลต์ นักวิ่งลมกรดเจ้าของเหรียญมากมาย และเจ้าของสถิติโลกการวิ่งระยะสั้น

“จาเมกันรัม” หอมอบอวลมาไกลจากแคริบเบี้ยน     ถังหมักก่อนนำไปกลั่น

ผมไปจาเมกาครั้งแรกประมาณ 20 ปีที่แล้ว จุดประสงค์หลักเพื่อดูการผลิต รัม (Rum) และไปเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์บ็อบ มาร์เลย์ ที่เมืองหลวงกรุงคิงส์ตัน ซึ่งนักท่องเที่ยวร้อยทั้งร้อยต้องไปสักครั้ง

“จาเมกันรัม” หอมอบอวลมาไกลจากแคริบเบี้ยน     เครื่องกลั่นทันสมัย

พิพิธภัณฑ์บ็อบ มาร์เลย์ ตั้งอยู่ในบริเวณบ้านที่บ็อบเคยอาศัยอยู่ ห้องนอนของเขายังจัดวางไว้เหมือนเดิม ภายในมีห้องอัดเสียงที่เขาใช้ในอดีต และจัดแสดงเรื่องราวประวัติของบ็อบ มาร์เลย์ ฯลฯ

ใครจะไปเที่ยวจาเมกาขอแนะนำให้ไปช่วงเดือนพฤศจิกายน-กลางเดือนธันวาคม เพราะนักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมาก ที่พักและราคาตั๋วเครื่องบินก็ไม่แพงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ซึ่งก็คือในช่วงนี้ เพราะเป็นไฮซีซั่นของจาเมกาและแทบทุกประเทศในหมู่เกาะแคริบเบียน

“จาเมกันรัม” หอมอบอวลมาไกลจากแคริบเบี้ยน

    ห้องบ่มรัม

ส่วน จาเมกันรัม แบ่งการกลั่นออกเป็น 2 วิธีใหญ่ ๆ คือ

1  วิธีของจาไมกา (Jamaica) ใช้น้ำเชื่อมหรือกากน้ำตาลของอ้อยเป็นวัตถุดิบหลัก ผสมฟองน้ำตาลที่ได้จากทำน้ำตาล ผสมผสานกับตามกรรมวิธีของเขา จากนั้นนำไปหมักประมาณ 10-12 วัน แล้วนำไปกลั่นในหม้อกลั่นหลาย ๆ ครั้งที่เรียกว่า Pot Stills

2  วิธีของเดเมอรารา (Demerara) ใช้กากน้ำตาลทรายละลายน้ำ และกรดเกลือ หมักส่าด้วยแอมโมเนียมซัลเฟต ในเวลา 35-45 ชั่วโมง จึงนำไปกลั่นซึ่งมีทั้งแบบหลาย ๆ ครั้ง และการกลั่นแบบต่อเนื่องจนได้ดีกรีสูง ๆ (Contineous Pantent Stills)

“จาเมกันรัม” หอมอบอวลมาไกลจากแคริบเบี้ยน     รัมบาร์

สิ่งที่เหมือนกันก็คือ เมื่อกลั่นเสร็จแล้วต้องมาลดปริมาณแอลกอฮอล์ให้เหลือประมาณ 40 - 60 ดีกรี แล้วนำไปบ่มในถังไม้โอ๊ค ทำให้รัมมีสีเหลืองอ่อน ๆ และการจะมีสีเหลืองอ่อนหรือแก่ ขึ้นอยู่กับภาชนะที่บ่ม แต่ไม่มีข้อบังคับหรือหลักแน่นอนตายตัวว่าต้องบ่มหรือไม่

ผู้เชี่ยวชาญเรื่องรัมบอกว่า จาเมกันรัม (Jamaican Rum) มีเอกลักษณ์เฉพาะในเรื่องกลิ่นอบอวลรุนแรง เอิร์ธตี้ และสีเขียวธรรมชาติ (Funky ,Earthy, Grassy) เรียกว่าได้กลิ่นอายของความดิบ ๆ แบบธรรมชาติค่อนข้างมากกว่าทุกชาติในหมู่เกาะแคริบเบี้ยน

“จาเมกันรัม” หอมอบอวลมาไกลจากแคริบเบี้ยน

     แลงส์ บานานา จาเมกันรัม

ในบ้านเรามีผู้นำจาเมการัม เข้ามาหลายปีแล้ว ปัจจุบันมีหลายแบรนด์ ล่าสุดที่ผมได้ชิมคือแลงส์ บานานา จาเมกันรัม (Langs Banana Jamiacan Rum) นำเข้าโดย Ambrose Wine & Spirit เป็นรัมกลิ่นกล้วยหอม และหอมกรุ่นมาก  จาเมกานั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลูกกล้วยหอมได้ดี ขณะเดียวกันก็สามารถผลิตอ้อยที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในผลิตเหล้ารัมดีมาก จึงนำเสน่ห์ของ 2 อย่างนี้บรรจุลงในขวด

แลงส์ บานานา จาเมกันรัม มาจากนามสกุลของเจ้าของคือ กาวิน แอนด์ อเล็กซานเดอร์ แลง (Gavin & Alexander Lang) พ่อค้าสปิริตสองพี่น้อง แห่งเมืองกลาสโกว์ ประเทศสก็อตแลนด์ ซึ่งนำรัมนี้มาจากเจเมกา แล้วมาทำการตลาดในสก็อตแลนด์ และให้คำนิยามว่า กำเนิดในจาเมกา มาเติบโตในสก็อตแลนด์ รางวัลล่าสุดคือเหรียญเงินจากงาน Rum Masters Awards 2022

“จาเมกันรัม” หอมอบอวลมาไกลจากแคริบเบี้ยน      รัมบาร์ (Cr.Karadacosta pinterest.com)

สีเหลืองทองอร่าม กลิ่นหอมอบอวล (Funk) ด้วยกล้วย สับปะรด ซีทรัส แอพริคอท ทอฟฟี่ผลไม้ กล้วยกวน วานิลลา สโมคกี้ โอ๊ค ดอกไม้แห้ง ๆ สไปซี่ อบเชย คาราเมล บราวน์ชูการ์ จบด้วยกล้วยหอมกรุ่น วานิลลา สามารถดื่มแบบเพียว ๆ ดื่มออน เดอะ ร็อค และผสมเป็นค็อกเทล

รัม ไม่ใช่เหล้ากลั่นธรรมดา แต่หมายถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และระบบเศรษฐกิจ ของจาเมกา