เกร็ดน่ารู้ก่อนตีตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ 'Avatar: Fire and Ash'

เกร็ดน่ารู้ก่อนตีตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ 'Avatar: Fire and Ash'

อยากดู Avatar: Fire & Ash ให้สนุก มาทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหนังภาคก่อน และเกร็ดที่ควรรู้จากปาก ‘เจมส์ คาเมรอน’ และเหล่านักแสดง ก่อนตีตั๋วเดินเข้าโรงภาพยนตร์

KEY

POINTS

  • Avatar: Fire  and Ash เนื้อเรื่องดำเนินต่อจากภาค The Way of Water ทันที เพื่อคลี่คลายปมต่างๆ ที่ค้างไว้ เช่น เรื่องราวของสไปเดอร์, คิรี และพญาคาน จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็น Avatar 2: Part 2
  • เปิดตัวศัตรูใหม่คือ 'เผ่าไฟ' ชาวนาวีอีกกลุ่มที่อาศัยในเขตภูเขาไฟ มีนิสัยก้าวร้าวและเป็นด้านมืดของชาวนาวี
  • ครอบครัวซัลลี่ต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายใน ทั้งความเกลียดชังมนุษย์ของเนย์ทิรี และความรู้สึกผิดของโลอัคต่อการตายของพี่ชาย

อวตาร 3 หรือ Avatar: Fire & Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน ภาพยนตร์ไซไฟฟอร์มยักษ์จาก ‘เจมส์ คาเมรอน’ ที่ใช้เทคโนโลยีก้าวล้ำนำสมัย ทำให้ได้ภาพและเสียงงดงามเกินจินตนาการ กำลังเข้าฉายส่งท้ายปีอยู่ในโรงภาพยนตร์ขณะนี้ แต่ด้วยความที่ภาคนี้ออกฉายห่างจากภาคที่แล้วเป็นเวลานานร่วม 3 ปี การทบทวนเกร็ดน่ารู้และเรื่องราวในภาคก่อนหน้านี้จะช่วยให้คุณดูหนังได้สนุกขึ้น ดังต่อไปนี้

  • Avatar: Fire & Ash แทบจะเรียกได้ว่าเป็น Avatar 2: Part 2 เพราะดำเนินเหตุการณ์ต่อเนื่องจากภาคที่แล้วทันที ขณะที่ตัวเจมส์ คาเมรอนเองได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า เขามีไอเดียอันยอดเยี่ยมอยู่มากมายจนไม่สามารถใส่เข้าไปได้หมดใน Avatar: The Way of Water ดังนั้น ภาค 3 จึงเป็นการปิดจบประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในภาคที่แล้วอย่างสมบูรณ์นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสไปเดอร์, พญาคาน, โลอัค, ผู้พันควอริทช์, เจคกับโทรุคมัคโต, คิรี, ตัวตนของเอวา ฯลฯ
  • ด้วยเหตุนี่เองจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ได้รับชม Avatar 3 มาแล้วหลายคนจะบ่นว่าเนื้อเรื่องดำเนินไปไม่ถึงไหน ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิม ๆ เพราะนั่นคือความตั้งใจของผู้สร้าง

เกร็ดน่ารู้ก่อนตีตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ 'Avatar: Fire and Ash'

  • นอกจากเนื้อเรื่องจะดำเนินต่อกันแล้ว Avatar: Fire and Ash ยังเริ่มถ่ายทำพร้อมกับ The Way of Water ในเดือนกันยายน 2017 ก่อนจะมาเสร็จสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม 2020 ใช้เวลาถ่ายทำรวมทั้งสิ้น 3 ปี ด้วยงบประมาณกว่า 400 ล้านเหรียญ ถือเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่แพงที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างกันมา
  • เหตุผลส่วนหนึ่งของการถ่ายทำ ภาค 2, 3 และบางส่วนของภาค 4 พร้อมกันทีเดียวก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้รูปร่างหน้าตาของนักแสดงรุ่นเด็กเปลี่ยนไป เพราะหากถ่ายทำทีละภาค จากภาค 2 ไปถึงภาค 4 อาจกินเวลาร่วมสิบปีก็เป็นได้
  • เจมส์ คาเมรอนให้สัมภาษณ์ Entertainment Weekly เอาไว้เมื่อปี 2022 ว่าตอนที่แคส Trinity Jo-Li Bliss มารับบท ทุค ลูกคนเล็กของครอบครัวซัลลี เธออายุประมาณ 7 ขวบ แต่ตอนที่ภาค 2 ออกฉาย เธออายุ 13 ปีแล้ว (ปัจจุบันเธอมีอายุ 16 ปี)
  • ส่วนแจ็ค แชมเปียน ผู้รับบท สไปเดอร์ ตอนอายุ 12 ขวบนั้น คาเมรอนบอกว่าโตเร็วอย่างกับสาหร่าย (หากไปเสิร์ชรูปปัจจุบันของเขาดูอาจจำไม่ได้ว่านี่คือคนเดียวกับสไปเดอร์ที่เราเห็นในหนัง เพราะเขามีอายุ 21 ปีแล้ว)

เกร็ดน่ารู้ก่อนตีตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ 'Avatar: Fire and Ash' เกร็ดน่ารู้ก่อนตีตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ 'Avatar: Fire and Ash'

แจ็ค แชมเปี้ยน วัย 21 ปี ในงานเปิดตัว Avatar: Fire and Ash

เรื่องย่อ Avatar 3 (ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)

หลังสูญเสียลูกชายคนโตไปในการต่อสู้กับคนจากฟ้า (มนุษย์) ต้องทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดมาอาศัยอยู่กับชาวนาวีเผ่าอื่น เนย์ทิรีก็เกิดความรู้สึกเคียดแค้นชิงชังมนุษย์ขึ้นมาในหัวใจ ซึ่งเราเห็นสิ่งนี้จากตัวอย่างที่เจคพูดกับเนย์ทิรีว่า “เจ้าจะมีชีวิตอยู่กับความเกลียดชังแบบนี้ไม่ได้”

ทางด้าน โลอัค ลูกชายคนรอง ก็ต้องจัดการกับความคิดว่าตัวเองเป็นคนทำให้พี่ชายตาย ขณะที่ เจค เองก็ต้องห้ามตัวเองไม่ให้โทษลูกชายคนรองเพราะเรื่องนี้ให้ได้ ทำให้สถานการณ์ของครอบครัวซัลลีเต็มไปด้วยความตึงเครียด

การต่อสู้ในภาคนี้ดุเดือดยิ่งกว่าเดิม เพราะนอกจากมนุษย์แล้ว ชาวนาวียังต้องเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจที่เป็นพวกเดียวกันเอง นั่นคือ เผ่าไฟ ที่มี วารัง เป็นผู้นำ พวกเขาโกรธแค้น เอวา ที่ไม่ให้ความช่วยเหลือไม่ว่าจะวิงวอนร้องขอแค่ไหน จึงเลือกที่จะกลายมาเป็นตัวร้าย

ผู้พันไมล์ส ควอริทช์ยังคงตามล้างตามล่าครอบครัวซัลลีไม่ปล่อย นอกเหนือจากความโกรธแค้นที่เจคกับเนย์ทิรีสังหารเขาในภาคแรกแล้ว ยังมีเรื่องของลูกชาย สไปเดอร์ ที่เขาต้องการพาตัวกลับไปอยู่ด้วยให้ได้

ขณะที่ลูก ๆ แต่ละคนของครอบครัวซัลลี ไม่ว่าจะเป็น คิรี โลอัค ทุค รวมถึงสไปเดอร์ ต่างต้องตามหาภาระหน้าที่ที่ตัวเองมีให้พบ เพื่อกอบกู้ดาวแพนดอร่า และช่วยเหลือชนเผ่านาวี

 

 

  • โซอี้ ซัลดานา บอกว่าการรับบทเนย์ทิรีใน Avatar: Fire and Ash นั้นท้าทายกว่าทุกภาคที่ผ่านมา เพราะชีวิตส่วนตัวเธอก็เพิ่งจะขยับขยายครอบครัว ต้องทิ้งลูกที่ยังเป็นทารกเอาไว้ที่บ้านเพื่อมาทำงาน แถมยังต้องมาเล่นเป็นคนที่ต้องฝังลูกตัวเองอีก มันเลยเป็นเรื่องยากมาก

เกร็ดน่ารู้ก่อนตีตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ 'Avatar: Fire and Ash'

  • แค่ชื่อ Avatar: Fire and Ash ก็บอกชัดเจนว่าภาคนี้ เผ่าไฟ เป็นตัวเอก Oona Chaplin ผู้รับบท วารัง ผู้นำเผ่าไฟ เคยรับบท Talisa Maegyr ในซีรีส์ Game of Thrones มาก่อน เธอมีแม่เป็นลูกครึ่งอังกฤษ-อเมริกัน มีพ่อเป็นชาวชิลี แต่เกิดที่สเปน และมีเชื้อสายไม่ธรรมดาคือ เป็นเหลนของ ชาร์ลี แชปลิน นักแสดงตลกชื่อดัง แถมยังเป็นโหลนของ ยูจีน โอนีล นักเขียนบทละครชื่อดังชาวไอริช-อเมริกันอีกด้วย

เกร็ดน่ารู้ก่อนตีตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ 'Avatar: Fire and Ash' เกร็ดน่ารู้ก่อนตีตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ 'Avatar: Fire and Ash'

  • ‘เผ่าไฟ’ อาศัยอยู่บนภูเขาไฟ เป็นดินแดนใหม่ที่เราจะได้เห็นกันบนดาวแพนดอร่า ‘เจมส์ คาเมรอน’ บอกว่าเผ่านี้เป็นด้านมืดของชาวนาวี มีนิสัยโน้มเอียงไปในทางชอบการทำลายล้าง ต่างจากเผ่าอื่นที่อยู่กันอย่างสงบสุข เคารพธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ
  • “ถ้าคุณคิดถึงไฟในรูปของความเกลียดชัง โทสะ ความรุนแรง อะไรประเภทนั้น เถ้าถุลีก็คือผลพวงที่เกิดขึ้นหลังจากสิ่งพวกนั้น” เจมส์ คาเมรอน ให้สัมภาษณ์ Entertainment Weekly เอาไว้เกี่ยวกับเผ่าไฟ
  • Avatar: Fire and Ash มีความยาว 3.17 ชั่วโมง ยาวที่สุดในสามภาค โดย Avatar ยาว 2.42 ชั่วโมง และ Avatar: The Way of Water ยาว 3.12 ชั่วโมง
  • เจมส์ คาเมรอนถึงกับไปศึกษาเรื่อง Neuroscience (ประสาทวิทยาศาสตร์) เพื่อลดผลกระทบของอาการปวดหัวเมื่อรับชม Avatar: Fire and Ash ในระบบ 3 มิติ ที่เกิดขึ้นกับผู้ชมจำนวนหนึ่งที่รับชมภาคที่ผ่านมา
  • Avatar คือหนังที่ให้ความสำคัญกับสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ดังนั้น ตัวละครสำคัญใน Avatar: Fire and Ash จึงไม่ได้มีแค่ชาวนาวี และมนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึง พญาคาน โทคูน (Tulkun) ที่ถูกขับออกจากเผ่าพันธุ์เพราะลุกขึ้นสู้กับพวกมนุษย์ที่ทำร้ายตัวเองและชาวนาวี ขณะที่โทคูนจะยึดมั่นในความเชื่อเดิมว่าต้องไม่ทำร้ายใคร มารอดูกันว่าพญาคานที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับ โลอัค ลูกชายคนรองของครอบครัวซัลลี จะมีบทบาทที่สำคัญอย่างไรกับเส้นเรื่องของ Avatar ในภาคนี้ และภาคต่อ ๆ ไป

เกร็ดน่ารู้ก่อนตีตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ 'Avatar: Fire and Ash' เกร็ดน่ารู้ก่อนตีตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ 'Avatar: Fire and Ash'

  • เราจะได้รู้กันว่า คิรี ลูกสาวของเกรซ (ซิเกอร์นีย์ วีเวอร์) มีบทบาทสำคัญอย่างไรต่อดาวแแพนดอร่า เอวามีจุดประสงค์อย่างไรถึงให้เธอถือกำเนิดขึ้นมา จากตัวอย่างเราจะได้เห็นภาพคิรีพยายามเชื่อมจิตเข้ากับ Tree of Souls พร้อมพูดกับ เอวา ว่า “ท่านส่งฉันมาที่นี่มันต้องมีเหตุผลสิ”

เกร็ดน่ารู้ก่อนตีตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ 'Avatar: Fire and Ash'